ดร. ปฐมพงษ์
ศุภเลิศ :
ท่านต่อไปเชิญอาจารย์จีรัฐกาล
อาจารย์จีรัฐกาล
พงศ์ภคเธียร :
จากการที่ได้เข้ามาในวันนี้ทำให้เข้าใจมากขึ้น คงเหมือนกับทุกท่านว่า
KM คืออะไร
แต่หลังจากที่ผ่านมาจนกระทั่งวันนี้ได้ทราบว่าชีวิตการทำงาน
มีกระบวนการ KM อยู่ตลอดเวลาจากที่ตัวเองฐานเดิมไม่ใช่ด้านการศึกษา
แต่พอมาทำงานด้านการศึกษาแล้วก็ต้องสร้างความรู้จากงานจากชีวิต
แล้วเรียนลัดผ่านวิธีเลิศ
จากคำกล่าวที่ว่าการเรียนรู้ที่แท้จริงต้องเอาความรู้เป็นตัวตั้ง
ไม่ใช่เอาวิชาเป็นตัวตั้ง ชีวิตคืออะไร ชีวิตก็คือ การกิน
การอยู่การทำงานนี้เอง เพราะฉะนั้น
ชีวิตของทุกคนต้องอยู่การเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา ที่เราเรียกว่า
ชีวิตคือการเรียนรู้นั่นเอง เราต้องมีการพัฒนาตลอดเวลา
ต้องรู้เป้าหมายของชีวิต คือหัวปลานั้นเอง ต้องมี vision
ว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไร
ระหว่างทางเราต้องมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับเพื่อนร่วมทางของเรา
ไม่ว่าจะเป็นผู้ร่วมงาน ผู้ปกครอง ลูกศิษย์ ผู้บริหาร
หรือใครต่อใครที่เราทำงานและต้องสร้างวัฒนธรรมแห่งการเรียนรู้ให้เกิดขึ้นกับเราและวัฒนธรรมนี้ก็ต้องเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่เป็นกัลยาณมิตร
การที่เราจะทำให้ KM เข้าไปอยู่ในชีวิตของเด็ก ของครู
ขยายไปสู่ผู้ปกครองของชุมชนได้
เราก็จะต้องเริ่มจากตัวของเราก่อน
เราต้องเริ่มจากตัวของเราว่าใช้ KM
ให้เป็นเครื่องมือในการดำเนินชีวิต เพราะ KM คือ การเรียนรู้
และการเรียนรู้ก็คือ KM นั่นเอง
ดร. ปฐมพงษ์
ศุภเลิศ :
ต่อไปเชิญอาจารย์สมควรครับ
อาจารย์สมควร
พรอยู่ศรี :
ขอบคุณค่ะที่ได้เชิญเป็นวิทยากรในวันนี้ รู้สึกดีใจ
จริงแล้วการจัดตลาดนัดความรู้ที่โรงเรียนทำแล้วสองครั้ง
แต่การจัดแต่ละครั้งทำให้เราได้ความรู้ที่หลากหลาย
ขึ้นอยู่กับการจัดแต่ละครั้ง
ในวันนี้ได้มา
แลกเปลี่ยนความรู้ในสิ่งที่ทำ
อีกประการหนึ่งได้รับรู้จากสิ่งที่มาแชร์กัน จากวิทยากรที่มา
จากผู้ทรงคุณวุฒิ
ความรู้ที่มาตรงนี้จะได้นำไปแชร์ในองค์กรของเราได้ในส่วนหนึ่ง
โรงเรียนของดิฉันเป็นโรงเรียนเอกชน
ความรู้ที่ได้ครั้งนี้นับว่าได้มหาศาล
สิ่งนี้จะได้นำไปพัฒนาอย่างหลากหลาย
อยากฝากกับผู้ที่เข้ามาตรงนี้ว่า
สิ่งที่เราทำตรงนี้จะนำไปปฏิบัติกับใคร ถ้าในโรงเรียนก็นักเรียน
นักเรียนทุกคนของเรา นักเรียนคนเก่งของเราว่าจะมีวิธีการอย่างไร
ขอฝากไว้เท่านี้ค่ะ
ดร. ปฐมพงษ์
ศุภเลิศ :
ขอบพระคุณครับ ท่านสุดท้ายอาจารย์วิมลศรี
เชิญครับ
อาจารย์วิมลศิริ
ศุษิลวรณ์:
ขอบพระคุณค่ะ
ความตั้งใจในวันนี้อยากมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้
อะไรบ้างที่ได้จากการคาดหวัง ประการที่หนึ่งคือ ความคิดคมๆ
จากคุณหมอชาตรี เป็นสิ่งที่เร้าพลังอย่างมาก
สิ่งที่ได้ต่อมาคือจากอาจารย์ไกรเดชค่ะ
ถ้าถามว่าออกไปจากห้องนี้แล้วจะทำอะไร ยังไม่ทันออกเลย
จะรีบไปถามอาจารย์ไกรเดช
เรื่องที่อาจารย์พูดเกี่ยวกับการจัดระบบของขององค์กรจะทำอย่างไร
จึงจะเกิดความยั่งยืน สิ่งที่ยังไม่ได้จากที่คาดหวัง
คือขุมความรู้จากท่านอาจารย์ชาตรี
หวังว่าจะได้อะไรใส่กระเป๋ากลับไปบ้าน
เพราะมันเป็นแผนที่ดีที่ได้จากการปฏิบัติคะ
คงจะมีแค่นี้ก่อนนะคะ
ดร. ปฐมพงษ์
ศุภเลิศ :
จากท่านสมาชิกที่เข้าร่วมสัมมนาไม่ทราบว่าท่านได้เขียนส่งแล้วหรือยัง
จะได้รวบรวมมานำเสนอในพรุ่งนี้ต่อไปนะครับ ทราบว่า ดร.สมาน
ท่านไปแล้ว เพราะท่านจะต้องเดินทางกลับอุบล ขอเรียนเชิญ
ดร.วิโรจน์ครับ
ดร.วิโรจน์
ศรีโภคา:
จากการที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้นำที่เป็นผู้ที่มีความสามารถในการจัดความรู้ได้
และบุคลากรท่านอื่นก็เห็นว่าเป็นประโยชน์ AAR
ที่เราได้จัดทำขึ้นมากจะเป็นประโยชน์มาก
ก็คือสุภาพสตรีเป็นผู้ที่ได้ทบทวน
เป็นผู้ที่มีการวัดการประเมินได้ยอดเยี่ยมมากกว่าสุภาพบุรุษ
เช่นว่า
ในชีวิตประจำวันสุภาพสตรีมีการวัดและประเมินผลอย่างดีเยี่ยม
ตั้งแต่เช้าจนเย็นออกจากบ้านก็ส่องกระจก เขียนคิ้วก็วัด
ก่อนนอนก็ทำอีก นับว่าสุดยอดของคนที่ใฝ่รู้
จะเห็นว่าสุภาพสตรีก่อนทำอะไรก็ถามแฟน
เช่นก่อนทำอะไรก็ว่าพ่อจะทำอะไร
สุภาพสตรีก็ไปซื้อเครื่องแกงส้มมา
สุภาพสตรีก็มีการปรุง
ในขณะที่ปรุงก็มีการชิมสุภาพสตรีก็มีการชิม ตรงนี้
AAR โดยเฉพาะถ้ามันเปรี้ยวไป ใส่น้ำตาลน้ำปลาให้ดีขึ้นไป
ก็ปรับปรุง ปรับเปลี่ยนแก้ไขจนกระทั่งสุดท้ายวางตอนเย็นในโต๊ะ
ก็ถามว่า พ่ออร่อยหรือไม่ นี่วัดความพึงพอใจ
ไม่อร่อยก็บอกว่าอร่อย ในใจก็บอกว่าสาบานได้ไหมเอามือทำ
เห็นได้ว่าสุภาพสตรีได้นำ AAR ไปใช้ในการไปใช้ในชีวิต
ประจำวันตลอด ผมว่าในการจัดการความรู้มีผู้ทำก็สุดยอดแล้ว
มีผู้ถามว่าการจัดการความรู้จะนำไปปฏิรูปการศึกษาให้เร็วต่อไปได้อย่างไร
ที่เราคุยกันการพัฒนาสถานศึกษาทั้งระบบ ทำอย่างไรที่ตัว process
ของเราที่จะขับเคลื่อน ผมเห็นด้วยกับตัว Whole School เป็นตัวที่สำคัญ
เพราะตัวกระบวนการบริหารต้องใช้กระบวนการจัดการความรู้เข้าไป
ทำอย่างไรเราจะเน้นบุคลากรทุกฝ่าย ให้มีส่วนร่วมในการกำหนดเป้าหมาย
จาก bottom up ขึ้นมา จาก top down ลงมาเป็นวัตถุประสงค์ขององค์กร
อันนี้การมีส่วนร่วมเป็นสุดยอดของการบริหาร
กระบวนการที่สองที่เราคุยกันวันนี้มากใช้การจัดการความรู้
การพัฒนาบุคลากรของเรา ทรัพยากรมนุษย์
เราก็ใช้การจัดการความรู้นี่เป็นตัวพัฒนา
การประกันคุณภาพซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาสถานศึกษาทั้งระบบ ให้แข็งแกร่ง
เพราะว่ากระทรวงศึกษาไม่ต้องทำอะไร
ลงทุนอย่างเดียวทำอย่างไรให้ครูทุกท่านได้จัดการความรู้
โดยสรุปว่าวันนี้คิดว่าได้ประโยชน์กับเรามาก จะเป็นอาหารสมองที่ดี
อาหารที่เราทำวันนี้ทานออกไปก็ออกจากร่างกาย แต่ผมคิดว่าที่
สคส.ให้อาหารที่มีคุณค่าคือ อาหารสมอง คือการจัดการความรู้
ขอบคุณครับ
ดร. ปฐมพงษ์
ศุภเลิศ :
เรียกได้ว่าท่านสรุปครบถ้วนทุกกระบวนการ ที่พวกเราคาดหวัง
อยากจะให้ฟังคุณหมอชาตรี ท่านเฝ้ามองเราอยู่
และการสะท้อนมุมมองของพวกเราทั้ง 10 ท่านนี้ ขอเรียนเชิญครับ
นพ.ชาตรี เจริญศิริ
:
ก่อนที่จะจากกันวันนี้
ผมกำลังจินตนาการว่าแล้วเย็นนี้เราจะกลับไปทำอะไร
พรุ่งนี้เราจะทำอะไรต่อ แล้วเมื่อเรากลับไปที่โรงเรียน
เราจะทำอะไรได้บ้าง เรามักจะพูดถึงขุมความรู้
ผมมีนักศึกษาปริญญาโทที่ต้องดูแลอยู่ หน้าที่ต้องทำคือต้องตรวจ field
note ทุกวัน เหมือนกับอ่านไดอารี่ที่ท่านที่ได้ทำอยู่
ผมอยากจะตั้งคำถามว่ารูปที่ท่านถ่ายทุกภาพนี้
เราจะเอาไปเก็บอย่างไร
ปัญหาไม่ใช่เราไม่มีขุมความรู้แต่เรามีขุมใหญ่
แต่ว่าเราเลือกรูปแบบไหนที่จะเก็บ
ให้คิดนะครับว่าถ้ามีรูปอยู่ในกล้องโซนี่ ที่ขึ้นต้นว่า DFC แล้วมีเลข
6 หลักแล้วจัดทำอย่างไร
ถ้าท่านออกไปข้างนอกจะเห็นได้ว่า
มีหนังสือเรื่องประชาคมน่านกับการจัดการความรู้ที่ผมเขียนไว้
เรื่องการจัดการกับ index
ถ้าเราตั้งชื่อภาพว่า KM ครั้งที่ 2 แล้วเรียงลำดับ
001 002 และเวลาที่ต้องการท่านสามารถ search ได้
เวลามีรูปหลายๆคน ท่านสามารถจะทำได้
กล้องตัวนี้ซื้อมา 13,800 บาท ซื้อมาเมื่อ 3 ปีที่แล้ว
ถ่ายไปแล้ว 30,000 กว่ารูป ผมทำ index ทุกครั้ง
ก่อนที่จะเอารูปเข้าไปใน hard disk และคนอื่นก็เอาไปใช้ได้
นี่เป็นเรื่องง่ายที่ทำได้ง่ายกว่าการไปแคะความรู้ที่มาจากตัวเอง
จากหัวใจของใครต่อใคร แค่ถามง่ายว่า
ภาพที่ได้จะแลกอย่างไร แม้แต่ใน note book
ที่กางกันอยู่จะแลกอย่างไร
นี่เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างหนึ่ง
เพราะทุกวันนี้จะเป็นเลขฐานสอง แต่ภาพส่วนใหญ่จะเป็น
format เดียว ใช้สกุล jpg ใช้โปรแกรมง่ายเช่น โปรแกรม
ACDSee ดูรูปสามารถจะตั้งรูปเป็น series ได้
เรื่องที่สอง เราไม่ค่อยมีเวลา
มีอะไรที่เป็นสูตรสำเร็จหรือไม่ เราไม่ค่อยมีเวลา
ผมมีประสบการณ์อยากแลก
ว่าที่เราทำงานอยู่นั้นสักวันหนึ่งจะต้องมีคนทำงานแทนเรา
หน้าที่ของเราคือสร้างบ้านให้คนอื่นมาแลก
มีอะไรมาแลกก็แลก ทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
การพูดภาษาอังกฤษ ผมแลกกับเพื่อนร่วมงานทุกสัปดาห์
วันละครึ่งชั่วโมง เมื่อตะกี้นี้ก็มีโทรศัพท์
เข้ามาสองสามสาย ผมก็ผ่องให้เลขาผมเรียบร้อย Peter Senge
ได้เขียนหนังสือไว้เมื่อ ปี 2000 ชื่อ The Dance of
Change ชื่อการเต้นรำกับการเปลี่ยนแปลง
เล่มนี้ได้พูดถึงว่ามีสูตรสำเร็จอย่างหนึ่งสำหรับคนที่ไม่มีเวลา
ต้องหาเลขาที่เก่ง หรือทำให้เขาเก่งขึ้น บังเอิญผมเห็นกลุ่มของเลขา
JSN มีกี่คน คือใคร น้องๆ
เหล่านี้เป็นเลขาหรือผู้ประสานงานอยู่ที่ สกว. หรือ node เมื่อ
4 ปีที่แล้วมีอยู่ 24 คนมีหลายคนที่เกาะกลุ่มกันอยู่
แต่ยังเกาะกลุ่มกันอยู่ เมื่อ 4
ปีที่แล้วถ้าเลขามีเพื่อนเขาจะสนิทเมื่อปีที่แล้วจัดไปสัมมนาที่แม่กำปอง
และอีกสองสามที่ ตอนนี้เขาปึ้กกัน พอเลขาเขาเก่งขึ้น
เขาก็มีหน้าที่ใช้ผมนะครับ
และเป็นเรื่องที่แปลกที่เราต้องคิดว่าใครจะมาผ่องงานจากเรา
เลขาแต่ละคนจะมีเบอร์โทรศัพท์ผู้เกี่ยวข้องแล้วเอาหลายเล่มมาเชื่อมกัน
ซึ่งเขาเองก็มีวิธีการของเขา วิธีแบบนี้ทราบว่าทาง
สคส.ก็นำมาทำด้วยครับ นี่เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ท่านสามารถจะทำได้
ถ้าไม่ทำแบบนี้ผมก็ไม่สามารถที่จะมาได้
ผู้บริหารก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเลขาส่วนตัวทำหน้าที่เป็นเลขาด้วย
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นขุมความรู้ จะขอแนะนำหนังสือเรื่อง
วิธีคิดกระบวนระบบ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช
เขียนคำนิยมว่าสิ่งที่บอดที่สุดคือคน
การเข้าใจเชิงกระบวนระบบก็บอดจริงๆ
หนังสือเล่มนี้มีขายอยู่ที่บันไดชั้นที่ 2
คนเขียนเรื่องนี้ก็ใช้ได้ คือคุณชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์
เขียนถึงน้ำผึ้งหยดเดียวคือเรื่องดาราภาพยนตร์ไปพูดผิดหูนิดหนึ่ง
การเผาสถานทูตที่พนมเปญ ที่มีการพูดกัน เพราะอะไร โดยใช้
systems thinking เป็นตัววิเคราะห์
เกือบจะรบกันอยู่แล้วแล้วเราไปถอดสลักได้อย่างไร
ซึ่งเป็นหนังสือที่เขียนได้ดี คนที่เขียนคนแรกคือ Peter Senge
แต่เล่มนี้เขียนได้ดีกว่า อีกเล่มหนึ่ง
การจัดการความรู้สำหรับมือใหม่หัดขับ เป็นของ สคส.
ผมมีกับตัวกี่เล่มก็มีคนหยิบไปหมด
ไม่ใช่มือใหม่หัดเขียนด้วย
ถ้าท่านได้อ่านหนังสือเล่มนี้จะเห็นว่าตัวความรู้เรายังได้ตัว ลีลา
และstyle สิ่งที่ครูต่างกับหมอคือ ลีลา
หมอนั้นขอให้โรคหายคนไข้จะเจ็บหรือไม่เจ็บ
เมื่อคุณตัดไส้ติ่งแล้วคุณหาย ไม่ตายแน่ จบเลย
แต่ครูเป็นคนที่ซอยตั้งแต่ปัจจุบันจนถึงความสำเร็จ มีการซอยเป็นขั้น
หนังสือเล่มนี้คุณสมบัติของความเป็นครูครบ ลองไปพลิกดู นะครับ
คนที่เขียนคือ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืด
ท่านเป็นวิศวกรจบปริญญาเอกที่แคนซัส และเป็นบริษัทที่ปรึกษา ISO ด้วย
ตอนนี้เลิกทำ มาทำ KM ที่ว่าจบปริญญาเอกแล้วเขียนหนังสือไม่รู้เรื่อง
ลองไปอ่านดู ผมว่าจบประถมศึกษาก็อ่านรู้เรื่อง สิ่งที่เราทำนั้น
ทำอย่างไรประชาชนส่วนใหญ่ในแผ่นดินจึงจะเข้าใจ
ไม่ได้ถือเป็นข้ออ้างของนักการเมืองที่ว่าต้องฟังเสียงประชาชนเป็นส่วนใหญ่
หรือที่มีคนค่อนขอดว่าประชาธิปไตย 4 นาที
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องของการจัดการความรู้ทั้งสิ้น
การจัดการความรู้ขุมทรัพย์ที่ อ.วิมลศรีอยากจะได้
ผมอายเหมือนกันคงไม่ใช่ขุมทรัพย์มันเป็นวิธีการ note
อย่างหนึ่งของผมที่จะทำให้เก็บสีสันของห้องทั้งหมด
แต่ถ้าจะให้ดีเหมือนที่มีการถ่ายรูปครั้งแรกเมื่อ 50
ปีที่แล้วในโลกที่ฝรั่งเศส ที่ดาแก
กล้องถ่ายรูปมีหน้าที่บอกว่าสิ่งนี้เกิดขึ้นมาในวินาทีนี้ในโลก
ตั้งแต่มีรูปถ่ายเมื่อ 150 ปีคนยังพอใจที่ได้เห็นรูปตัวเอง
เห็นได้ว่ารูปถ่ายสามารถเล่าเรื่องได้
ผมขออนุญาตพูดถึงกล้อง digital นิดหนึ่ง
กล้องนี้เป็นเทคโนโลยีซึ่งรุ่งเรืองมากที่ประเทศญี่ปุ่น ประมาณ ปี
2526, 2527
ครูโรงเรียนอนุบาลให้เด็กไปถ่ายรูปแล้วต่อกับกล้องโทรทัศน์
แล้วให้เด็กเล่าว่าทำไมจึงถ่ายรูป
ผมเชื่อว่าครูทุกคนมีกล้องดิจิตอล แล้วให้นักเรียนถ่ายรูปได้
ผมทำลึกซึ้งกว่านั้น คือ ให้กล้องถ่ายรูปยืม
ให้คนในชุมชนเมืองน่านไปถ่ายรูปบ้านเก่า
ไปถ่ายรูปต้นไม้เก่าแก่ที่มีผ้าเหลืองหุ้มอยู่ รูปศาลเก่า
รูปหอผี เรียกว่าหอบรรพบุรุษ
สถานที่สำคัญแล้วผมเอารูปเหล่านั้นมาทำ atlas
มาบรรยายในเล่มขนาดใหญ่ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดน่านให้เงินมา 1
ล้านบาท เพราะพิสูจน์ได้ว่าทำให้บ้านไม่ถูกรื้อ
เพราะเขาเป็นคนให้คุณค่าเอง
และหนังสือนี้ทูลเกล้าถวายพระองค์ท่านสมเด็จพระเทพไปแล้ว
ท่านมีตำหนักอยู่ที่น่านด้วย พระองค์ท่านเปิดดูทันที
มันเกิดจากการใช้กล้องดิจิตอล จากการที่คนอยากเล่าเรื่อง
ตอนนี้ไม่มีจำหน่าย คือให้เป็นอภินันทนาการแก่เจ้าของบ้านเก่า
มันเคลื่อนสังคมได้ เกิดจากเทคโนโลยี ก็คือกล้องตัวนี้ของผมเอง
ตรงนี้ที่สำคัญมากสิ่งที่ตัวหนังสือไม่สามารถบรรยายได้คือสีหน้าและแววตา
ซึ่งถ้าหากเราสามารถจับได้คือ คนที่อยากมาเรียนในวันนี้
คือสีหน้าแววตา และใจที่อยากมาดู
ผมว่าเทคโนโลยีนี้มีอยู่ในตัวท่านด้วย ถ้าเราทำอาจจะได้ภาพหนึ่ง
เราจะเกิดพื้นที่พื้นที่หนึ่ง
อย่างเช่นคอนโดมิเนียมกองขี้ควาย
ทำให้เห็นในส่วนที่เรายังไม่เห็น ทั้งนี้เป็นส่วนน้อย
น้องหลายคนถามว่าทำไมผมสดชื่น ไม่อยากบอกว่าผมทำ KM
ครับ
ดร. ปฐมพงษ์
ศุภเลิศ :
มาถึงช่วงสุดท้ายของวันนี้ ก่อนจะจบใคร่ขอขอบพระคุณท่านที่มีส่วนร่วม
ขอขอบคุณคุณกิจทั้งสิบท่าน ขอเสียงปรบมือด้วยครับ
ท่านผู้ทรงคุณวุฒิทั้ง 3 ท่าน ขอขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ของ สคส.
ที่กรุณาอำนวยความสะดวกทุกสิ่งทุกอย่าง
ที่ทำให้การดำเนินงานของเราเป็นไปตามเป้าหมายทุกประการ
เจ้าหน้าที่ฝ่ายภาพ ฝ่ายเสียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายอื่นๆ ด้วย
และที่สำคัญคือผู้ที่เข้าร่วมเวทีวันนี้ตั้งแต่เช้าที่ไม่หนีหายไปไหน
ผมก็ขอฝากความคิดเป็นคำกลอนสั้น ว่า
การจัดการความรู้ในวันนี้ ใช่อยู่หน่วยงานในสถานศึกษา
หากเกิดจากหน่วยงานระดมภูมิปัญญา
นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน
ขอขอบคุณที่ท่านมาในวันนี้ ร่วมวิถีแนวทางการสร้างสรรค์
หวังไว้ในวันหน้าคงพบกัน ขอท่านจงโชคดีมีชัยเอย
ขอขอบพระคุณอย่างสูงครับ