พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484
เจ้าหน้าที่ของกรมประมงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป่าไม้
พ.ศ.2484 ตามประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เรื่องแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชป่าไม้ พ.ศ.2484
ลงวันที่ 18 เมษายน 2533
มีอำนาจหน้าที่ในการป้องกัน จับกุม
ปราบปรามผู้กระทำความผิดตามกฎหมายดังกล่าวเฉพาะในพื้นที่ป่าชายเลนที่อยู่ในเขตท้องที่รับผิดชอบหรือปฏิบัติงาน
อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่มีดังนี้
1.มาตรา 64 ทวิ*
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจยึดบรรดาเครื่องมือ เครื่องใช้
สัตว์พาหนะ ยานพาหนะ หรือเครื่องจักรกลใด ๆ ที่บุคคลได้ใช้
หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าได้ใช้ในการกระทำความผิด
หรือเป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำความผิดตามมาตรา 11
มาตรา 48 มาตรา 54 หรือ
มาตรา 69 ไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการพิจารณาคดีได้
จนกว่าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นของผู้กระทำความผิดหรือของผู้มีเหตุอันสมควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดหรือไม่
ทรัพย์สินที่ยึดไว้ตามวรรคหนึ่ง
ถ้าพนักงานอัยการสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือศาลไม่พิพากษาให้ริบ
และผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองมิได้ร้องขอคืนภายในกำหนดหกเดือนนับแต่วันทราบ
หรือถือว่าได้ทราบคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดีหรือวันที่คำพิพากษาถึงที่สุด
แล้วแต่กรณี ให้ตกเป็นของกรมป่าไม้
ถ้าทรัพย์สินที่ยึดไว้จะเป็นการเสี่ยงความเสียหาย
หรือค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาจะเกินค่าของทรัพย์สิน
รัฐมนตรีหรือผู้ที่รัฐมนตรีมอบหมายจะจัดการขายทอดตลาดทรัพย์สินนั้น
ก่อนถึงกำหนดตามวรรคสองก็ได้
ได้เงินเป็นจำนวนสุทธิเท่าใดให้ยึดไว้แทนทรัพย์สินนั้น
2.มาตรา 64 ตรี*
ในกรณีทรัพย์สินที่ยึดไว้ตามมาตรา 64 ทวิ
มิใช่เป็นของผู้กระทำความผิด
หรือของผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นผู้กระทำความผิดให้พนักงานเจ้าหน้าที่โดยอนุมัติรัฐมนตรีคืนทรัพย์สินหรือเงิน
แล้วแต่กรณีให้แก่เจ้าของก่อนถึงกำหนดตามมาตรา 64 ทวิ
ได้ในกรณีดังต่อไปนี้
(1) เมื่อทรัพย์สินนั้นไม่จำเป็นต้องใช้เป็นพยานหลักฐาน
ในการพิจารณาคดีที่เป็นเหตุให้ทรัพย์สินนั้นถูกยึด และ(2)
เมื่อผู้กระทำความผิดหรือผู้มีเหตุอันควรสงสัยว่า
เป็นผู้กระทำความผิดได้ทรัพย์สินนั้นมาจากผู้เป็นเจ้าของโดยการกระทำความผิดทางอาญา
ฐานความผิดที่สำคัญของพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ
มีดังนี้
1.มาตรา 11* ผู้ใดทำไม้ หรือเจาะ หรือสับ หรือเผา
หรือทำอันตรายด้วยประการใด ๆ แก่ไม้หวงห้าม
ต้องได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
หรือได้รับสัมปทานตามความในพระราชบัญญัตินี้
และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงหรือในการอนุญาต
การอนุญาตนั้น
พนักงานเจ้าหน้าที่เมื่อได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีแล้วจะอนุญาตให้ผูกขาดโดยให้ผู้ได้รับอนุญาตเสียเงินค่าผูกขาดให้แก่รัฐบาลตาม
จำนวนที่รัฐมนตรีกำหนดก็ได้
การอนุญาตโดยวิธีผูกขาดหรือให้สัมปทานสำหรับการทำไม้ฟืนหรือไม้เผาถ่านไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ให้กระทำได้เฉพาะในเขตป่าที่ห่างไกลและกันดาร
หรือเฉพาะการทำไม้ชนิดที่มีค่าหรือหายาก
การพิจารณาคำขออนุญาตผูกขาดหรือสัมปทานตามความในวรรคก่อนให้กระทำโดยคณะกรรมการซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้ง
2.มาตรา 48* ภายในเขตควบคุมการแปรรูปไม้
ห้ามมิให้ผู้ใดแปรรูปไม้ ตั้งโรงงานแปรรูปไม้ ตั้งโรงค้าไม้แปรรูป
มีไม้สักแปรรูปไม่ว่าจำนวนเท่าใดไว้ในครอบครอง
หรือมีไม้แปรรูปชนิดอื่นเป็นจำนวนเกิน 0.20
ลูกบาศก์เมตรไว้ในครอบครอง
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
และต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงและในการอนุญาต
เพื่อประโยชน์แห่งความในวรรคหนึ่ง
ไม้ซุงหรือไม้ท่อนที่จมอยู่ในแม่น้ำลำคลอง
ในรัศมีห้าสิบเมตรของบริเวณที่ทำการแปรรูปไม้
และไม่มีผู้ใดเป็นเจ้าของ
ให้สันนิษฐานว่าเป็นไม้ที่อยู่ในความครอบครองของผู้รับอนุญาตตั้งโรงงานแปรรูปไม้ที่มีโรงงานอยู่ในบริเวณนั้น
ความในวรรคหนึ่ง ให้หมายความรวมถึงการกระทำแก่ไม้
ที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรด้วย
3.มาตรา 54* ห้ามมิให้ผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง
หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็น
การทำลายป่า
หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น
เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้เป็นประเภทเกษตรกรรม
และรัฐมนตรีได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาหรือโดยได้รับใบอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
4.การขออนุญาตและการอนุญาต
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดใน
กฎกระทรวง
5.มาตรา 69*
ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งไม้หวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปโดยไม่มีรอยตราค่าภาคหลวงหรือรอยตรารัฐบาลขาย
เว้นแต่จะพิสูจน์ได้ว่าได้ไม้นั้นมาโดยชอบด้วยกฎหมาย
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในกรณีความผิดตามมาตรานี้
ถ้าไม้ที่มีไว้ในครอบครองเป็น
(1) ไม้สัก ไม้ยาง หรือไม้หวงห้ามประเภท ข. หรือ
(2) ไม้อื่นเป็นต้นหรือเป็นท่อนอย่างใดอย่างหนึ่ง
หรือทั้งสองอย่างรวมกันเกินยี่สิบต้นหรือ
ท่อน หรือรวมปริมาตรไม้เกินสี่ลูกบาศก์เมตร
ผู้กระทำความผิดต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หนึ่งปีถึงยี่สิบปี
และปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงสองแสนบาท
http://www.cffp.th.com/law_nationalpark.htm