กฎหมายเกี่ยวกับการห้ามใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถของต่างประเทศ 7 แห่ง อังกฤษ ออสเตรเลีย อเมริกา เยอรมัน สเปน สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
ไทยเรามีอุบัติเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ปัจจุบันจึงได้มีการแก้ไขพรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 โดยระบุห้ามมิให้การใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ มิฉะนั้นจะมีความผิดถูกปรับ 400-1000 บาทยกเว้นตามที่ ตร. กำหนด แต่ให้ใช้ Hand Free ได้ซึ่งมีข้อเสนอแนะ ว่า
-ควรยกเว้นกรณีฉุกเฉินที่ไม่สามารถจอดรถก่อนได้ และ
-แนวทางปฏิบัติในการบังคับใช้กฎหมายควรชัดเจน
-ควรศึกษาวิจัยว่าการใช้ Hand Free จะเป็นอันตรายหรือไม่ เพื่อพัฒนากฎหมายในอนาคต
กฎหมายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารในประเทศไทยและต่างประเทศ เป็นที่น่าตกใจว่า ไทยเรามีกฎหมายเกี่ยวกับอาหารเยอะมาก แต่ขาดเอกภาพ เพราะมีกระทรวงที่เกี่ยวข้องเยอะ แต่ละหน่วยงานจึงควรมาคุยกันเพื่อวิเคราะห์หาจุดแตกต่าง และคล้ายคลึงกันเพื่อทำความเข้าใจในกระบวนการ และการตีความกฎหมายไม่ให้มีการทับซ้อนกันในทางปฏิบัติ และควรมีกฎหมายหลัก ซึ่งเน้นมาตรฐานขั้นต่ำทุกเรื่อง แล้วจึงให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปออกกฎหมายเฉพาะของตน
-ต้องร่วมกันสร้างระบบ “คุ้มครองผู้บริโภค” ที่มีลักษณะดังนี้
1. กระจายหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นสาขา ( Agencies)
2.มีกฎหมายกำหนดให้อำนาจต่อรองกับประชาชนที่ชัดเจน เช่น การฟ้องคดีแบบกลุ่ม,การดำเนินการให้มีองค์กรอิสระของผู้บริโภคที่ชัดเจน (รัฐะรรมนูญ พ.ศ.2550มาตรา 61) หรือการแก้ไขกฎหมายให้ผู้ผลิตต้องรับผิดแบบ “ Strict Liability”
กรณีสลากอาหาร ต้องปรับปรุงประกาศกระทรวงฯ เกี่ยวกับ GMOs ให้ตรงกับมาตรฐานสากล โดยต้องคำนึงถึง ผลกระทบกับหลักการของ WTOและข้อตกลงFTA ด้วย
กรณีข้อมูลทางโภชนาการ
-แก้ไขให้การขอขึ้นทะเบียนอาหารจะต้องมีการแจ้งรายละเอียดทางโภชนาการด้วย
-เพิ่มโทษปรับให้สูงขึ้น คือขั้นต่ำ 100,000 บาทขึ้นไป
- กำหนดให้ผู้ประกอบการจะต้องจ่ายค่าเสียหายแก่ผู้ได้รับผลกระทบทั้งโดยชัดเจน และผลจากการสะสม รวมทั้งให้สิทธิผู้เสียหายฟ้องร้องได้ด้วยตนเอง
..........อย่างไรก็ดี.....
ถ้าคนมีจิตสำนึกที่ดี กฎหมายก็ไม่จำเป็น
บริบทของสังคมเปลี่ยนไป ......แต่ละสังคมก็มีจิตวิญญาณของตนเอง อาจเปรียบเทียบกันไม่ได้
ควรแก้ปัญหาโดยวิธี Interdisciplinary Study เพราะกฎหมายอย่างเดียวแก้ปัญหาไม่ได้