การสร้างศูนย์กลางความรู้โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ
สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) จัดการประชุม “การสร้างศูนย์กลางความรู้โดยใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ” ที่ รร.มิราเคิล แกรนด์ เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.48 ผมไม่ได้ไปร่วมประชุม แต่ ดร. บุญดี บุญญากิจ กรุณาให้ยืมเอกสารการประชุมมาดู
การประชุมนี้มีการนำเสนอผลงานวิจัย 2 เรื่องคือ
1. โครงการวิจัยเพื่อสร้างศูนย์กลางความรู้แห่งชาติ เสนอโดย รศ. ดร. สมเกียรติ โอสถสภา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
2. โครงการวิจัยเชิงบูรณาการเพื่อพัฒนาจังหวัดขอนแก่นไปสู่เมืองเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT City) กรณีศึกษา : การพัฒนาชุมชนแห่งข้อมูล (i-community) และผู้นำสารสนเทศชุมชน (Community – CIO) โดย ดร. บดินทร์ รัศมีเทศ มก., นายบรรพต นิจพาณิชย์ คณะกรรมการบริการโครงการพัฒนาชุมชนแห่งข้อมูล, และนายสมาน สุขสงวน หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการโครงการพัฒนาชุมชนแห่งข้อมูล
เรื่อง IT มีความสำคัญต่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกิจกรรม KM ทำให้การแลกเปลี่ยนและเข้าถึงความรู้อยู่ในลักษณะ “anytime & anywhere” โดยเฉพาะโครงการที่ 2 อาจทำให้ชาวบ้านในชุมชนได้รับอานิสงส์นี้
ชุมชนในกรณีศึกษาได้แก่ ต.ทรายมูล, ต.บัวเงิน, ต.น้ำพอง, ต.หนองถุง และ ต.วังชัย
คณะผู้วิจัยได้เข้าไปฝึกอบรมแก่กลุ่มนักเรียนโรงเรียนน้ำพองศึกษา และระบุว่าโครงการได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการ ให้บริการใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตแก่ชุมชน มีการติดตั้งเครือข่าย Kiosk ตามแหล่งชุมชน เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้ง่ายและสะดวก และพบว่าเมื่อศูนย์ปฏิบัติการได้เปิดให้บริการแก่ชุมชนแล้ว มีสมาชิกในชุมชนเข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง ทั้งประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา และข้าราชการ
สิ่งที่ผมอยากเห็น คือการใช้ IT สำหรับเป็นเครื่องมือแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างชาวบ้าน ให้เป็น 2 – way communication ได้ ไม่ใช่แค่เพียงเพื่อการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งเป็นกิจกรรม one way
IT สำหรับเพียงให้ชาวบ้านรับรู้จากส่วนกลาง เป็นโทษมากกว่าเป็นคุณครับ เพราะจะเป็นการตอกย้ำอำนาจรวมศูนย์ ผมมีความเห็นว่า IT ควรเป็นเครื่องมือช่วยปลดปล่อยอิสรภาพของคน ทำให้คนเชื่อมโยงกันโดยตรง แลกเปลี่ยนกันโดยตรง เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ “ความรู้ปฏิบัติ” ได้ง่ายและสะดวกขึ้น
พรุ่งนี้ผมจะไปขอนแก่น จะลองไปสอบถามดู ว่าโครงการที่ 2 ช่วยสร้างพลังอำนาจในการเรียนรู้อย่างอิสระของคนในชุมชนอย่างที่ผมระบุไว้บ้างหรือไม่
วิจารณ์ พานิช
1 ก.ค.48
ไม่มีความเห็น