"เจรียง เอี่ยมละออ"
เกิดแถวอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เมื่อแม่ตายและพ่อมีเมียใหม่เธอจึงหนีออกจากบ้านตั้งแต่ยังเล็ก จนอายุได้ ๑๕ ปี จึงกลับมาปากเกร็ดอีกครั้ง แต่ไม่พบใครเลย ทั้งพ่อและพี่สาวย้ายไปอยู่ที่อื่นหมดแล้ว ขณะนั้นเธอได้ขอทำบัตรประชาชนไว้ แต่มีปัญหาซึ่งเธอก็ไม่ได้ติดตามอย่างใด พออายุ ๒๗ ปี เจรียงได้แต่งงานมีครอบครัว ลูกของเธอทุกคนมีบัตรประชาชนเหมือนกับคนไทยทั่วไป แต่สำหรับเธอยังคงไม่มีบัตรประชาชนเหมือนเดิม
เวลาล่วงเลยในวัย ๕๐ ปี เจรียงยังมีฐานะยากจนมาก ต่อมาเธอล้มป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูกระยะที่ ๓ และกำลังลามไปที่ไต ปัญหาคือเธอไม่สามารถใช้ สิทธิ ๓๐ บาทรักษาทุกโรคได้ ซึ่งลูกๆ พยายามติดต่อขอทำบัตรประชาชน แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องตามพี่น้องท้องเดียวกันมาพิสูจน์ ปัญหาคือคนในครอบครัวของเธอเสียชีวิตหมดแล้ว เหลือเพียงพี่สาวคนเดียวก็ไม่รู้หายสาบสูญไปไหน
เป็นเรื่องน่าสลดใจ ที่ชีวิตคนๆ หนึ่งกำลังปลิดปลิว แต่ความช่วยเหลือต้องรอพิสูจน์สัญชาติ แม้ลูกสาวของเธอพยายามขอความอนุเคราะห์จากโรงพยาบาลต่างๆ ให้ช่วยรักษาแม่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยอนาถาหรืออะไรก็ตาม แต่กลับได้รับการปฏิเสธ โดยหมอให้เหตุผลว่า รัฐบาลได้นำเอากองทุนต่างๆ ที่อยู่ตามโรงพยาบาลไปรวมเข้าเป็นกองทุน ๓๐ บาท และ จะให้บริการเฉพาะสมาชิกของกองทุนเท่านั้น
ในที่สุด ป้าเจรียงก็เสียชีวิตลงก่อนเวลาอันสมควร โดยไม่ได้รับการรักษาพยาบาลอย่างถูกต้องและทันเวลา ตอนนี้นางเจรียงพ้นทุกข์แล้ว เธอสิ้นลมตั้งแต่เช้าวันที่ ๑๔ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๙ ศพตั้งสวดอภิธรรม ๓ วัน ที่วัดห้วยขวาง แต่ยังคงทิ้งคำถามไว้สำหรับคนที่รับรู้เหตุการณ์ ว่าทำไมประเทศนี้เห็นชีวิตมนุษย์คนหนึ่งเป็นอะไร ถึงปล่อยให้ตายไปต่อหน้าได้อย่างเลือดเย็น เพียงเพราะไม่มีบัตรประชาชน
------------------------------------------------
จากหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2549, คอลัมน์ โลกนี้มีรากหญ้า,หน้า9.
ไม่มีความเห็น