มีเรื่องกล่าวขาลอย่างมากมายเกี่ยวกับเมืองปริศนา
เมืองที่น้อยคนนักที่จะได้เห็น
ซึ่งเมืองนั้นก็จะมีเรื่องเล่าจากปากต่อปาก จากรุ่นสู่รุ่น
แต่ไม่ได้มีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการแต่อย่างใด อย่างเช่นเมืองลับแล
ที่มีอยู่หลายจังหวัด ที่ดังที่สุดเห็นจะไม่พ้นจังหวัดอุตรดิตถ์
ที่คนทั้งเมืองจะมีแต่คนที่ถือสัจจะไม่มีการโกหก (ต่างจากเมืองเรา ๆ
อย่างสิ้นเชิงที่มีแต่การโกหกไร้สัจจะ(โดยเฉพาะนักการเมืองบางส่วนใหญ่))
เมืองหิมพานต์ ที่มีแต่พระเกจิดัง ๆ เท่านั้นที่เคยย่างก้าวเข้าไป
และอีกสถานที่หนึ่งที่เลืองชื่อในประเทศไทยคือ “คำชะโนด”
เมืองบาดาลที่เหล่านาคาอาศัย
เรื่องคำชะโนดนี้ผู้เขียนได้อ่านจากหนังสือมากมายหลายเล่ม
และได้ยินมาหลายครั้ง ทั้งการพูดคุยกับผู้อยู่ในท้องถิ่นเอง
ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง ถ้าจะเก็บไว้กับตัวคนเดียวเห็นจะกระไรอยู่
จึงขอนำมาเล่าให้ฟัง
เรื่องนี้อยู่กับวิจารณญาณของท่านผู้อ่านจะไตร่ตรอง
คำชะโนด ตำบลวังทอง อำเภอบ้านดุง
จังหวัดอุดรธานี ว่ากันว่า คำชะโนด
เป็นทางเข้าออกของเมืองบาดาล
ที่มีผู้คนสนใจอย่างมากเนื่องจากครั้งหนึ่งมีปรากฏว่า
ผีได้จ้างคณะฉายหนังไปฉายที่เกาะคำชะโนด
ในช่วงตอนกลางคืนที่ฉายนั้นมีผู้คนมากมายมาชม
หนำซ้ำยังมีร้านรวงขายของเหมือนที่วัดจัดงานมหรสพทั่วไปอีกด้วย
แต่พอถึงเวลาตี 4 ผู้คนเหล่านั้นกลับหายไปหมดอย่างไร้ร่องรอย
เงินค่าจ้างหนังก็เป็นกระดาษเปล่าทั้งหมด
รุ่งขึ้นของอีกวันก็เป็นข่าวพาดหัวใหญ่หน้าหนึ่งในหนังสือพิมพ์หลายฉบับ
นอกจากนั้นอาจารย์กู้ก็ยังสร้างชื่อให้คำชะโนดอีกครั้งคือ
ได้อ้างว่าตนเองได้ติดต่อกับวิญญาณได้
มีการนำเทปบันทึกภาพรุกขเทวดาและเปรตที่เกาะคำชะโนดออกสู่สายตาผู้ชมทางโทรทัศน์มากมาย
ทำให้ยอดโฆษนาในช่องที่ถ่ายทอดพุ่งกระฉูด มีคนนับถือมาก
แม้กระทั่งอาจารย์ระดับมหาวิทยาลัยยังเป็นลูกศิตย์
แต่ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเรื่องลวงโลกไป
สุดท้ายอาจารย์กู้ก็โดยดำเนินคดีไปตามระเบียบ
(คนท้องถิ่นได้บอกผู้เขียนว่า
หลังจากเกิดเรื่องครอบครัวของอาจารย์กู้น่าสงสารมาก เพราะในชีวิตจริง
อาจารย์กู้เป็นคนดี ช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด)
ความพิเศษของคำชะโนดคือ
เป็นที่ที่มีลักษณะเป็นเกาะกลางน้ำ
ไม่ว่าจะสร้างสะพานเพื่อเชื่อมต่อสักกี่ครั้งก็ไม่สำเร็จสักครั้ง
ต้องมีอันพังลงไปทุกที สุดท้ายจึงต้องมีการสร้างสะพานเป็นสองช่วง
ราวกับว่าคำชะโนด ไม่ยินดีที่จะเชื่อมต่อโลกภายนอกยังไงอย่างนั้น
ต้นชะโนด ต้นไม้ท้องถิ่นและมีอยู่ที่เดียวในแถบนี้ทั้งนั้น
เคยมีคนลองนำไปปลูกที่อื่นแต่ไม่สำเร็จ ชาวบ้านเชื่อว่า
พระอินทร์ประทานต้นชะโนดให้เป็นสัญลักษณ์ทางเข้าออกพิภพบาดาลแก่พญาศรีสุทโธเจ้าเมืองพญานาค
ว่ากันว่าทางเข้าออกนั้นอยู่ตรงกลางบ่อน้ำกลางคำชะโนดนั่นเอง
หรือชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า วังนาคินทร์คำชะโนด ที่แปลกคือ
ไม่ว่าจะแห้งแร้งอย่างไรก็ตาม
ที่บ่อน้ำแห่งนี้จะมีน้ำไหลออกมาตลอดไม่มีการเหือดแห้ง
และคนท้องถิ่นที่ผู้เขียนได้สนทนาด้วยนั้นบอกว่า ที่คำชะโนดนั้น
ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงน้ำหลากมากเพียงใด
ก็ไม่เคยมีสักครั้งที่น้ำจะท่วมเกาะ
คำชะโนดจึงเป็นสถานที่แห่งหนึ่งของประเทศไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนอาถรรพ์
แต่ถ้าจะพูดในเรื่องการเป็นสภานที่ท่องเที่ยวก็นับว่าเป็นที่นิยมอย่างยิ่ง
นอกเหนือจากเรื่องราวอาถรรพ์และความต่าง ๆ นั้น
ผู้เขียนเห็นว่าเป็นเหมือนภูมิปัญญาชาวบ้านที่จะสอนลูกหลานให้เชื่อเรื่องความดี
ความเชื่อเกี่ยวกับศาสนา รักษาธรรมชาติและสิ่งที่มีอยู่
ให้อยู่คู่กับท้องถิ่นสืบต่อไปนานเท่านาน
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ คอลัมส์ซันดย์สเปย์เชียล ฉบับวันที่ 3
ธ.ค. 2550
โดย : ทีมงาน ต่วย’ตูน
และ : จากคำบอกเล่าจากคนท้องถิ่น
เรียบเรียง : วาทิน ศานติ์ สันติ
ขอบคุณมากค่ะที่มีเรื่องราวดีในท้องถิ่นให้คณะครูและนักเรียนได้ศึกษา ถ้าจะกรุณาเผยแพร่เรื่องราวเกี่ยวกับคำชะโนดในแง่มุมของข้อเท็จจริงจากการวิจัยของนักวิชาการอย่างละเอียด เพื่อเป็นวิทยาทานแก่คณะครูและนักเรียน จักขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
ผมอยากไปดูเหมือนกันแต่ยังไปไม่ถึงสักที่ แต่คิดว่าจะไปให้ได้ เขาบอกสวยงามน่าเคารพน่านับถือดินแดนศักดิ์สิทธิ
ผมอยากไปดูเหมือนกันมีน้องที่ทำงานเล้าให้ฟังอยู่บ่อยๆคับ มันแปลกดีคับ
ข่อยกะอยู่บ้านี่ล่ะ
บ่เคยเห็นแต่กะบ่อกล้าลบหลู่ย้าน เพราะว่าผีมองบ่เห็นโต (เกิดอยู่นี่ล่ะบ้านโนนเมืองคือซือบ้าน)แต่วัดซือคำชะโนด
เราเชื่อว่าเปนเมืองพญานาคจริงคร๊ไม่เชื่ออย่าหลบหลู่นะคร๊
อิฉันเคยไปมาแร้ว อิฉันเหนพญานาคตัวจริง