จริงว่านำข้อมูลการทำทำงานที่เป็น best มาบันทึกนานแล้วแต่ติดภาระกิจหลายอย่างวันนี้ได้มีโอกาส เลยขออวดความโชคดีจากการพัฒนาคุณภาพบริการมาตลอดว่าได้ผลจริงๆ
การทำงานในยุคปัจจุบัน ถ้าพูดถึงความปลอดภัยใครๆก็ต้องการ จึงเกิดแนวคิดในการพัฒนาให้งานในหน้าที่ความรับผิดชอบ เมื่อพัฒนาแล้วก็มีการนำเสนอในที่ประชุมวิชาการระดับจังหวัดและได้รับรางวัลชนะเลิศ ภูมิใจมาก
ตัวอย่างของการให้บริการที่เป็นBest
การให้บริการตรวจระบบทางเดินปัสสาวะ(ตรวจไต) ด้วยสารทึบรังสีมีขั้นตอนการดำเนินงาน 3 ระยะดังนี้1 ระยะก่อนได้รับสารทึบรังสี2 ระยะขณะได้รับสารทึบรังสี3 ระยะหลังจากได้รับสารทึบรังสี1 ประเมินความพร้อมของผู้ป่วยก่อนการได้รับสารทึบรังสี ทางด้านร่างกาย จิตใจ และความเสี่ยงต่างๆ(พูดคุยกับผู้ป่วยโดยตรงกับตัวผู้ป่วย)
- ซักประวัติผู้ป่วยว่าเคยตรวจด้วยสารทึบรังสีมาก่อนหรือไม่ เพราะถ้าเคยตรวจมาแล้ว ผู้ป่วยมีโอกาสแพ้มากกว่าปกติ, ประวัติการแพ้อาหารทะเล ,ประวัติการแพ้ยา, หากผู้ป่วยเคยมีประวัติแพ้ มาก่อนเช่นรู้สึกร้อน คลื่นไส้ อาเจียน อาจให้ยาแก้แพ้ ก่อนใช้สารทึบรังสีชนิดแตกตัว- ซักประวัติการมีโรคประจำตัวต่างๆ เช่นโรคหอบหืด,โรคน้ำท่วมปอด,โรคล้มบ้าหมู,โรคภูมิแพ้ ,โรคหัวใจ,โรคไต,โรคเบาหวานที่มีภาวะไตบกพรอง(Serum creatinin มากกว่า 1.5 mg/dl ถ้ามีประวัติโรคต่างๆนี้ อาจส่งผลให้มีการแพ้สารทึบรังสีชนิดแตกตัวได้ - ประเมินผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ(การตรวจเลือด)ได้แก่ค่า BUN ,Cr เพื่อป้องกันการถูกทำลายของของไตจากการใช้สารทึบรังสี เพราะถ้าพบว่าผู้ป่วยมี ภาวะการ ทำงานของไตบกพร่องอยู่ ควรพิจารณาใช้การตรวจด้วยวิธีอื่นแทน เช่นการตรวจอัลตราซาวด์ หรืออาจใช้สารทึบรังสีที่เป็นสารทึบรังสีที่ไม่แตกตัว (nonionic) แทน- ประเมินสภาพผู้ป่วยว่ารู้สึกตัวดี หรือไม่รู้สึกตัวและไม่ทราบประวัติการแพ้ต่างๆ2 ผู้ป่วยที่มีประวัติการแพ้ เช่นภูมิแพ้ หอบหืด แพ้อาหารทะเลหรือแพ้สารทึบรังสี จะเป็นผู้ป่วยที่มี ความเสี่ยงสูง ต้องทำการปรึกษาแพทย์ และได้ยาแก้แพ้ก่อนฉีดสารทึบรังสี (แล้วแต่แพทย์) และอาจเลือกใช้สารทึบรังสีแบบไม่แตกตัว (nonionic)3 แนะนำผู้ป่วยงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 4 -6 ชั่วโมง ก่อนส่งตรวจ เพื่อป้องกันการสำลักหากได้รับสารทึบรังสีแล้วมีการอาเจียน และแนะนำให้ผู้ป่วยดื่มน้ำมากๆหากเป็นผู้ป่วยนอก และ สำหรับผู้ป่วยในแพทย์จะทำการให้สารน้ำมาก่อนฉีดสารทึบรังสี 4 ประเมินสภาพผู้ป่วยว่าขณะนั้นมีสภาพวิตกกังวลหรือไม่ หากมีความวิตกกังวลตื่นเต้นต้องปรึกษา แพทย์ แพทย์อาจให้ยาคลายกังวลก่อนมาทำการตรวจ5 ให้คำแนะนำแก่ผู้ป่วยและญาติให้ทราบถึงขั้นตอนการตรวจ ผลของสารทึบรังสีที่อาจเกิดขึ้นได้และ การปฏิบัติตัวต่างๆขณะเข้ารับการตรวจ เพื่อขอความร่วมมือในการตรวจและคลายความวิตกกังวล
6 เปิดโอกาสให้ผู้ป่วยและญาติซักถามข้อสงสัยต่างๆ
7 ออกใบนัดผู้ป่วยพร้อมแนบวิธีการเตรียมตัวผู้ป่วยให้ผู้ป่วยพร้อมเบอร์โทรศัพท์เพื่อถ้าผู้ป่วยมีข้อสงสัย โทรมาสอบถามได้
8 เมื่อผู้ป่วยเข้าใจ ให้ผู้ป่วยเซ็นใบยินยอมรับการตรวจด้วยสารทึบรังสี ถ้าผู้ป่วยปฏิเสธการตรวจให้ผู้ป่วยเซ็น ใบไม่ยินยอมรับการตรวจ แล้วส่งพบแพทย์เพื่อพิจารณาตรวจวิธีอื่นๆ 9 การจัดเตรียมความพร้อมที่จะทำการตรวจด้วยสารทึบรังสีอุปกรณ์และยาต่างๆในรถฉุกเฉินต้องมีการตรวจสอบชนิดจำนวน และวันหมดอายุอย่าง สม่ำเสมอและนักรังสีการแพทย์ต้องได้รับการฝึกอบรมการช่วยฟื้นคืนชีพหรือการช่วยเหลือผู้ป่วยแพ้สารทึบรังสีเป็นประจำด้วย
1. จัดเตรียมรถฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตให้พร้อมได้แก่ ออกซิเจน พร้อมชุดให้ออกซิเจน และสายทั้ง canula และ/หรือ mask ชุดให้สารละลาย,เข็ม,กระบอกฉีดยา เครื่องมือในการใส่ท่อหายใจ(laryngoscope) และท่อหายใจ (endotracheal tube) ขนาดต่างๆ oral airway 2. ความพร้อมเครื่องดูดเสมหะ พร้อมอุปกรณ์ 3. เครื่องวัดสัญญาณชีพ4. Ambu bag5. ยา ต่างๆ เช่น สารละลาย NSS , ringer solution ,adrenaline,diazepam6. ทำการตรวจสอบสารทึบรังสีโดยตรวจสอบวันที่หมดอายุ ตรวจดูลักษณะของสารทึบรังสีก่อนใช้ว่ามีตะกอนเปลี่ยนสี หรือไม่ ถ้าใช้สารทึบรังสีที่มีความหนืดมากๆควรอุ่นให้ได้อุณหภูมิ 37 องศาเซนเซียส ก่อนฉีด เพื่อง่ายต่อการฉีดและลดอาการปวดของผู้ป่วย
10 กลุ่มงานรังสีวิทยา ได้จัดทำกริ่งฉุกเฉิน ที่สามารถกดตามแพทย์และพยาบาลจากตึกอุบัติเหตุให้มาช่วย
เหลือหากเกิดภาวะฉุกเฉินกับผู้ป่วยขณะตรวจเอกซเรย์ได้5. สังเกตอาการถ้าผู้ป่วยปวดมาก บวม แดง บริเวณที่ฉีดสารทึบรังสี หยุดฉีดและพยาบาลจะเลือกบริเวณอื่นแทน หากเกิดอาการผิดปกติขั้นรุนแรงให้หยุดฉีดและรีบรายงานแพทย์
1 นักรังสีเทคนิคต้องสังเกตอาการใกล้ชิดใน 5 นาทีแรก และสังเกตอาการต่อไปอีก 30-60 นาที เพื่อระวังการแพ้ที่อาจตามมา
2 ทำการตรวจวัดสัญญาณชีพและสังเกตอาการเปลี่ยนแปลงของผู้ป่วยก่อนและหลังการได้รับสารทึบรังสี3 หากพบว่ามีอาการข้างเคียงหรือแพ้เกิดขึ้นให้บันทึกอาการต่างๆโดยละเอียดในใบบันทึกการแพ้สารทึบรังสี พร้อมทั้งให้คะแนะนำแก่ญาติให้ทราบเพื่อป้องกันและหลีกเลียงการได้รับสารทึบรังสีชนิดเดิม 4 ให้คำแนะนำผู้ป่วยให้ดื่มน้ำมากๆ 5 ให้เบอร์โทรศัพท์แก่ผู้ป่วยเพื่อติดต่อเมื่อมีอาการผิดปกติ(ผู้ป่วยนอก)6 ถ้าผู้ป่วยมีอาการแพ้ยา ต้องทำการส่งผู้ป่วยไปซักประวัติการแพ้ยาที่กลุ่มงานเภสัชกรรม ตามระบบ
นี่คือความภาคภูมิใจที่ไดทำการพัฒนา แล้วผลคือทำให้พบผู้ที่มีความเสี่ยงก่อนการให้บริการและหลังให้บริการไม่เกิดความเสี่ยงแก่ผู้ป่วยคือผู้ป่วยปลอดภัย(เนื้อหาตัดตอนมา)
ไม่มีความเห็น