เมี่ยงเต้าเจี้ยว : ภูมิปัญญาของคนเมืองตาก
ช่วงที่ผ่านมาทุกคนในที่ทำงานต่างสลดหดหู่กับข่าวการฆาตรกรรมนักศึกษามหาวิทยาลัยราชมงคล พวกเราเองต่างรับทราบข่าวนับตั้งแต่เด็กผู้หญิงหายตัวไป เพราะเพื่อนในที่ทำงานรู้จักกับครอบครัวผู้ตายเป็นอย่างดี พอเจอศพและจับตัวคนร้ายได้ พวกเรายิ่งรู้สึกสลดหดหู่ใจมากขึ้น เพราะทุกคนต่างก็ทราบว่าเธอเป็นเด็กดี เรียบร้อยและเป็นคนมีน้ำใจ นับเป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนใจคนเมืองตากเป็นอย่างยิ่ง ขอภาวนาว่าเหตุการณ์อย่างดีอย่าได้เกิดขึ้นอีกเลย ไม่ว่ากับใครที่ไหน
วันนี้นึกขึ้นมาได้ว่าเคยบอกว่าจะเขียนเล่าเรื่อง "เมี่ยงเต้าเจี้ยว" ซึ่งเป็นอาหารว่างอีกอย่างหนึ่งของคนเมืองตาก เพราะเสียงถามว่า "เราจะไปฉลองส่งท้ายปีเก่าที่ไหนกันดี" ของพรรคพวก ในที่ทำงานที่ร้องถามกันแต่เช้า แล้วรายการอาหารก็หลั่งไหลออกมาจากหลาย ๆ ปาก เลยช่วยกระตุ้นความทรงจำเรื่อง "เมี่ยงเต้าเจี้ยว"
ตัวเอกของเมี่ยงเต้าเจี้ยว ก็คือเต้าเจี้ยว ที่ต้องเป็นเต้าเจี้ยวของเมืองตากนะ ซึ่งแตกต่างกับเต้าเจี้ยวในขวดที่หลายคนรู้จัก เต้าเจี้ยวของคนเมืองตาก ใช้เมล็ดถั่วเหลืองที่หมักแล้วมาดองด้วยน้ำเกลือต้มให้เย็นใส่โหลดองตากแดดไว้สัก 2-3 วัน ให้ออกรสเปรี้ยว เต้าเจี้ยวนี้นำไปประกอบอาหารของคนเมืองตากได้หลายชนิดมาก เช่น ผัดเต้าเจี้ยวกับว่านเปราะ ผัดเต้าเจี้ยวกับหมูสามชั้น ผัดผักบุ้งใส่เต้าเจี้ยว ผัดหอยทรายกับเต้าเจี้ยว เป็นต้น แต่ถ้าเป็นเมี่ยงเต้าเจี้ยวแล้วจะใช้รับประทานเป็นอาหารว่าง ยามบ่าย ๆ ส่วนประกอบหลักของเมี่ยงเต้าเจี้ยว จะได้แก่เต้าเจี้ยวที่ออกรสเปรี้ยวแล้วตัดด้วยน้ำตาลทรายให้มีรสหวานตามชอบ และใบชะพลู(ใบปูลิง)หรือข้าวเกรียบงาดำชุบน้ำพอหมาด ๆ ส่วนเครื่องเคียงจะประกอบด้วยมะพร้าวขูดเป็นเส้น ถั่วลิสงคั่ว ขิงสดหั่นชิ้นสี่เหบี่ยม กระเทียมสด พริกขี้หนูสด ตะไคร้ซอย ข้าวตากคั่ว มะนาวหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม มะเขือพวงดิบ (ไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่) เวลาจะรับประทาน ก็นำเครื่องเคียงวางในใบชะพลูหรือแผ่นข้าวเกรียบงาดำตักน้ำเต้าเจี้ยวราดก็รับประทานได้
ภูมิปัญญาของคนเมืองตากน่าทึ่งจริง ๆ ที่นำเต้าเจี้ยวซึ่งเป็นโปรตีนมารับประทานกับใบชะพลูซึ่งมีแคลเซียมสูง ใบชะพลูนี้หากรับประทานมาก ๆ จะสะสมเป็นแคลเซียมออกซาเลท และควรรับประทานกับเนื้อสัตว์ซึ่งเป็นโปรตีนจึงจะได้ประโยชน์จากแคลเซียมเต็มที่
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น