".....อย่าหลงอยู่ฮ่มไม้ ผีมันจะเอาวิญญาณไปอยู่ป่าเขาเถื่อนถ้ำ หากบ่หมีอาคาแก่กล้า กระแสจิตบ่บริสุทธิ์เมื่อยามออกเตียวป่า อยู่ป่าต้องระวัง ไม้ผี อย่าเข้าไปอยู่ในเฟือยหากจิตบ่กล้าแข็ง ก็บ่อาจได้ปิ๊กปอกคืนมายังเมืองคน......." นั่นคือคำเตือนของหลวงปู่ พระเกจิอาจารย์บางต๋นบางองค์ที่มีประสบการณ์ออกธุดงค์อยู่ป่า ได้สอนสั่งพระลูกศิษย์ก่อนจะออกบำเพ็ญเพียรปลีกวิเวกโดยเฉพาะพระสงฆ์ที่เริ่มออกธุดงค์ครั้งแรก โดยที่ป๋ารมียังบ่แก่กล้า
ตามที่เคยศึกษาและได้สนทนาธรรมพร้อมกับหาความรู้จากพระธุดงค์หลายๆองค์โดยเฉพาะพระกุณะ กุณะปิโย พระภิกษุชาวไต ที่เป็นเสมือนพระอาจารย์หรือพ่อครูอีกท่านหนึ่งของผู้เขียนได้ให้ความรู้หลากหลายไม่ว่าตำราสมุนไพร ความรู้เกี่ยวกับป่า พระคาถาอีกหลายๆอย่าง..
สาธุผู้ข้าขออนุญาตขาดปล๋ง เอาเรื่องไม้ผีประสบการณ์ของท่านมาเล่าต่อเพื่อเผยแพร่เป๋นความฮู้สืบๆกั๋นไป...ลูกสิกขอไหว้สา ในโอก๋าสะนี้จิ่มเต๊อะ
การเดินป่ามันมีสิ่งลึกลับมากมาย หากผู้ที่มีจิตบริสุทธิ์จะพบเห็นในสิ่งที่สายตาเนื้อ(ตาธรรมดาของคนทั่วไป)ไม่เคยพบ หากกำลังเดินป่าบางครั้งผู้ที่เป็นคนธรรมดาๆ แต่อาจมีโอกาสที่ผีป่ามันพบเข้าโดยบังเอิญดังภาษาคนล้านนาพูดกันที่รู้กันว่า " ตั๊ดต๋ายาม" หากผีป่ามันต้องการจะเอาวิญญาณคนนั้นไปมันจะแป๋งต้นไม้สวยงาม มีเฟือยพุ่มกว้าง ผู้คนเห็นจะเกิดความอยากเข้าไปอยู่พักในร่ม หากมีคนเข้าไปจะเกิดอาการเคลิ้มคล้ายหลับทั้งๆที่ยังมีสติเหมือนธรรมดาๆทั่วไป ลืมความเป็นโลกมนุษย์ เกิดเป็นอีกโลกหนึ่ง ลืมข้าวน้ำอาหาร หลงเข้าไปในถ้ำเถื่อน ที่อยู่ของเจ้าป่าเจ้าเขา ที่เรียกกันว่าโลกซ้อนโลกหรือโลกแห่งผีป่าทับซ้อนอยู่กับโลกมนุษย์เรานี่แหละเพียงแต่เรามองไม่เห็น หากวิญญาณของคนไม่แข็งจริงเกิดพลัดหลงเข้าไปในอาณาจักรแห่งนี้ หรือจิตไม่บริสุทธิ์อยู่ในอาณาจักรผีผ่านไปราวสามวันเจ็ดวันร่างของเขาก็จะปรากฏเป็นซากศพตามถ้ำ ตามป่าให้ผู้คนไปเก็บ ส่วนวิญญาณเขาก็ไปอยู่ในอาณาจักรแห่งผีป่า เพราะเกิดความหลงใหลในไม้ผี....
ผู้คนสมัยก่อนหากจะเข้าป่า จะต้องมีพระคาถา มีสิ่งที่ต้องถือ(ข้อปฏิบัติ)ในขณะที่อยู่ในป่ามากมาย โดยเฉพาะพระภิกษุที่ต้องการออกไปอยู่ในป่าเพื่อปลีกวิเวกบำเพ็ญเพียรสร้างจิตเข้มแข็ง หลวงปู่หรือพระอาจารย์จะเล่าเรื่องประสบการณ์ให้พระลูกศิษย์ได้ฟัง เป็นข้อคิด ข้อปฏิบัติ ไม่หลงใหลต้นไม้ ไม่หลงใหลเสียงนก เสียงสัตว์กู่ไพร ไม่ว่ากลางวันหรือกลางคืนประสบการณ์การเดินป่าของพระแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน บางองค์ปลอดภัยตลอดระยะเวลาอยู่ป่า บางองค์ต้องผจญกับสัตว์ร้าย ผีป่า วิญญาณที่ต้องการท้าทาย ประสบการณ์เหล่านี้ท่านจึงนำมาสั่งสอนพระลูกศิษย์
ท่านพระอาจารย์เล่าว่า ไม้ผี หากจะเห็นก็เห็นได้เพียงครั้งเดียวในชั่วชีวิตของคนๆหนึ่ง หากรู้ทันมัน ไม่หลงใหลมันไม่เข้าไปอยู่ในฮ่มเฟือยไม้ผี ก็ปลอดภัย และผีมันจะไม่ทำให้เห็นอีก แต่หากคนใดหลงใหลเข้าไปอยู่ในเฟือยมัน ก็เสี่ยงมาก หากมีจิตดี สมาธิกล้าแข็งก็หลุดออกมาได้ แต่หากจิตไม่กล้าแข็งก็เป็นอันว่าชีวิตนี้เห็นครั้งเดียวเมื่อเป็นคนจากนั้นก็เป็นผี ผู้คนเข้าป่าต้องระวัง
สวัสดีเจ้าป้อหนาน
ยินดีกับลูกหลานที่สนใจ๋เรื่องความเชื่อเรื่องเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องค้นคว้าโดยจิตวิญญาณ.....บางสิ่งบางอย่างในโลกนี้ยังมีสิ่งที่ค้นคว้า หาความจริงอยู่แถมนักเนอหมู่เฮา..
เปิ้นว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ฟังหูไว้หู ศึกษาไป สืบค้นไปยิ่งค้นยิ่งพบ ยิ่งแสวงหายิ่งมีประสบการณ์ ความฮู้ที่เฮามีเหมือนแค่ทรายในก๋ำมือ แต่ความฮู้นอกตั๋วเฮาเหมือนเม็ดทรายในทะเลทราย มันนักหนาหน๋ำ......โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับจิตวิญญาณ เฮาถูกวิชาก๋ารทางตะวันตกมาครอบงำเมินแล้วจ๋นผู้คนนึกว่า สิ่งที่เป๋นความฮู้มีแค่เรื่องวิทยาศาสตร์เต้าอั้น....ที่จริงสิ่งมีชีวิตประกอบด้วยจิต และกายประกอบกั๋นจึ่งเป๋นคนที่สมบูรณ์ได้ หากมีแค่กายก็คือเพียงซากศพ หากมีแค่จิตวิญญาณก็เรียกกันว่าผีหรือพลังงานชนิดหนึ่งเท่านั้น
ทางเอเซียเรามีวิชาการที่ดีมานานเพราะมองทั้งร่างกายและจิตใจมองภาพรวมไม่แยกส่วนเหมือนวิชาการบางสาขา ดังนั้นเราต้องศึกษาทั้งมุมกว้างและมุมลึกรวมภาพกันไป..เน้อลูกหลานหมู่เฮา
จากลุงหนาน.....พรหมมา