หลักฐานการเลิกฝึกวิชชาสมาธิลูกแก้ว ของหลวงพ่อสด (2) หลักฐานจากเจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ


วิชชาสมาธิลูกแก้วนอกพุทธศาสนา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
หมายเลขบันทึก: 151042เขียนเมื่อ 3 ธันวาคม 2007 11:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (37)
บทวิเคราะห์จากการสืบหาความจริงกรณีหลวงพ่อวัดปากน้ำเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอ

เหตุผลที่หลวงพ่อสดเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอ ก็ เพราะว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง (สมัยนั้นมีสังฆมนตรีเพียง๔ รูป) ผู้มีอำนาจมาก มีบารมีมาก มีบริวารมาก และมีสมณศักดิ์เกือบสูงสุด ท่านเจ้าประคุณ มีความดำริจะส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะท่านเชื่อว่าการสอนวิปัสสนาธุระที่เป็นระบบถูกต้องมีเฉพาะในประเทศพม่าเท่านั้น ทั้งที่ตอนนั้นสายพระอาจารย์มั่นและสายวัดปากน้ำได้ปฏิบัติธรรมอย่างมีระบบแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำและพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายจึงถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบหนอ

สำหรับหลวงพ่อสดนั้นถูกขอร้องเป็นพิเศษ ด้วยหลวงพ่อมีลูกศิษย์ลูกหามาก น่าจะมากที่สุดในประเทศไทยในสมัยนั้น ให้ช่วยเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯให้ด้วย ไม่ใช่เป็นอย่างคำบิดเบือน “ที่กล่าวว่าหลวงพ่อปฏิบัติไป ๆ แล้วติดตันขึ้นมา ต้องไปขอให้ให้อาจารย์วัดมหาธาตุแนะทางให้ จึงรู้ว่าที่ท่านปฏิบัติมานั้นผิดทาง” ซึ่งยุทธการกล่าวบิดเบือนดังกล่าวมีมาตลอด แต่ที่เขียนบิดเบือนเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นปรากฏเป็นครั้งแรกในหนังสือมักกะลีผล

ในการเกณฑ์ให้เรียนนั้น ท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี(โชดก ญาณสิทธิ) ครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระอุดมวิชาญาณเถรต้องไปถวายการสอนที่ในโบสถ์วัดปากน้ำตอนบ่าย หลายวัน โดยปิดประตูโบสถ์ ไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปฟัง หลวงพ่อวัดปากน้ำและท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนีถกอะไรกันบ้าง นั้นไม่มีใครทราบ พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต ท่านเล่าว่าตอนนั้นท่านยังเป็นสามเณรมีหน้าที่ปูอาสนะสองที่หน้าพระประธาน เมื่อหลวงพ่อ และท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี เข้าไปในโบสถ์แล้ว หลวงพ่อสั่งให้ท่านปิดประตู ห้ามใครเข้าใกล้

แต่สามารถอนุมานได้ว่าท่านเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี และเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(ครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม) มีประสงค์จะให้หลวงพ่อเปลี่ยนการปฏิบัติกรรมฐานจากวิชชาธรรมกายเป็นแบบวัดมหาธาตุ ซึ่งหลวงพ่อไม่ยอม(พระดร. มหาทวนชัย อธิจิตโต, ๒๕๔๕, ใต้บารมีหลวงพ่อ ใน ที่ระลึกงานมุทิตา ฉลองพัดยศ พระครูสัญญาบัตรชั้นโท พระครูมงคลพัฒนคุณ เจ้าอาวาส วัดโบสถ์ (บน) บางคูเวียง นนทบุรี, หน้า ๓๗)

หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เล่าให้ศิษย์บรรพชิตท่านฟังว่า ท่านปฏิบัติบรรลุญาณ ๑๖ มาเป็นสิบๆปีแล้ว ก่อนที่กรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย เพราะวิชชาธรรมกายก็มีการพิจารณาไตรลักษณ์ และพิจารณาสติปัฏฐาน ๔ คือพิจารณากายในกาย เวทนาใน้เวทนา จิตในจิต และพิจารณาธรรมในธรรม และท่านยังได้บอกศิษย์ว่า สามเณรที่ทางวัดมหาธาตุรับรองว่าบรรลุญาณ๑๖แล้ว(เข้าใจว่าเป็นรูปแรก) ที่บอกใครๆว่าสามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ทุกที่นั้น ซึ่งโด่งดังมากในสมัยนั้น จะไม่สามารถเข้าสมาบัตินั่งตัวแข็งได้ที่วัดปากน้ำ และเป็นจริงตามที่หลวงพ่อพูด ต่อมาสามเณรรูปนั้นสึกแล้วเป็นหัวขโมย [หลวงพ่อฤาษีลิงดำ(พระราชพรหมยาน มหาวีระ ถาวโร) , ......, เรื่องจริงอิงนิทานเล่ม๑, น.๑๖๙- ๑๗๒. ]

-->> หลวงพ่อวัดปากน้ำได้เขียนรับรองให้จริง แต่เขียนให้ในฐานะที่ท่านเป็นพระอาจารย์ที่ปรึกษา เขียนรับรองวิทยานิพนธ์ของศิษย์ เพราะคนที่จะเขียนรับรองอะไรได้นั้น จะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญในวิชานั้น ๆ ใช่หรือไม่

(หลวงพ่อสดวัดปากน้ำเทศน์...ที่วัดมหาธาตุ) หลวงพ่อสดท่านเป็นพระผู้ใหญ่กว่าอย่างไร ท่านได้รับการไว้วางใจจากเจ้าคุณพระพิมลธรรม (ช้อย ฐานทตฺต มหาเถร) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุ ยุวราชรังสฤษฎิ์ องค์ที่ ๑๕ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง และปฐมสภานายกมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัยมาก่อนที่จะเกิดเรื่องนี้ พิจารณาในกระทู้นี้...

http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/07/Y5650448/Y5650448.html

การที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯ ตามที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองขอร้องแกม..... และตามคำขอของเจ้าคุณพระธรรมธีรราชมหามุนี ทั้งนี้เพื่อไม่ให้ท่านทั้งสองเสียหน้า หลวงพ่อได้เขียนรับรองไว้ใต้ภาพถ่ายของท่านที่มอบให้วัดมหาธาตุฯ มีใจความดังต่อไปนี้ :

“ให้สำนักวิปัสสนา ในการที่ฉันได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบันนี้แล้ว ยืนยันได้ว่าการปฏิบัติแบบนี้ ถูกต้องร่องรอยในมหาสติปัฏฐานสูตรทุกประการ” พระภาวนาโกศล วัดปากน้ำ ธนบุรี ๒๐ เมษายน ๒๔๙๘

[วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, ไม่ระบุปีที่พิมพ์, ประวัติและผลงานพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙), วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์, กรุงเทพมหานคร หน้า ๑๓. (คณะ๕ โทร ๐๒ ๒๒๒-๖๐๑๑)] แต่หลวงพ่อไม่ยอมเขียนว่าวิชชาธรรมกายไม่เป็นวิปัสสนา

จึงเป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดีต่อวิชชาธรรมกายนำไปบิดเบือน คือพูดความจริงเพียงครึ่งเดียว แต่อีกครึ่งไม่ยอมบอกใครๆว่า ที่หลวงพ่อยอมเขียนรับรองให้นั้นเป็นการเขียนรับรองตามคำขอ เพราะเจ้าประคุณพระพิมลธรรม(อาสภเถร)สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครองนั้นใหญ่มาก มีอำนาจมาก เป็นเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากครูอาจารย์ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และที่เสียชีวิตไปแล้วเล่าให้ฟัง

วิชชาธรรมกายนั้นเป็นทั้งสมถะและวิปัสสนา ผู้ปฏิบัติตามแนววิชชาธรรมกาย สามารถบรรลุนิพพานได้เช่นเดียวกัน แถมยังมีฤทธิ์ประดับบารมีด้วย ต่างกับการปฏิบัติวิปัสสนาแบบวัดมหาธาตุฯ ซึ่งโดยปรกติแล้วการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯจะไม่มีฤทธิ์ประดับบารมี เว้นแต่เป็นของที่ติดภพเก่ามา หลักฐานที่ยืนยันได้แน่นอนว่าการปฏิบัติวิชชาธรรมกายนั้น สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้จริง คือตัวของหลวงพ่อเอง หลวงพ่อวัดปากน้ำได้บอกศิษย์บรรพชิตให้ทราบว่าท่านบรรลุญาณ ๑๖ มานานแล้ว ก่อนที่วิธีปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุจะเข้ามาสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะอัฐิธาตุศิษย์วิชชาธรรมกายบางท่านกลายเป็นพระธาตุก็มีให้เห็นแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านบอกว่า “ต้นธาตุสั่งให้ท่านมาเกิดเพื่อปราบมาร” เมื่อวันที่ ๗ ตุลาคม ๒๔๙๘ (นางแฉล้ม อุศุภรัตน์, ๒๔๙๙, โอวาทเจ้าคุณพ่อ, ใน เรื่องธรรมกาย ของพระมงคลราชมุนี, วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ, กรุงเทพฯ:โรงพิมพ์ไทยพณิชยการ,หน้าธ–ป.) ซึ่งหลวงพ่อสดเทศน์ภายหลังจากที่ท่านเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุฯในฐานะอาจารย์ที่ปรึกษาแล้วประมาณ ๕ เดือนครึ่ง นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าหลวงพ่อเชื่อมั่นในวิชชาธรรมกาย

การที่หลวงพ่อสดได้พยากรณ์ว่าสมเด็จป๋าจะได้เป็นใหญ่ที่สุดในหมู่สงฆ์เมื่อปี ๒๔๙๗ นั้น เพราะหลวงพ่อหยั่งทราบว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดีจนหมดสิทธิ์ที่จะขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราช ทั้งๆโดยตำแหน่งแล้วสมเด็จพระพุฒาจาย์ฯจะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราช ก่อนสมเด็จป๋าอย่างแน่นอน

สมมุติว่าถ้าสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชแล้ว สมเด็จป๋าหมดสิทธิ์ที่จะเป็นสมเด็จพระสังฆราช เพราะว่าสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ก่อนสมเด็จพระพุฒาจารย์ถึง ๑๖ ปี คือสมเด็จป๋าสิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่๗ ธันวาคม ๒๕๑๖ ส่วนสมเด็จพระพุฒาจารย์มรณภาพ เมื่อ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๓๒ นั้นแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อทราบเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

หลวงพ่อสดหยั่งรู้อยู่แล้วว่าในปี ๒๔๙๘ ท่านจะต้องถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบวัดมหาธาตุ ท่านผู้มากไปด้วยความเมตตา ทราบดีว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์จะต้องคดี ยากที่หาหลักฐานมาแก้ต่าง แต่ถ้าได้คำรับรองของท่านไปใช้แก้ต่างก็สามารถช่วยให้ชนะคดีได้ ซึ่งทนายของสมเด็จพระพุฒาจารย์ได้ใช้ข้อเขียนของหลวงพ่อสดที่เขียนรับรองว่าการปฏิบัติกรรมฐานวัดมหาธาตุถูกต้องตามสติปัฏฐาน ๔ ใช้เป็นหลักฐานหักล้างในการต่อสู้ จนชนะคดีในที่สุด (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕,ประวัติการสถาปนา เลื่อนชั้น ลดตำแหน่ง แต่งตั้ง ถอดถอน คืนสมณศักดิ์ พระพุทธาจารย์ สมเด็จพระพุฒาจารย์ พระพิมลธรรม สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พ.ศ. ๒๕๓๕ , (๒๐๘) ๒๕๓๒, หน้า ๒๐๗)

“ระหว่างต้องคดี เจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ต้องถูกคุมขังอยู่ที่ห้องสันติบาลตำรวจ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๐๕ ถึงวันที่ ๓๐ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๐๙ เป็นเวลา ๕ พรรษา” (...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕,หน้า๑๑๙) โดยเจ้าประคุณสมเด็จฯนุ่งห่มผ้าขาวแบบสบงและอังสะ และมีจีวรห่มคลุม และท่านถือวัตรอย่างพระภิกษุ’ ( .....มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๓, หน้า ๒๑๕ )

“บั้นปลายชีวิตของสมเด็จพระพุฒาจารย์ เมื่อมีอายุสูงขึ้นได้ถูกโรคาอาพาธเบียดเบียน จนมือและเท้าด้านซ้ายเป็นอัมพฤกษ์ ไม่สามารถใช้งานได้ตามปรกติ ต้องอาศัยศิษย์ทั้งที่เป็นบรรพชิตและคฤหัสถ์คอยปรนนิบัติรับใช้ใกล้ชิด ทุก ๆ อย่างในช่วงนี้เอง ศิษย์บางคนจำพวกได้ถูกความโลภเข้าครอบงำจิตสันดาน จึงอาศัยเกียรติคุณและตำแหน่งการงานของท่าน แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ ทั้งภายในและภายนอกวัดมหาธาตุ ฯ โดยเฉพาะเรื่องการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์ปลอมของสมีเจี๊ยบ ซึ่งเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒

สมีเจี๊ยบหรือพระครูสมุห์สรศักดิ์(เจี๊ยบ) คมฺภีรปญฺโญเป็นพระฐานานุกรม ที่พระครูสมุห์ ของเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ เป็นพระหนุ่มและเป็นเลขานุการประจำตัวของเจ้าประคุณ และในระหว่างที่เจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆ ราช ตั้งแต่วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๑ ถึงวันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๕๓๒ ได้ถูกความโลภครอบงำ โดยเห็นแค่เงินสินจ้างรางวัลเลยถูกจับในคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราช ทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ ตลอดจนมั่วกับสีกา มีเมียเกือบ ๑๐ คนทั้งที่ยังครองผ้าเหลืองอยู่ สร้างความเสื่อมเสียให้สำนักวัดมหาธาตุฯ เจ้าประคุณสมเด็จฯ ตลอดวงการคณะสงฆ์เป็นอย่างมาก เรียกว่ากลางปี พ.ศ. ๒๕๓๒ สำนักวัดมหาธาตุฯ เสียชื่อเสียงมากที่สุด และในที่สุดพระครูสมุห์สรศักดิ์ก็ต้องถูกจับสึก เพราะคดีปลอมตราสมเด็จพระสังฆราชทำการแต่งตั้งพระอุปัชฌาย์วิสามัญ และเสพเมถุน เป็นอาบัติปาราชิก ขาดจากความเป็นพระภิกษุเป็นนายสรศักดิ์ พรรัตนสมบูรณ์ หรือสมีเจี๊ยบ”.(...มหาจุฬาฯ, ๒๕๓๕, หน้า ๒๙๑)

ถามว่าทำไม วิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) จึงมีมากมายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เจ้าประคุณสมเด็จฯเป็นผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล และมีเจตนาดีต่อพระศาสนา ถ้าไม่ต้องคดีเสียก่อน รับรองว่าจะต้องได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างแน่นอน

-->> เป็นไปได้ไหมว่า วิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์นั้น ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการที่ท่านได้บัญชาให้พระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายของสงฆ์ไทย ต้องไปเรียนกรรมฐานแบบพม่า เพราะผู้เขียนเคยทราบจากพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานรูปหนึ่ง ท่านบอกว่ากรรมที่กระทำต่อผู้ทรงญาณสัมมาทิฏฐินั้นเป็นบาปมาก ยิ่งกระทำต่อพระอริยเจ้าแล้วจะบาปมากขนาดไหน

ข้อเท็จจริงของกัมมัฏฐานวัดมหาธาตุ

โดยสาเหตุดังกล่าวจึงทำให้เกิดอุบัติเหตุกับท่านเจ้าคุณโชดกที่วัดมหาธาตุช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน ที่ต้องปิดกันให้แซด

ท่านเจ้าคุณโชดกท่านเป็นปราชญ์ทางปริยัติจริง แต่ไม่ใช่ทางปฏิบัติ การศึกษาภาคปฏิบัติของท่านที่พม่านั้นไม่ได้ผลเท่าที่ควร เพราะท่านมีความตั้งใจจะเอาวิชาหนอมาสอนมากเกินไป

ทราบจากวิทยาศาสตร์บัณฑิต แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัยท่านหนึ่งเล่าให้ฟัง

ซึ่งปฏิบัติกรรมฐานที่พม่ารุ่นเดียวกับท่านเจ้าคุณโชดก แต่ผลการปฏิบัติของท่านเหนือกว่าเจ้าคุณโชดกมาก

ข้อพิสูจน์ที่ทำให้เห็นได้ชัดว่าท่านเจ้าคุณโชดกนั้นยังไม่เข้าใจวิชาหนออย่างท่องแท้

คือ ๑. สามเณรรูปแรกที่วัดมหาธาตุรับรองว่าบรรลุญาณ๑๖ ทั้งที่พระอาจารย์อาสภ ค้านว่าน่าจะได้ปฐมฌาณหยาบ

ทางสำนักหนอได้นำสามเณรรูปนี้ไปนั่งโชว์ตัวแข็งตามวัดต่าง ๆ โด่งดังมากในสมัยนั้น

แต่ไม่สามารถทำให้ตัวแข็งได้ที่วัดปากน้ำ เป็นไปตามที่หลวงพ่อสดบอกให้ศิษย์ท่านทราบล่วงหน้า

ต่อมาสามเณรรูปนั้นสึก กลายเป็นหัวขโมยวัวควายตัวยง บ้านอยู่ใกล้วัดพระพุทธบาตรตากผ้าลำพูน

๒. พระที่บรรลุญาณ ๑๖ จากสายหนอ ไปปฏิบัติธรรมที่วิเวกอาศรม ด้วยความอยากเป็นเจ้าสำนักแทนอาจารย์อาสถ จึงได้คบคิดกันรุมทำร้ายพระอาจารย์อาสภ โชคดี พระอาจารย์อาสภไม่มรณภาพ พวกบรรลุญาณ ๑๖ ปลอมเหล่านั้น ก็ถูกจับเข้าตะรางไปตามระเบียบ ไปสืบถามตำรวจที่ชลบุรีได้

๓. ท่านไพรวัลวัดทุ่งกร่าง เล่าว่า ท่านสงสัยว่าทำไมสามเณรที่อาจารย์รับรองว่าบรรลุญาณ ๑๖ ได้ไม่ถึงอาทิตย์ชกต่อยกัน นี้ก็แสดงว่าสามเณรเหล่านั้นบรรลุญาณ ๑๖ ปลอม

๔. อาจารย์โด่งดังอีกท่านหนึ่งโม้ว่าบรรลุญาณ ๑๖ เป็นพระโสดาบันของวัดมหาธาตุ แล้วยังคุยโม้ว่า หลังจากนั้นได้ไปเรียนวิชาโหราศาสตร์กับสมเด็จพระสังฆราชอยู่ วัดสระเกศ แปลกเหนาะพระโสดาบันยังอยากเรียนวิชาขวางทางนิพพาน นี้ก็แสดงว่าบรรลุโสดาปลอม แถมไปโม้ต่อว่าดุสิตเป็นชั้นสูงสุดของดาวดึงส์ พระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ไปโปรดพุทธมารดาที่ดาวดึงส์ด้วยกายทิพย์

๕.สำนักวิเวกอาศรมของอาจารย์อาสภะไม่รับรองผู้จบญาณ๑๖ สายวัดมหาธาตุ ไปสืบดูก็จะเห็นจริง แต่ไม่ใช่ไปสืบกับพวกที่วัดมหาธาตุส่งไปนะ

ขอให้ไปพิสูจน์ตามที่แนะนำ จะได้ตาสว่าง ไม่เอาอะไรมาตั้งกระทู้ทำนองนี้อีก

ขอแถมอีกเรื่อง หลังจากมีหนังสือวิจารณ์นิทานมุสาวาทเล่มหนึ่งส่งให้คณะ ๕ วัดมหาธาตุฯอ่าน

ปรากฏว่าประวัติเจ้าคุณโชดกฉบับพิมพ์ใหม่ โดยสำนักพิมพ์กู๊ดมอนิ่ง& วันเวิลด์ ที่บอกว่าพิมพ์ครัง้แรก ที่ ๑ กรกฎาคม ๒๕๔๘ จัดพิมพ์ถวาย มี ๑๗ หน้า ไม่รวมหน้าปก

ถึงกับต้องเอาวันเวลาที่เขาเกณฑ์ให้หลวงพ่อสดไปเรียนกรรมฐานแบบหนอออก เพื่อจะทำให้การจับผิดนิทานโกหกยากขึ้นอีกนิด

ไปขอหนังสือระวัติ พระธรรมธีรราชมหามุนี(โชดก ญาณสิทฺธิ ป.ธ. ๙)เล่มดังกล่าวได้ที่คณะ ๕ วัดมหาธาตุ โทร ๐ ๒๒๒๒-๖๐๑๑, ๐ ๒๒๒๒-๔๙๘๑

หรือว่าเอามะพร้าวมาขายสวน ไม่ว่ากันนะ

ขอบคุณที่ให้ความกระจ่าง และทำให้มั่นใจมากขึ้นครับ

การจะให้ข้อเท็จจริงเรื่องใด ควรมีหลักฐานชัดเจน กระจ่างในตัว

ที่จริงไม่เอา เอาที่ไม่จริง ที่ได้ไม่เอา เอาที่ไม่ได้ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

การที่มาเขียนว่าว่าวิชาธรรมกายคือวิปัสนากรรมฐาน ข้อนี้คงไม่ใช่ซึ่งทุกคนก็ทราบดีว่าธรรมกายเป็นสมถะกรรมฐานไม่ใช่วิปัสนา

ส่วนการที่ว่าท่านเจ้าคุณโชดกบังคับให้หลวงพ่อสดเปลี่ยนจากธรรมกายมาเป็นการปฏิบัติแบบวัดมหาธาตุ อันนี้ไม่ทราบว่าเขียนเองแล้วลองอ่านดูหรือเปล่า ว่ามันขัดกันเองเพราะในเมื่อคุณบอกว่า ท่านเจ้าคุณกับหลวงพ่อท่านอยู่ในโบสถ์กันแค่สองรูป แล้วทำไม่คุณถึงบอกว่าโดนบังคับ หลวงพ่อสดเองท่านก็ไม่ได้บอกว่าโดนบังคับ หรือว่าคุณมีหลักฐานลายลักณ์อักษร????

หลวงพ่อเองก็อาวุโสกว่าท่านเจ้าคุณ การที่ท่านจะโดนบังคับโดยพระที่อ่อนพรรษาอยู่ย่อมเป็นไปไม่ได้ในวงศ์อารยะ

อย่าใส่ตัวตนและมุมมองแต่ในแนวที่คิดเอาไว้อย่างเดียวนะคับ คนอ่านอ่ะ รู้สึกได้ สัมผัสได้ คิดตามได้ ว่าอาไรจริงอาไรไม่จริง

ทุกสิ่ง

จะรู้ได้ด้วยการปฏิบัติ

ขอเพียงท่านปฏิบัติ

และมีความเพียรให้มาก

การที่หลวงปู่วัดปากน้ำ ยอมรับว่าการฝึกปฏิบัติของยุบหนอพองหนอของวัดมหาธาตุนั้นถูกต้องไม่ได้หมายความว่าวิชชาธรรมกายนั้นผิดเพื๊ยนแต่ประการใด แต่เนื่องจากท่านสามารถปฏิบัติยุบหนอพอหนอได้เช่นกัน ก็เพราะหลวงปู่เป็นผู้เชียวชาญด้านสมถะวิปัสสนา และสามารถปฎิบัติกัมมฐานได้ด้วยเช่นเดียวกับเจ้าคุณโชดก แต่เนื่องจากท่านรักที่จะปฏิบัติวิชชาธรรมกายเพราะถูกกับอัธยาศัยของท่าน คงจะเข้าทำนองว่าลางเนื้อชอบลางยา และการที่ท่านยอมรับการฝึกแบบยุหนอพองหนอว่าปฏิบัติถูกต้องก็แสดงว่าท่านมีภูมิรู้ภูมิธรรมสูงจึงสามารถตรวจสอบได้ว่าถูกหรือไม่ถูก เปรียบเสมือนครูสอนหนังสึอ ครูจะต้องมีความรุ้มากกว่านักเรียนเมื่อนักเรียนส่งการบ้านก็สามารถตรวจได้ว่านักเรียนทำการบ้านถูกหรือผิด ซึ่งไม่ต่างกับการที่หลวงปู่สดยอมรับการปฏิบัติยุบหนอพองหนอนั้นถูกต้อง

การที่มีคนออกมากล่าวหาว่าหลวงปู่นั้นยกเลิกสอนวิชชาธรรมกาย แต่ทำไมผู้ฝึกวิชชาธรรมกายกลับมีมากจนถึงทุกวันนี้ และทำไมถึงได้สังให้แม่ชีจันท์ ขนนกยูง ให้ขยายวิชชาธรรมกายออกไป การที่หนังสือคำถาม-คำตอบ วิปัสสนากัมมัฐาน ของเจ้าคุณโชดก ที่ระบุถึงการฝึกวิปัสสนากัมมัฐฐานของหลวงปู่สดนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะยกเลิกสอนวิชชาธรรมกายเสียเมือ่ไหร่ เพียงแต่ท่านสามารถปฏิบ้ติแนวยุบหนอพองหนอได้เท่านั้นเอง เมื่อท่านปฏิบัติได้อย่างไรท่านก็ต้องลงบันทึกไว้ เรื่องมันก็มีแค่นี้

แต่การที่มีการระบุว่าหลวงปู่สดยกเลิกการสอนวิชชาธรรมกาย แล้วหันมาปฏิบัติยุบหนอพองหนอก็คงเป็นการเข้าใจผิดหรือไม่ต้องการจะยกย่องเจ้าคุณโชดก ที่เป็นครูบาอาจารย์ของตนเองจึงได้ระบุมาเช่นนี้ ในความเป็นจริงนั้นไม่ว่าใครจะฝึกแบบไหนขอให้ปฏิบัติจริงก็แล้วกัน แล้วท่านก็จะรู้พบว่าความจริงนั้นคืออะไร และการที่ไม่รู้แล้วชี้นั้นมันเหมือนพวกใบลานเปล่า คือเห็นด้วยตา หรือไม่ก็ได้ยินการบอกต่อๆ กันมา แต่ไม่เคยปฏิบัติอย่างถ่องแท้แล้วมาสรุปด้วยสติปัญญาเพียงหางอึ่งและมาทึกทักเอาเองว่าสิ่งนั้นผิด สิ้งนั้นถูก ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่ง

ระวี

จากข้อความ ที่หลวงปู่สด ได้เขียนข้อความให้กับสำนักวิปัสสนาวัดมหาธาตุมีดังนี้

ให้สำนักวิปัสสนา วัดมหาธาตุ ไว้เป็นที่ระลึก ในโอกาสที่ฉัน

ได้เข้าปฏิบัติวิปัสสนา ตามแบบวัดมหาธาตุสอนอยู่ในปัจจุบัน

นี้แล้ว ยืนยันได้ว่า การปฏิบ้ติแบบนี้ถูกต้องร่องรอยในมหาสติ

ปัฐฐานสูตร ทุกประการ

พระภาวนาโกศลเถร

วัดปากน้ำ ธนบุรี

21 เมษายน

ขออธิบายเพิ่มเติมว่า การที่หลวงปู่ได้เขียนหนังสือรับรองการปฏิบ้ติวิปัสสนา ตามวัดมหาธาตุนั้นถูกต้องนั้น ซึ่งท่านอยู่ในชั้นสมณศักดิ์พระภาวนาโกศลเถระ ซึ่งเป็นสมณศักดิ์ชั้นราช ต่อมาท่านได้ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นชั้นเทพที่ พระมงคลเทพมุนี และท่านก็ยังสอนวิชชาธรรมกายอยู่ตลอดจนกระทั้งท่านมรณภาพ

ระวี

เรื่องอาวุโส

ผมทำงานรับราชการ นายทหารประทวนที่จบป.ตรี และคนที่จบป.โท ก็มีมาก ทัศนวิสัยก็กว้างไกลไม่แพ้คนที่จบจากนักเรียนนายร้อย ผมเข้าใจในกรณีของหลวงพ่อสดนะคับ เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งมีการเสนอะความคิดเห็นและข้อเสนอแนะการทำงานและการพัฒนาระบบการปฏิบัติการ ถึงแม้การเสนอจากผู้ใต้บังคับบัญชาจะถูกต้องร่องรอย แต่.......ผู้ที่มีอาวุโสโดยตำแหน่ง(แต่อายุน้อยกว่า)ยังต้องบอกแบบเป็นนัยยะเหมือนจะออกคำสั่งให้ทำตามที่ผู้มีอาวุโสโดยตำแหน่งเสนอ เพราะเขาคิดว่าความคิดของเขาถูกต้อง แต่ขัดต่อหลักความเป็นธรรม

แค่นี้ก็น่าจะเป็นเครื่องยืนยันได้นะคับว่า สถานภาพระหว่างการปกครองมันมีอิทธิพลมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะตราบใดยังมีการแบ่งชั้นวรรณะ ถ้าผมไม่เป็นทหารผมมองภาพไม่ออกเลยนะคับ

อย่าลืมนะคับมันมีอยู่คำหนึ่งที่ทุกคนต้องพึงระลึก " ผิดระเบียบไม่เป็นไร แต่ผิดใจเปิดระเบียบ " ซะใจจริงๆ โลกมนุษย์

เราขอปฏิเสธเรื่องที่กล่าวว่า

เหตุผลที่หลวงพ่อสดเขียนรับรองการปฏิบัติกรรมฐานแบบหนอ ก็ เพราะว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาสภมหาเถระ) เมื่อครั้งมีสมณศักดิ์ที่พระพิมลธรรม เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ สังฆมนตรีว่าการองค์การปกครอง (สมัยนั้นมีสังฆมนตรีเพียง๔ รูป) ผู้มีอำนาจมาก มีบารมีมาก มีบริวารมาก และมีสมณศัก

ดิ์เกือบสูงสุด ท่านเจ้าประคุณ มีความดำริจะส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐานให้เจริญแพร่หลายในประเทศไทย โดยเฉพาะท่านเชื่อว่าการสอนวิปัสสนาธุระที่เป็นระบบถูกต้องมีเฉพาะในประเทศพม่าเท่านั้น ทั้งที่ตอนนั้นสายพระอาจารย์มั่นและสายวัดปากน้ำได้ปฏิบัติธรรมอย่างมีระบบแล้ว

หลวงพ่อวัดปากน้ำและพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายจึงถูกเกณฑ์ให้เรียนกรรมฐานแบบหนอ

ป็นเรื่องที่หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านทราบดีว่า ธรรมกายที่ท่านได้เป็นเพียง  สมาธิ หรือ ฌานเท่านั้น ไม่ถึงวิปัสสนาแต่ประการใดๆทั้งสิ้น ท่านที่มีความเห็นในเรื่องนี้ไมทราบความเป็นจริง ก็จงอย่ากล่าวตู่เรื่องที่เป็นความจริง เพราะจะเกิดความวิบัติแก่ท่านไปตลอดยาวนานถึง ๔ อสงไขย กับอีกแสนมหากัล์ป

ไปอ่านประไตรปิฏกดูก็จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ท่านเน้นสมาธิ หรือ สติ จะได้ไม่ต้องอ้างอะไรที่ไม่รู้จริงให้บาป

กระผมชอบประโยคที่ว่า*เอาไว้กันคอมมิวนิสต์ไม่ให้เข้าเมืองไทย*

กระเป๋าที่สะพายไหล่ได้ไม่ว่าจะเป็น เป้ ย่าม แฟชั่นใหม่หรือเก่า หลุยส์วิตตองหรือจะเป็นกระเป๋าตลาดนัดไม่มียี่ห้อ สุดท้ายก็ต้องนำมาพาดที่ไหล่เหมือนกันอยู่ดี ขึ้นอยู่กับตัวเราเองจะมีรสนิยมหรืออารมณ์แบบไหน (เร่งหากระเป๋าที่เหมาะกับตัวเองมาพาดที่ไหล่เถอะบัณฑิตทั้งหลายอายุมนุษย์มันไม่ได้ยาวไกลอย่างไดโนเสาร์ ใช้ลมหายใจให้มีค่าก่อนลมจะหมดเครื่องในจะเน่า)

ป.ล.หวังว่าท่านคงรู้ว่าอะไรที่อุปมาเป็นไหล่

"การที่มีคนออกมากล่าวหาว่าหลวงปู่นั้นยกเลิกสอนวิชชาธรรมกาย แต่ทำไมผู้ฝึกวิชชาธรรมกายกลับมีมากจนถึงทุกวันนี้ และทำไมถึงได้สังให้แม่ชีจันท์ ขนนกยูง ให้ขยายวิชชาธรรมกายออกไป"

เรื่องสั่งให้เผยแพร่มันยืนยันได้ยังไงครับ ส่วนเรื่องคนฝึกมากน้อย มันวัดอะไรเหรอครับ จำนวนเอามาวัดว่าถูกผิดไม่ได้ งั้นจำนวนคนเล่นการพนันกินเหล้าเยอะ ก็แสดงว่าดีกว่าปฏิบัติธรรมเหรอ

แล้วเรื่องเณรอะไรที่ว่ากัน จะยืนยันอย่างไรว่าจริงไม่จริง แค่นั่งสมาธิตัวแข็งโชว์เนี้ย มันไม่ได้แสดงการบรรลุญาณอะไรอยู่แล้ว แค่นั่งตัวแข็งก็บรรลุญาณ เชื่อก็บ้าแล้ว รื่องง่ายๆแค่นี้จะมีจริงเหรอ

->> เป็นไปได้ไหมว่า วิบากกรรมของสมเด็จพระพุฒาจารย์นั้น ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจากการที่ท่านได้บัญชาให้พระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานฝ่ายมหานิกายของสงฆ์ไทย ต้องไปเรียนกรรมฐานแบบพม่า เพราะผู้เขียนเคยทราบจากพระเถระผู้เชี่ยวชาญกรรมฐานรูปหนึ่ง ท่านบอกว่ากรรมที่กระทำต่อผู้ทรงญาณสัมมาทิฏฐินั้นเป็นบาปมาก ยิ่งกระทำต่อพระอริยเจ้าแล้วจะบาปมากขนาดไหน_

---->>> ถ้างั้นการที่หลวงพ่อธัมมชโย เป็นโรคและต้องแต่งตัวแปลกๆ ส่วนหนึ่งก็อาจจะเนื่องมาจากวิบากกรรมอะไรหรือเปล่า แค่สงสัยน่ะ

พระอะระหังในกรุง องค์ที่ 1

ในเมืองกรุงที่แสนวุ่นวาย ชิงดีชิงเด่น เต็มไปด้วยแสงสีเสียง ใครจะรู้ว่า ณ

วัดมหาธาตุ มีองค์พระธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณโชดก) พระอาจารย์ใหญ่ฝ่าย

วิปัสสนาธุระ เปี่ยมไปด้วยบุญบารมี แม้แต่พระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อ

สด วัดปากน้ำภาษีเจริญ ได้เคยเดินทางไปขอคำชี้แนะกับท่านเจ้าคุณโชดก

สุดท้ายหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ พบทางออก ติดอยู่ในฌาน และนิมิตมาตั้งนาน

หากใครไปวัดมหาธาตุ รองสังเกตุ หรือถามพระรุ่นเก่า ๆ ดู เรื่องที่พูดนี้เป็นเรื่อง

จริง และยังมีภาพหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ และลายมือท่านมอบให้เป็นที่ระลึก

ปัจจุบันภาพนั้นยังคงอยู่

ในสมัยที่องค์พระธีรราชมหามุนี (เจ้าคุณโชดก ) ยังมีชีวิตอยู่ ได้เคยยกตัวอย่าง

ของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ มาเป็นกรณีศึกษาให้กับคณะศิษย์ ซึ่ง

การยกตัวอย่างครั้งนั้น ไม่ใช่ตำหนิ แต่เป็นการสรรเสริญถึงความหมั่นเพียรใน

การทำสมาธิ และพระกรรมฐาน ท่านพูดเสมอว่า หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ถือว่า

เป็นพระที่แท้จริง มุ่งศึกษาพระธรรม และด้านวิปัสนากรรมฐานมานาน แต่ยังหา

ทางออกที่แท้จริงไม่ได้ จึงได้เดินทางมาพบ เพื่อขอคำแนะนำ

วาระสุดท้ายของท่านเจ้าคุณโชดก วันนั้นท่านได้สั่งคนขับรถว่าให้ออกรถ

จะไปธุระ แต่ผู้เขียนจำไม่ได้ถึงสถานที่จะไป พอไปถึงภูเขาทองเท่านั้น

ท่านเจ้าคุณโชดก สั่งคนขับรถว่า ไม่ทันแล้วให้กลับวัดมหาธาตุเลย พวก

เขามารอแล้ว พอถึงวัดมหาธาตุท่านได้สรงน้ำ และห่มจีวรเต็มยศ นั่ง

วิปัสสนาหน้าพระและถึงแก่กาลมรณภาพในท่านั่งสมาธิ

กระผมถือว่า องค์พระธีรราชมหามุนี หรือท่านเจ้าคุณโชดก ผู้เขียนเห็นว่าท่าน

เป็นพระอาจารย์ใหญ่ฝ่ายวิปัสสนาธุระ แม้แต่องค์หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ

ภาษีเจริญ ยังเดินทางมาพบ เพื่อขอคำแนะนำ แสดงถึงภูมิธรรมของท่าน

เจ้าคุณโชดก ย่อมไม่ธรรมดา และยังรู้วาระแห่งการละสังขารล่วงหน้า

เป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนัก

ข้อมูลที่เขียนขึ้นนี้หากผิดพลาดประการใด ต้องขอขมาต่อองค์พระธีรราช

มหามุนี (ท่านเจ้าคุณโชดก) และองค์พระมงคลเทพมุนี หรือหลวงพ่อสด

วัดปากน้ำภาษีเจริญ ณ ที่นี้ อภัยให้กระผมด้วยนะครับ ผู้เขียนมิได้มีเจตนา

เป็นอื่น เพียงแต่เรื่องนี้ ถือว่าคนทราบน้อยมาก จึงได้นำมาเล่าสู่กันฟัง

เพื่อเผยแพร่เกียรติคุณขององค์พระธีรราชมหามุนี (ท่านเจ้าคุณโชดก)

และความมุ่งมั่น ตั้งใจศึกษาวิปัสสนา ขององค์พระมงคลเทพมุนี หรือ

หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ

ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด

อั้ง ศิษย์พ่อแก่

ผู้ที่ปฏิบัติธรรมมะ ย่อมรู้ได้ด้วยใจว่าสิ่งใดคือ วิปัสนา และสมาธิภาวนาเมื่อปฏิบัติแล้วย่อมรู้ว่ามันแตกต่างกันเช่นไร บางท่านต้องการปฏิบัติเพื่อให้รู้ถึงขั้น วิปัสนาญาณ 16 แต่ขอโทษเถอะน่ะค่ะว่าเราบุญน้อยเหลือเกินที่เกิดมาไม่ทันได้เล่าเรียนกับ ท่านครูบาอาจารย์ท่านเจ้าคุณโชดก และศึกษาวิชาธรรมกายกับหลวงพ่อสดวัดปากนํ้า ทุกท่านที่ได้ศึกษาธรรมมะกับครูบาอาจารย์ทั้งสองท่านนี้ พึงระลึกรู้ไว้ด้วยเถิดน่ะค่ะว่า ท่านเป็นผู้มีบุญเป็นอันมาก

พวกเรา เด็กรุ่นหลังที่ฝึกปฏิบัติธรรมะรู้สึกเสียดายมากที่ไม่สามารถได้เรียนรู้กับครูบาอาจารย์ทั้งสองท่านนี้ แล้วยังมาเห็นข้อความที่ท่านโพล์ส อยู่นี่ยิ่งรู้สึกเสียใจมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าท่านจะฝึกวิปัสสนา หรือ สมาธิภาวนา มันก็เป็นหนทางที่จะพาท่านพ้นทุกข์

ไม่สมควรที่จะทําเช่นนี้ ขอเถอะ อาจารย์ของใครใครก็รัก มีจิตใต้สำนึกที่ดีงามร่วมกันเถอะน่ะค่ะ เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องธรรมะจะได้ไม่รู้สึกเสียใจ ฝึกปฏิบัติเพื่อพาใจหลุดพ้นจากตัวกูของกู ไม่ใช่ว่า ฝึกแล้วยังมีอัตตาอยู่เต็มตัว

กรรมฐานมี 40 กอง ใครเลือกใช้แบบใดก็แล้วแต่จริต และบุญเก่า จะวิจารณ์ว่าแบบไหนดี-ไม่ดี ว่าไม่ได้ เพราะจะเป็นบาป การภาวนา เป็นกุศโลบายให้จิตสงบ ก็ไม่ควรวิจารณ์ว่าแบบไหนดี-ไม่ดี เช่นกัน ผมเคารพทุกสาย อาจารย์ใดอยู่ระดับใด ท่านก็ดีทั้งนั้น เพราะยังไงก็อยู่บนทางสายนิพพานเหมือนกัน อย่ายึดติดว่าอาจารย์ของใครดีกว่าในประเ็ด็นที่เป็นกิเลส อย่าเอามาเป็นเครื่องเปรียบเทียบแบ่งแยก เป็นบาปเปล่า ๆ

วิชาธรรมกาย สามารถพิสูตรได้จริงนะขอรับ สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม, สันทิฏฐิโก, อะกาลิโก, เอหิปัสสิโก, โอปะนะยิโก, ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหี ติ พระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ดีแล้ว เป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาและปฏิบัติพึงเห็นได้ด้วยตนเอง เป็นสิ่งที่ปฏิบัติได้ และให้ผลได้ ไม่จำกัดกาล เป็นสิ่งที่ควรกล่าวกับผู้อื่นว่าท่านจงมาดูเถิด เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้ามาใส่ตัว เป็นสิ่งที่ผู้รู้พึงรู้ได้เฉพาะตน ดังนี้ http://www.84000.org/pray/sorrapanya.html ขอแนะนำความรู้วิชาธรรมกายครับ http://khunsamatha.com http://khunsamatha.fix.gs/index.php?board=5.0 http://crystalmind.org/ http://kayadham.org/ http://wisdominside.org/ -ขอบคุณครับ หวังว่าจะเป็นปะโยชน์ต่อทุกท่านไม่มากก็น้อยนะครับ-

หากอยากรู้ว่าอะไรจริง ไม่จริงนะ อย่ามั่วแต่มาพิพากย์วิจารณ์กันดีกว่า เอาไปปฏิบัติดีกว่า จึงจะรู้จริง แม้พระไตรปิฏกที่เราเรียนมานี้ อาจจะไม่จริงตามก็ได้ เพราะรู้แต่ในตัวหนังสือ แต่ไม่นำไปปฏิบัติเลย แล้วมาพูดว่าพระไตรปิฏกคือของจริง ใช่ พระไตรปิฏกนะดี แต่คนเอามาอ่านนะรู้มากแต่ไม่รู้จริง คนรู้จริงย่อมนำไปปฏิบัติจนรู้จริง เขาจึงบอกว่าจริงแน่แท้ พระอรหันต์นะ ไม่ใช่ได้มาเพราะรู้มาก แต่ได้มาเพราะปฏิบัติมาก ต่างหาก เพราะฉะนั้นคนรู้มากอาจจะเป็นเต่าในกะลาก็ได้ จริงไหม อย่าเชื่อในโลกนี้ หากไม่ได้พิสูจน์ คำพูดทุกคำ หรือสิ่งที่คิดว่าแน่ในโลกนี้ อาจจะไม่แน่ก็ได้ หากไม่เห็นจริง...

เอาเป็นว่าหลวงพ่อสด และท่านเจ้าคุรโชดก เป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ทั้งคู่ครับ แล้วพวกเราเถียงกันไปมา ได้เดินตามรอยเท้าท่านรึยังครับ

ไม่มีไร มาดู ๆๆๆ

ไม่มีไร มาดู ๆๆๆ

ไม่มีไร มาดู ๆๆๆ

ขออณุญาติเล่าเรื่องจริงที่ประสปมา ท่านทั้งหลายช่วยดูว่าเป็นการปฏิบัติแนวไหน

นี่คือเรื่องจริง..ที่พบเจอด้วยตัวเองคือ...ความวิบัติอย่างสาหัสของผู้ปฏิบัติที่ผิดทาง หลงทาง ไม่เข้าหลักอริยสัจสี่ เป็นเรื่องที่น่าสลดใจมาก
ประมาณปี พ.ศ.2543 ได้ไปเยี่ยมพระเพื่อน เคยสนิทกันท่านเป็นพระฝ่ายธรรมยุติขณะนั้นท่านได้ประมาณ7พรรษา ท่านไปพำนักอยู่วัดมหานิกายแห่งหนึ่งในอำเภอปากพนัง จ.นครศรีฯ ทราบว่าเจ้าอาวาสวัดนี้ชื่อพระอาจารย์สมชาย กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง มีลูกศิษย์ศรัทธามากมาก ถึงขนาดสามารถสร้างเจตีย์องค์ใหญ่ขึ้นมาได้สำเหร็จ
พอไปถึงพบพระเพื่อน(ขออนุญาติสงวนนาม)ท่านก็ได้แนะนำให้รู้จัก อ.สมชาย เป็นพระรูปงามมาก ทราบว่าเคยเป็นพระเอกหนังจักรๆวงศ์ๆมาก่อน ขณะที่พบท่านอายุ30กว่าๆ ทราบว่าวัดนี้มีพระหนุ่มๆมาอยู่เป็นลูกศืษย์ท่าน อ.สมชาย หลายรูป 
ความรูปงาม เสียงไพเราะ เทศน์ชักจูงใจเก่ง ทำให้มีโยมรักท่านมาก มีแม่ยกมาอุปถัมภ์มากมาย ทั้งทราบข่าวว่าท่านสามารถรักษาคนเจ็บป่วยเพียงแค่ยกมือลูบไปเหนือตัวคนไข้ คนเป็นอ้มพฤษยังหาย ทำให้ชื่อเสียงโด่งดังคนต่างถิ่นก็มากันมากมาย
พอได้คุยสนทนาธรรมกับพระเพื่อน ท่านก็ยกย่องพระอาจารย์สมชาย ว่ามีบารมีมหาศาล เป็นมหาโพธิสัตว์ที่ยิ่งใหญ่ อนันตจักรวาลเลยทีเดียว ส่วนพระทุกรูปที่อยู่วัดนี้รวมทั้งพระเพื่อนด้วย ก็ล้วนเป็นระดับโพธิสัตว์ทีสั่งสมบารมีมายิ่งใหญ่กันทั้งนั้น 
ท่านยั่งเล่าว่าพระทุกรูปที่อยู่กับท่านอ.สมชาย ล้วนเคยได้รับพุทธพยากรณ์จากพระพุทธเจ้ามาแล้วในอดีตชาติว่าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคต โดยมีทานอาจารย์สมชายท่านบอกและยืนยัน พระทุกรูปศรัทธา อ.สมชาย และยกเป็นอาจารย์ 
และทุกรูปยังเล่าว่า ต่างก็มีกายทิพย์ที่มีอิทธิฤทธิ์มหาศาลมีรัศมี มีวิมาน ที่อลังการณ์สุดประเสริฐต่างๆกัน ทั้งยังสามารถถอดกายทิพย์ไปไหนต่อไหนได้ตามใจต้องการ แม้แต่ไปกราบพระพุทธเจ้าในอดีตได้ทุกพระองค์ หรือจะไปสวรรค์วิมานได้ตามใจต้องการ แสดงกำลังฤทธิ์โดยกายทิพย์ได้ดังใจ 
ข้าพเจ้า สังเกตุได้ชัดเจนว่า อาการของพระที่วัดนี้มีลักษณะเหมือนเป็นสาวกของ อ.สมชาย ทุกรูปมีหน้าตาดูมีความสุข ที่ได้อยู่ปฏิบัติที่นี่ และดูจากอาการว่าสิ่งที่เขาพูดบรรยายมา เขาคงได้สัมผัสจริง และรู้เห็นจริง โดยมโนมยิทธิ ถึงได้เชื่อมั่นขนาดนั้น และทุกท่านได้ฝึกมโนมยิทธิจาก อาจารย์สมชาย 

ถึงตอนนี้ข้าพเจ้าพอรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น จึงได้พยายามหาวิธีการตักเตือน พระเพื่อนว่ากำลังปฏิบัติผิดทาง ก็ไม่เชื่อ เลยบอกว่านี้เป็นเพียงภาพลวงตา เป็นการสร้างฤทธิ์โดยมโนมยิทธิ โดยจิตสร้างเรื่องสร้างภาพขึ้นมา หลอกตัวเอง โดยการชักจูงจิตโดยอาจารย์สมชาย อาศัยว่าคนที่มีจิตอ่อน ศรัทธาจริต ทั้งยังไม่เคยปฎิบัติผ่านสภาวะทีจิตใจสงบเป็นสมาธิ ที่ละเอียดประณีตยิ่งกว่านี้ พอถูกสภาวะแวดล้อมจูงใจด้วยการสร้างบรรยากาศ ด้วยคนที่ดูน่าเชื่อถือ แล้วทำการฝึกแนวกสิณ ให้จิตเพ่งอยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ลูกแก้ว มีการพูดจูงจิตเป็นขั้นเป็นตอน จนจิตเชื่องทำตามคำสั่ง ก็สั่งให้ถอดกายทิพย์ทะลุดวงกสิณนั้นเข้าไปในมิติทิพย์ ทั้งที่ร่างกายยังนั่งอยู่ แต่จิตท่องเที่ยวตามคำสั่งของผู้ที่ชักจูงจิต(หรือเรียกว่าผู้ทำการสะกดจิตก็ได้)จิตก็จะทำการสร้างมโนภาพ ตามคำบรรยายทีผู้ชักจูงพูดให้ฟัง หรือตามที่เคยจินตนาการของจิต ก็ได้เห็นได้สัมผัสสิ่งที่วิจิตรพิศดารต่างๆที่ทำให้จิตหลงเชื่อแบบชนิดโงหัวไม่ขึ้นเลยทีเดียว
ตรงนี้เอง..จิตของผู้ปฏิบัติคนนั้น กลายเป็นเหมือนสาวกของผู้ที่เป็นอาจารย์ที่ทำการช้กจูงจิต(หรือสะกดจิต) กลายเป็นคนที่ เชื่องสนิท ขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์จะชักนำให้ทำอะไร เช่นทำบุญ ปรนนิบัติ หรือทำอะไรได้ตามที่อาจารย์ต้องการ แต่โดยมากอาจารย์เองก็หลงปฏิบัติมโนมยิทธินิ้มาอีกที ถ้าสายที่ถ่ายทอดมา ยังไม่ชั่วร้าย ก็จะเน้นเรื่องทำบุญสร้างบารมี แต่เนื่องจากจิตที่ยังไม่รู้ทางเจริญทางเสื่อมในอริยมรรคอย่างชัดเจน และยังมากไปด้วยกิเลส และความหลง บางที่ใช้ในการหาผลประโยชน์จากคนที่เป็นสาวก บางทีถ้าสาวกเป็นผู้หญิงถึงขนาดบำเรอกามมารมณ์ก็มี แต่เดี๋ยวก็จะเสือมไป แต่คนๆนั้นยังรู้วีธีการสะกดจิต แบบมโนมยิทธินี้ ก็ยังหากินหาประโยชน์ได้ต่อไป คนที่หลงผิดไปแล้วถอนตัวถอนใจได้ยากมาก จิตจะบอบช้ำจากการโดนหลอกหลอนจิต กว่าจะเห็นทุกข์โทษเวรภัย และกว่าจะเป็นอยู่ในโลกปรกติได้เหมือนกัลยาณชนทั่วไปก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ส่วนคนที่เป็นอาจารย์ชักนำคนไปในทางผิดเช่นนี้ ถือว่ากระทำกรรมหนักมากๆๆ เหมือนเป็นการทำให้คนเสียสติไป เสียความปรกติวิสัยไป เมื่อใดกรรมนั้นตามเห็นผลก็จะได้วิบากที่หนักมากๆๆนับชาติไม่ถ้วน
ท่านทั้งหลาย ไม่นานนัก ได้ทราบข่าวว่า ท่าน อ.สมชาย ได้ชวนลูกศิษย์ที่เป็นพระหนุ่มๆ ห้าหกคน ลาสิกขาไปเห็นบอกว่าไปสร้างบารมีทางโลก ส่วนพระเพื่อนของข้าพเจ้าถอนตัวได้ทันจึงไม่สึกตาม และแยกตัวไปจากท่าน อ.สมชาย จึงรอดมาได้ถึงปัจจุบัน
จนเมื่อปี 2549หนังสือพิมพ์ข่าวสดพาดหัว 
หนุ่มสติเฟื่อง ฆ่าแม่ตัวเอง ตัดคอ แขน ขา ทิ้งคูน้ำ ที่จังหวัดสตูล แล้วหลบหนีไปอาศัยที่วัด ตำรวจตามไปจับได้ขณะเดินจงกรมอยู่ในวัด ทราบชื่อว่า นายสมชาย นาคจันทร์ ให้การวกวนสับสน และทราบว่านายสมชายมีอาการทางจิต เคยบวชแล้วสึกมาหลายหน เคยเป็นถึงเจ้าอาวาส ตอนหลังสึกมา อาศัยอยู่กับแม่ตามลำพัง และได้ทำการฆ่าหั่นศพแม่ ดั่งที่กล่าวมา
ท่านทั้งหลาย นายสมชาย นาคจันทร์ คนที่ฆ่าแม่ ของตัวเองด้วยความวิกลจริต นั่นแหละคือ พระอาจารย์สมชาย ที่เคยโด่งดัง ที่ปฏิบัติมโนมยิทธิ ท่านลองพิมพ์เข้ากูเกิล ว่านายสมชาย นาคจันทร์ ฆ่าแม่ตัวเอง แล้วท่านจะเชื่อว่าที่เล่ามาทั้งหมดคือเรื่องจริง ข่าวล่าสุดได้บอกว่าหลังจากนั้นไม่นานนัก นายสมชาย ก็ได้ทำการฆ่าตัวเองตาย คงจะในคุก ท่านลองไปปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ไปที่วัดบางฉนาก ท่านจะเห็นเจดีย์องค์ใหญ่ที่อดีตเจ้าอาวาส คือ พระอาจารย์สมชาย ได้สร้างไว้ แล้วถามเรื่องราวความจริงจากคนแถวนั้น แล้วท่านจะสลดใจเมื่อได้ฟังความจริงจากปากชาวบ้านใกล้ๆวัดที่เคยศรัทธา อ.สมชาย อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่นักปฏิบัติ และผู้ที่ตั้งตัวเป็นอาจารย์ ว่าถ้ามิจฉาทิฎฐิ ครอบงำแล้ว ปฏิบัติไปสอนไปด้วย คิดสอนผู้อื่นแต่ตัวเองยังหลงอยู่ ก็เหมือนคนว่ายน้ำยังไม่เป็นแต่กระโดดน้ำไปช่วยคนตกน้ำต่างคนก็ว่ายน้ำไม่เป็นเลยกลายเป็นกอดคอกันจมน้ำตาย

ให้ลองไปอ่านความคิด หลังจากที่ หลวงสด ได้ตรวจสอบ สมาธิยุบพอง ของพม่า ในปีนั้น

หลวงพ่อสด ได้เทศน์เนื้อหาเอาไว้มากมาย หาอ่านได้จาก เว็บวัดปากน้ำ

จะเข้าใจความคิดของหลวงพ่อสด ดีกว่าบุคคลที่สาม พูดข้างเดียว

หลวงพ่อสดยังคงสอนวิชชาธรรมกาย ไปตามปกติ

หลังจาก อนุญาติและรับรองว่า ยุบพอง เป็นสติปัฏฐานสี่ จึงมีการสอนในปรเทศไทย เพราะคำรับรองนั้น

แต่เดิมในแผ่นดินไทย มีสติปัฏฐานสี่ จะมีสอนในกลุ่มวัดป่า คือ สายหลวงปู่มั่น

และ วัดบ้านรู้กันดีก็คือ สายหลวงพ่อสด

ต่อมาท่าน พระพิมลธรรม ต้องการขยายการเผยแผ่ จึงส่งพระใหม่ไปเรียนตามประเทศต่างๆ

แล้วนำกลับมาเมืองไทย แต่ติดใจการสอนแบบพม่า ต้องการนำมาเผยแพร่ในไทย

สุดท้าย พระพิมลธรรม ต้องอยู่ในคุกยาวนานหลายปี เปลี่ยนสมเด็จพระสังฆราช หลายพระองค์ จึงหลุดคดีในที่สุด

ในวิดีโอนั้น พาดพิง สายหลวงปู่มั่น ด้วย ทั้งๆที่สายนี้แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินไทย


การใช้คำว่ารื้อฟื้นวิปัสสนา ตั้งสำนักใหม่ เป็นคำโฆษณาเกินความจริง

เพราะสายเดิมที่แข็งแกร่งของไทย

คือ สายพระป่า หลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น

ควรทำใจให้กว้าง ลองไปศึกษาวิชชาธรรมกายและปฎิบัติตามที่หลวงพ่อสดท่านสอนก่อน ถ้ากล่าวจาบจ้วงท่านโดยไม่เป็นความจริงจะเป็นบาปมากนะ เพราะถ้าวิชชาธรรมกายไม่ใช่ของจริง มีจริงทำไมไม่ว่าชาติไหน ศาสนาไหน เมื่อมานั่วสามธิจนใจหยุดนิ่งจริงๆแล้วจึงมีประสบการณภายในที่เหมือนกัน และเห็นองค์พระธรรมกายภายในตัวได้เหมือนกัน

อย่าได้แต่จ้องจับผิดคนอื่นเลย เอาเวลา ไปศึกษา และฝึกปฎิบัติธรรม เพื่อพิสูจน์ให้พบคำตอบด้วยตัวเองดีกว่านะ เพราะพระธรรมกายเป็นของจริงที่พิสูจน์ได้ด้วยตัวเอง


วิชชาธรรมกายเป็นของดีจริง มีอยู่จริง แม้จะโดนโจมตีอย่างไรก็ยังไม่เป็นไร คนฉลาดเขาจะไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ เขาเข้าไปศึกษาและทดลองทำตามดูเมื่อเห็นจริงเขาจึงเชื่อ และบอกต่อ เพราะเมื่อนั่งสมาธิจนใจหยุดนิ่งดีแล้วไม่ว่าชาติใด นับถือศาสนาใด ก็จะสามารถเข้าถึงได้ เป็นขั้นๆไปที่ละกาย ซึ่งมีอยู่ถึง 18 กาย  วิชชานี้เป็นทั้งสมถและวิปปัสนากรรมฐาน โดยตั้งแต่กายมนุษย์ - กายรูปพรหม เรียกว่า สมถกรรมฐาน และตั้งแต่กายธรรมโคตรภูจนถึงกายธรรมอรหัต (บรรลุพระอรหันต์) เรียกว่าวิปปัสนากรรมฐาน เชิญฟังพระธรรมเทศนาของหลวงพ่อสด ด้วยตัวเองจาก website นี้
http://www.youtube.com/watch?v=lWtIHWsV9JU 

พงศ์สุธัตถ์ เปี่ยมสินธุ์

ศาสดาของพวกเราชาวพุทธก็ไม่เคยสอนให้มีการแบ่งพรรคแบ่งพวก  แม้กระทั้งพระสงฆ์ท่านยังทรงห้ามมิให้ทำลายสงฆ์ให้แตกัน  ถ้าพระสงฆ์รูปใดกระทำ ต้องอาบัติปาราชิก  ผมว่าในยุคเทคโนโลยีนี้  การบริโภคข่าวสารมีมากกว่าคนในอดีต  เขาว่า เราบริโภคข่าวกันเพียงหนึ่งเดือน  เท่ากับคนโบราณบริโภคข่าวทั้งชีวิตเลย  ดังนั้นคนปัจจุบันจึงจะบรรลุธรรมกันอยากขึ้น  มีความลังเลสงสัยเยอะ  มีการแยกว่า นี่อาจารย์เรา  นี่อาจารย์คนอื่น  แต่ผมไม่เคยเห็นมนุษย์หน้าไหนจะบอกว่าอาจารย์ของตัวเองด้อยกว่าคนอื่นเลย  อาจารย์ใคร  ใครก็รัก  ดังนั้นการที่ใครจะนับถือใคร  ก็เป็นเรื่องของคนนั้น  อย่าพยายามใช้ทิฏฐิ (ความเห็นของตัวเอง)  มาตัดสินให้ใครมากระทำตามทิฏฐิตัวเองเลยครับ   ผมว่าเราทุกคน ถ้ายังไม่ได้อย่างน้อยโสดาบัน  ก็มาพิจารณารักษาจิตกันดีกว่านะครับ  บางท่านแกล้งชมอาจารย์คนอื่นก็เพื่อที่จะยกอาจารย์ตัวเอง  สำหรับท่านใดที่มีจิตตั้งมั่นเป็นกลางจริงแล้ว  ก็ขออนุโมทนาด้วยนะครับ  เราลูกตถาคตองค์เดียวกัน  เกิดทันพระพุทธเจ้า "พระสมณโคตม" เดียวกัน  แต่ทำไมถึงแตกแยกกันทางความคิดเพียงนี้  (ศาสนาพุทธของเราจะวิบัติก็เพราะเราชาวพุทธไม่เป็นปึกแผ่นกันเอง)  อย่าไปโทษกันเลยครับ  ปัจจัตตัง  เวทิตัพโพ  วิญญูหีติ   ผู้เป็นบัณฑิตจะพึ่งทราบได้ด้วยตนเอง   ถ้าจิตท่านยังติดอยู่ในอาจารย์  ก็แสดงว่าท่านยังไม่ถึงไหน  ผมมิได้กล่าวว่าอาจารย์ไม่ดีนะครับ  อาจารย์ของทุกท่านดีครับ  เพราะเป็นผู้บอกหนทางแก่ท่าน  เพราะพระพุทธเจ้าก็ทรงเป็นอาจารย์ใหญ่  แต่เมื่อท่านดับขันธ์ไป  พระที่ได้อรหันต์  ก็มิได้เสียน้ำตา  ยกเว้นแต่พระที่ยังมิได้อรหันต์ก็จะมีน้ำตากัน  เหมือนพวกท่าน  จิตของพวกท่านก็ยังไม่ได้ไปถึงไหนกัน  ก็มามัวเถียงกันเอง  ผมว่าเรามาใช้เวลาให้กับการลดละกิเลสกันดีกว่าครับ  จะได้บรรลุอรหันต์ในชาตินี้  หรือในอีกไม่กี่ชาติข้างหน้า  สาธุ สาธุ  สาธุ

 

ผมเชื่อว่า ถ้าหลวงพ่อสดยังอยู่ วิชาธรรมกาย น่าจะแพร่ขยายไปมากกว่านี้ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า แต่ปัจจุบันวิชาธรรมกายถูกพระไชยบูลย์ ธัมมชโย นำมาบิดเบือนหลายๆอย่างจนไม่เหลือเคล้าความดีที่หลวงพ่อสดได้สร้างไว้เลย กระแสต่อต้านก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน ผมว่าถ้ามีคนนำวิชาธรรมกายมาปฎิบัติควบคู่ไปกับคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับรองวิชานี้จะถูกเผยแพร่ออกไปอย่างแพร่หลาย ผมกลัวที่สุดก็คือ กลัวว่าที่สุดคนจะเริ่มเสื่อมศรัทธาจนคนที่อยากปฎิบัติจริงๆตามแนวทางวิชาธรรมกายสูญหายไป

 

 

 

เฮ้ยยยยย เถียงอะไรกันคร้าบบบบบเนี่ยยยยย

ลูกของพระพุทธองค์ เหมือนกันไม่ใช่หรือ? หรือนับถือพุทธกันแค่ บัตรประชาชน

ไม่ว่า พระรูปไหน ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ พระท่าน ก็ปฏิบัติตาม คำสอนของพระพุทธองค์ไม่ใช่หรือ?

แล้วตรงลงจะนับถือ พุทธ หรือนับถือที่พระ? แล้วเถียงกันเพื่อออะไร หาประโยชน์ไม่ได้

จริตใครจิตมัน ชอบทางไหน ไปทางนั้น เพราะจริตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จริตมาทางหนึ่งแต่ไปทำอีกทางหนึ่ง จะให้มันได้ผลก็ยาก เหมือนเอาคนถนัดเรื่องหนึ่งแต่ ให้ไปทำอีกเรื่องหนึ่ง ผลออกมาไม่ดี แล้วจะไปโทษเขา อย่าพึ่ง ดูที่ตัวเองก่อนว่ามาผิดทางหรือเปล่า

แล้วจะมา จับผิด หรือ กล่าวโทษ ผู้อื่น หรือ เถียงกัน เพื่ออะไร? ตัวท่านเองไม่ใช่หรือ ที่มีแต่ กิเลส ถึงได้กระทำแบบนี้ ลองพิจารณาดูเถิด



ก่อนจะไปกล่าวโทษ ท่านเจ้าคุณโชดก วัดมหาธาตุ เคยฟังธรรมะ ของท่านแล้วหรือยัง???

เคยเอา คำสอนมาเทียบกับ พระไตรปิฏก แล้วหรือยัง? สอนถูกหรือสอนผิด?

แล้ว รู้จัก สมถะ กับ วิปัสนา ไหม? กล่าวอ้างแบบโง่ๆ

สมถะกรรมฐาน พระพุทธองค์ ท่านบอก ผลชัดเจน ว่าได้อะไร ซึ่งไม่ใช่ การพ้นทุกข์

จะพ้นทุกข์ได้ ต้อง ต่อ วิปัสณาญาณ


ส่วนการเกณฑ์พระไปฝึกนั่น อบรมนี่ ไม่เถียง ไม่ว่าสมัยไหนก็มี

แต่อย่าเอา คนละเรื่องมารวมเป็นเรื่องเดียวกัน


แล้วรู้ไหมพวกที่จับท่าน เข้าคุก ได้รับผลกรรมอย่างไร?

ส่วนไอ้พวกที่เชื่อง่ายๆ กับคำกล่าวอ้าง โดยไม่พิจารณา ก่อน นี่ก็สมควรละ

โง่อยู่ในโคลนตมต่อไปเถิด

ผ่านไป (คนสุดท้ายนะ)

ขอบคุณครับ... ฟังธรรมกันดีกว่า ยิ่งน้อมตัวปฏิบัติด้วย ยิ่งดี และปฏิบัติตามพระพุทธเจ้าสอนดีที่สุด

พระที่สอนตามประไตรปิฎก เท่าที่เห็นเด่นชัด คือ

1) หลวงพ่อพุทธทาส

2) พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิเถร ป.ธ.๙)

3) พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล (พุทธวจน)

ขอทุกท่านจงโชคดี พบทางสายเอง แล้วมุ่งตรงไปยังเป้าหมายอย่างพากเพียร เชื่อว่าไม่นานก็จะได้พบความสุขที่แท้จริง สุขจากจิตที่สงบ เบา สบาย

ขอเป็นคนสุดท้ายที่เขียนความเห็นในกระทู้นี้ อยากให้ลองศึกษา ฟัง อ่าน คิด พระไตรปิฎก หรือ พระที่เผยแผ่คำสอน ไม่ว่าจะเป็น หลวงพ่อพุทธทาส พระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ญาณสิทธิเถร ป.ธ.๙) พระอาจารย์คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล (พุทธวจน) และท่านอื่นๆ ไปหาฟัง หาอ่านกันนะจ๊ะ

"ทำจิตให้มีความสุข ดีกว่ามานั่งทุกข์เป็นไหนๆ"

จบ...

ขอบคุณผู้ที่เอาเนื้อของพระอาจารย์โชดกมาลงมากเลยคะ

หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มากต่อนักปฎิบัติ ทั้งสายยุบหนอ พองหนอ และ ธรรมกาย

คนที่ทำสายยุบหนอพอง พองหนอ ก็จะได้เข้าใจมากขึ้นและปฏิบัติก้าวหน้าต่อไป

สำหรับคนที่ฝึกธรรมกาย ที่สามารถลดธิฐิมานะเหมือนหลวงพ่อสด ก็จะสามารถบรรลุได้อย่างง่ายเนื่องจากมีสมธิสมถะเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว

ของแบบนี้ต้องลองปฏิบัติเอง ต้องทำเองถึงจะรู้ได้ด้วยตนเอง ถ้าอยากพิสูจน์ก็ควรจะลองปฎิบัติดูเอง ไม่ใช่มาปรามาสพระอริยเจ้าแบบนี้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท