คติเตือนใจ


ถ้าท่านมีอาการ ปวดศีรษะ มีไข้ เบื่ออาหาร อยากอาเจียร อย่านอนใจ

ก่อนดิฉันต้องขออภัยที่เขียนเล่าเรื่องน้องหนุ่มต่อ  ช้าไปมาก ๆ  และต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านที่คอยติดตามอยู่ 
ขอเล่าต่อเลยนะคะ   ดิฉันถามคุณหมอว่าจะทราบผลเมื่อไร  หมอบอกว่า  3  ชั่วโมง  
ประมาณบ่ายสามโมงกว่า  อ.หมอวันชัย  กลับเข้ามาบอกว่า  หนุ่มเป็นเหยื่อหุ้มสมองอักเสบ และอธิบายว่า
โรคนี้ร้ายแรงมาก   ถ้ารักษาไม่ดีอาจเสียชีวิตได้  หรือเป็นอัมพาตได้  ทุกคนนิ่ง  (พูดไม่ออก) ความรู้สึกคือมันเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก  นึกเสียดายเวลา
แต่อย่าไปพูดถึงเลยเพราะไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรให้ดีไปกว่านี้ได้  ได้แต่ภาวนาขอให้เกิดปาฏิหารย์  ขอให้หนุ่มสามารถรักษาตัวหายเป็นปกติได้
พ่อและแม่  หวังเพียงขอให้เขาพอรู้เรื่องบ้าง  ไม่ถึงกับนอนนิ่ง ๆ ให้ต้องป้อนข้าวป้อนน้ำก็พอใจแล้ว  (และภาวนาว่า  ขออย่าให้เหตุการณ์เช่นนี้ 
เกิดกับคนอื่นอีกเลย  จึงตัดสินใจเขียนไว้ใน  KM)
 
เมื่อพ้นเวลา 6 ชม.ที่หมอนอนอยู่นิ่ง ๆ หลังการเจาะไขสันหลัง  หนุ่มตื่นขึ้นมาพูดคุยเป็นอย่างดี  เหมือนปกติ  แต่แขนและขาด้านซ้ายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ไม่มีอาการของคนป่วย  มือด้านซ้ายไม่สามารถกำมือได้ ขาซ้ายไม่มีความรู้สึก ด้านสมองสามารถจดจำเรื่องราวและบุคคลได้ดี เฉพาะบุคคลในครอบครัว
แต่เพื่อน  คนรู้จักใหม่ ๆ  กลับจำไม่ได้  ดิฉันได้ปรึกษา  และถามหมอวันชัยว่า  มียาชนิดใดที่หมอรู้จักที่จะช่วยให้หนุ่มหายได้  แม้จะต้องจ่ายเงินเอง
(ยาที่นอกเหนือสิทธิของคนไข้ประกันสังคม) ดิฉันยินดีที่จะช่วยน้อง  ขอให้คุณหมอแจ้งให้ทราบด้วย จึงบอกมีเหมือนกันแต่แพง  เป็นยาจากต่างประเทศ
ค่ายาประมาณวันละ 2 พันกว่าบาท ดิฉันตัดสินใจทันที ว่าได้ค่ะ ดิฉันพร้อมรับค่าใช้จ่ายนี้

และแล้วเรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น   เมื่อเวลาผ่านไป  2 วัน  หนุ่มเอาแต่นอน  ไข้สูง  ไม่พูดคุย  ไม่ทานอาหาร 
หมอวันชัยกลับมาดูอีกครั้ง  สั่งให้เอ็กซเรย์สมอง  พบว่าน้ำในสมองเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว  หมอจึงต้องเจาะไขสันหลังอีกครั้งเพื่อปรับสมดุลย์ 
หลังเจาะไขสันหลังครั้งที่  2 ได้เพียง  2-3  วัน อาการก็ทรุดลงอีกครั้งนี้  หนุ่มมีไข้สูงตลอด  หมอได้เจาะเลือดไปตรวจ  พบว่าติดเชื้อแบททีเรีย 
ในกระแสเลือด   หมอจึงต้องให้ยาฆ่าเชื้อแบททีเรียร่วมด้วย  และได้ส่งให้หนุ่มเข้าไปอยู่ในห้อง  กึ่งวิกฤต  มีพยาบาลดูแลตลอด 24 ชม  

หนุ่มอยู่ที่ห้อง  กึ่งวิกฤต  ประมาณ  2 สัปดาห์  จึงกลับมาอยู่ที่ห้องคนไข้ปกติ  จากนั้นไม่นาน  หนุ่มก็มีอาการเป็นผื่นคันไปทั้งตัว  ผิวหนังแห้ง  ดำเกรียม
อาการดังกล่าวเกิดจากการแพ้ยา  หมอจึงหยุดการให้ยาทุกชนิด  แล้วค่อย ๆ ให้ยาใหม่ทีละตัว  (ยาที่ทานมีทั้งหมด 7 -8 เม็ด) ใช้เวลา 2-3 วัน
กว่าจะรู้ได้ว่ายาตัวใดที่ทำให้เกิดอาการแพ้  ช่วงนี้ทุกคนในครอบครัวต่างเหนื่อยอ่อนไปตาม ๆ กัน  พ่อและแม่(อายุ 74 ปี) สลับกันมาเฝ้าช่วงกลางวัน
คนละวัน  ส่วนตัวดิฉันกับน้องสาว น้องชาย  อีก  3 คน สลับกันนอนเฝ้าช่วงกลางคืน เนื่องจากกลางวันทุกคนต้องทำงานและต่างก็มีครอบครัวแล้ว
ดิฉันลืมเล่าไปว่าหลังจากทราบว่าเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ  หนุ่มไม่สามารถควบคุมการถ่ายปัสสาวะ อุจจาระได้เอง  ต้องใส่ผ้าอ้อมเหมือนเด็กตลอด 24 ชม.
การเคลื่อนไหวทางร่างกายพัฒนาดีขึ้นเล็กน้อย  แขน มือ  ขยับเคลื่อนไหว้ได้ดี  กำมือและบีบได้แรงพอสมควร  แต่ขาซ้ายยังไม่ค่อยดีเคลื่อนไหวเดินไป
แบบลาก ๆ ขา ปลายขาขาดความรู้สึก  เวลาเดินต้องมีคนคอยพยุง

หนุ่มใช้เวลาอยู่ใน รพ.นานเกือบ 2 เดือน หมอจึงให้กลับบ้านได้ช่วงต้นเดือนกันยายน 2550 แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่จบแค่นี้ยังมีต่อนะคะ
ดิฉันพยายามที่จะเขียนเพื่อเป็นวิทยาทาน  และเผื่อว่ามีเพื่อนที่รู้จักหนุ่มจะได้ทราบข่าว และสิ่งสำคัญดิฉันอยากได้คำแนะนำ  ข้อแนะนำ
จากท่านผู้รู้  ผู้มีประสบการณ์  ได้ช่วยให้คำแนะนำในการดูแล  รักษาและพัฒนาผู้ป่วยด้านนี้ให้กับดิฉันจักเป็นพระคุณอย่างสูง
แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพยายามเขียนเพื่อมิให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือองค์กรใด (โดยไม่เจตนา)

หมายเลขบันทึก: 149217เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2007 11:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:41 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท