การต่อสู้ตามแบบประชาธิไตยไทย ๆ ระยะไม่กี่ปีมานี้ เราจะเห็นบทบาทของผู้ที่อาสามาเป็น “หัวหมู่ทะลวงฟัน” ทำหน้าที่ ยั่วยุ เยาะเย้ย สบประมาทฝ่ายตรงกันข้าม หรือออกมาพูดสร้างกระแสให้นายของตนเอง พร้อมให้ร้ายฝ่ายตรงข้าม จนถือเป็นเรื่องปกติในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว
หน้าที่อย่างนี้คล้ายกับพวกลิ่วล้อในหนังจีน.. หรือพวกลูกสมุนขุนพลอยพยักในหนังบู๊ไทยโบราณ
ลักษณะดังกล่าวในวรรณคดีไทย ในบันทึกพงศาวดารมอญ ซึ่งรัชกาลที่ 1 โปรดเกล้า ฯ ให้เจ้าพระยาพระคลัง (หน) และกวีราชสำนักอีก 3 ท่านเรียบเรียงในชื่อ “ราชาธิราช” เรียกกองทหารหน่วยด่ายั่วยุข้าศึกนี้ว่า “กองล่อ”
ไม่ว่าในงานวรรณกรรมหรือการต่อสู้ทางการเมืองปัจจุบัน “กองล่อ” มีบทบาทไม่น้อย ถึงคนละแบบ คนละยุคสมัยกัน แต่ กองล่อ ก็สร้างสีสันทั้งในงานวรรณกรรม ในประวัติศาสตร์ มาจนถึงยุคสงครามเย็นของโลก การยั่วยุเชิงคำพูด หรือที่เรียกกันว่า สงครามนำลาย จึงเป็นที่คุ้นเคยกันดีในวงการข่าวสาร การโฆษณาชวนเชื่อ
บทบาทของ กองล่อ ในประวัติศาสตร์และวรรณคดีพงศาวดารบางเรื่อง ที่พอจะพบบ้างบางส่วน เช่น
พงศาวดารมอญเรื่องราชาธิราช ตอนสมิงพ่อเพชรแม่ทัพใหญ่ของพระเจ้าราชาธิราช คิดกลอุบายให้พม่าเข้ามารบในแม่น้ำปันเกลาะ เพื่อให้น้ำทะเลหนุนขึ้นมาทำให้ทหารพม่าจมน้ำทั้งกองทัพ คำพูดด่าทอยั่วยุศึกระหว่างทหารกองล่อมอญ และทหารไทยใหญ่ (กองหน้าของพม่า : ครูชา)โต้ตอบกันไปมาว่า
“อ้ายไทยใหญ่ อ้ายขี้ข้าพม่า มึงยกมาตีมอญแล้วทำไมจึงมุดหัวอยู่ในค่ายเล่า ให้พวกมึงเร่งออกมารบกับกู กูจะตัดศีรษะให้สิ้นบัดเดี๋ยวนี้”
“อ้ายมอญ แต่ก่อนพวกมึงก็เป็นขี้ข้าพม่า แล้วไปเป็นขี้ข้าไทยน้อย (ไทยสยาม : ครูชา) อ้ายหน้าซื่อใจคดทรยศต่อเจ้า กูรู้อยู่ว่าในท้องของพวกมึง มีเคียวเจ็ดเล่ม มีเข็มเจ็ดอัน กูจะรบฟาดฟันผ่าอกเอาเคียวในท้องออกตัดคอพวกมึงเสียให้สิ้น”
“อ้ายไทยใหญ่ อ้ายเดนตายพม่า พม่าให้พวกมึงเป็นกองหน้าเป็นทัพผี พวกมึงจะตายก่อนไม่ได้ฆ่ามอญ มอญจะแหวกท้องออกเอาเคียวเกี่ยวตัดศีรษะพวกมึง ข้ามน้ำมาให้สิ้นประเดี๋ยวนี้”
“อ้ายมอญ พวกกูไม่สู้ฝีปากพวกมึงแล้ว ถึงมึงจะประดิษฐ์คำด่าก็ไม่เจ็บเหมือนไม้ขว้าง กูจะเอาอาวุธออกขว้างพวกมึงให้เห็นฝีมือบัดนี้”
ไม่มีใครรับรองได้ว่าในประวัติศาสตร์ "กองล่อ" ทหารมอญ และทหารไทยใหญ่ของพม่า ซึ่งร้องด่ายั่วยุกันนี้ จริงแล้วจะว่ากันอย่างไรบ้าง แต่อรรถรสที่ท่านเจ้าพระยาพระคลัง (หน) และกวีราชสำนักเรียบเรียงไว้ ช่างมีนัยแฝงที่แสดงอะไรได้หลายอย่าง อ่านเอาสนุก ก็สนุก เอาประวัติศาสตร์ก็ได้สาระ และอรรถรสอื่น ๆ ...
ทั้งนี้ทหารที่ทำหน้าที่กองล่อด่าทอยั่วศึกนี้น่าจะเป็นทุกข์ ไม่สนุกเอามากนะครับ เพราะพอฝ่ายถูกยั่วยุโมโหได้ที่ ถ้าไม่โดนพลธนูฝ่ายโมโหยิงก่อน ก็ต้องชักดาบออกรบก่อน เจ็บก่อนตายก่อนกองอื่นอยู่ดี..
ไม่เหมือนกองล่อในสงครามน้ำลายในสงครามประชาธิปไตยที่เราเห็นยุคนี้ เห็นได้ดิบได้ดีเป็นถึงเสนาบดีหรือตำแหน่งที่มีอำนาจตรงและแฝงอื่น ๆ มากมาย...
(บันทึกหน้าพบกับ กองล่อ แบบวรรณกรรม-ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอีสานครับ)
สวัสดีครับครูชา
ผมเบื่อการเมืองก็เรื่องพวกนี้แหละครับ เอาเรื่องไม่จริงไปใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นบ้าง กล่าวถ้อยคำยั่วยุอีกฝ่ายหนึ่งให้ออกมาตอบโต้บ้าง เพื่อให้เป็นข่าวทางหนังสือพิมพ์หรือสื่อต่างๆ จะได้มีคนสนใจพรรคของตัว ไม่เคยคิดว่าจะพัฒนารูปแบบการหาเสียงเลย กี่ปีกี่ชาติก็ทำกันแบบนี้ทุกทีน่ารำคาญมาก
แล้วพวกกองล่อเนี่ยก็มักจะถูกล่อเสียดิ้นมานักต่อนักแล้ว เฮอะๆๆ
สวัสดีครับท่านอัยการ
มันมีกองล่อ กองหลอย
วันหลังเขียนเรื่อง กองหลอย ด้วยนะครับ
จะติดตามอ่าน ครับ