ในความเป็นจริงการสะสมสิ่งของนั้นอาจจะไม่ดีเพราะทำให้เราไปยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนเกินไป แต่บางครั้งมันก็ทำให้มีความสุขชั่วขณะได้, ทำให้เราเพลิดเพลินได้,ทำให้เราไม่หลงมัวเมาในอบายมุขได้, ทำให้เราติดและไม่ไปในที่อโคจร (สถานที่ที่ไม่สมควรไป) ได้เหมือนกัน
สมัยเด็กๆ เมื่อผมเริ่มไปโรงเรียนใหม่ๆ จำได้ว่าสมัยก่อนเขาเรียกชั้น ป.เตรียม (ไม่ใช้คำว่าอนุบาล) เรียนอยู่ 1 ปี (อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ป.1) แล้วเขาจะให้ขึ้นชั้น ป.1 เมื่อผมไปเรียนวันแรกๆ คุณแม่ (คุณแม่ของ beeman) จะให้เงินไป"ทานข้าว" วันละ 2 บาท (ค่าก๋วยเตี๋ยวพวกก๋วยจั๊บชามละ 50 สตางค์หรือสองสลึง)
วันแรกๆ พอไปโรงเรียน คุณแม่ให้เงินเป็นธนบัตรใบละบาท 2 ใบ (ไม่อยากลงภาพเดี๋ยวจะต้องทำให้เป็นธนบัตรที่ใช้ไม่ได้อีก อ่านใน "เงิน (ธนบัตร) กระดาษ" ที่อ่านแล้ว 106 ครั้ง ) เป็นพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในความคิดของเด็กอายุ 6 ขวบกว่าตอนนั้นเห็นว่าเป็นธนบัตรหรือแบงค์ใหม่ ก็เลยไม่ใช้เก็บเอาไว้
พอกลับมาบ้านคุณแม่ถามว่า "วันนี้กลางวันกินข้าวอะไร" ผมก็ตอบว่า "ไม่ได้กิน" คุณแม่ก็ถามว่า "ทำไมถึงไม่กิน" ผมก็ตอบว่า "เห็นแบงค์ใหม่ก็เลยเก็บไว้" พอคราวนี้คุณแม่ก็ให้เงินไป 2 บาทเหมือนเดิมแต่ให้เป็นเหรียญไปแทนและให้ไปเป็น "ค่าขนม" แทน เพราะตอนนี้จะให้ผมถือปิ่นโตไปโรงเรียนด้วย จะได้ไม่อดข้าวกลางวัน
หลังจากนั้นผมได้เหรียญใหม่ เป็นเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ครั้งที่ 5 ก็เลยได้สะสมเหรียญที่ระลึกด้วย
ต่อมาเห็นพี่ๆ เขาเล่นแสตมป์กัน ผมก็สะสมแสตมป์อีก แต่เล่นได้ 2-3 ปีก็เบื่อเพราะว่าไม่มีของใหม่ จนมาเริ่มสะสมใหม่อีกตั้งแต่ปี 2523 จนถึงปัจจุบัน ต่อมาผมก็สะสมพวกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนเพราะว่าเขามีปี พ.ศ.ที่ใช้อยู่ที่เหรียญด้วย เราสะสมทุกปีก็มีของมากตามไปด้วย
สรุปที่ผ่านมาผมสะสม 1. ธนบัตรที่ใช้หมุนเวียน (สะสมลายเซ็น) 2. เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกและเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน 3. แสตมป์หรือตราไปรษณียากรทั้งแบบที่ระลึกและแบบที่ใช้หมุนเวียน ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ เอาไว้ว่างๆ อาจจะนำมาเล่าให้ฟังหรือมาลปรร.กัน
สำหรับวันนี้สิ่งที่อยากจะเล่าเป็นของสะสมพวกนาฬิกาครับ (ที่เลือกเรื่องนี้เพราะมีน้อยชิ้นที่สุด สามารถเล่าจบได้ในบันทึกเดียวครับ)
มูลเหตุที่สะสมเพราะแต่เดิมผมใช้นาฬิกา Digital แบบตัวเลข อันละ 1-300 บาท ใช้ได้ 1-3 ปีก็ต้องเปลี่ยนใหม่ (มันพัง) ต้องซื้อใหม่แทบทุกปี มาลองคิดดูว่าเปลี่ยนใหม่เรื่อยๆ พอนานๆเข้า ของที่คิดว่าถูกอาจแพงก็ได้ เพราะซากของเก่ามันไม่มีค่า แต่ถ้าเป็นนาฬิกา Automatic ถ้าเป็นของเก่าที่ซ่อมแล้วเดินได้ อายุสัก 30 ปี ราคาเป็นหมื่นๆ ทีเดียว เลยคิดว่า ซื้อนาฬิกาแบบนี้มาใช้ดีกว่า ไม่ต้องเสียค่าถ่าน อันละ 20-40 บาท นานๆ เข้าก็ประหยัดเงินไปได้พอสมควร แถมถ้าใช้ดีๆ ระวังไม่ให้หล่นกระทบพื้นแข็งๆ ก็ไม่เสียอีกด้วย
ต่อไปนี้ผมจะให้ดูภาพของนาฬิกาที่ผมสะสมไว้นะครับเพื่อเล่าเรื่องต่อจากภาพครับ (มีทั้งของจริงและของเลียนแบบ โปรดใช้วิจารณญาณในการชมนะครับ)
ภาพนาฬิกาสะสมของ beeman |
||
แถวบนจากซ้ายไปขวา 1.Tudor 2. Bulova 3.,4.และ 6. Seiko 5. Mido | ||
แถวล่างจากซ้ายไปขวา 1.,3 Seiko 2. Loius Arden 4. Omega 5. Mido 6. Rolex | ||
แถวบน
แถวล่าง
จะเห็นว่านาฬิกาเหล่านี้ได้มาตั้งแต่ปี 2535 จนถึงปัจจุบัน แต่ความคิดที่จะสะสมนาฬิกาน่าจะมีในตอนปี 2000 ผมคาดว่าจะสะสมไว้ใช้สัก 30 เรือน (เท่าจำนวนวันใน 1 เดือน) นาฬิกาที่สะสมหลักคือ Seiko ครับ เพราะสนนราคาไม่แพงจนเกินไปนัก (พันกว่าถึง 2 พันกว่าแล้วแต่รุ่น ใน Series 5)
พอลูกๆ ผมโต พออายุอยู่ในวัย teenage (พอที่จะรักษานาฬิกาไม่ให้หายได้) ผมจะซื้อนาฬิกา Autometic ให้ใช้ครับ
Antique เป็นของที่ดูมีคุณค่า แถมเก็บเอาไว้ก็ยิ่งมีราคา แต่อย่าไปยึดติดกับมันมากจนเกินไป ชีวิตของคนพยายามเดินสายกลางให้มากที่สุด...
ไม่มีความเห็น