หน้าแรก
สมาชิก
เสียงเล็กๆ فؤاد
สมุด
บันทึกเรื่องเล่าจ...
ระบบการศึกษา
เสียงเล็กๆ فؤاد
นาย สุรชัย ฟูอ๊าด ไวยวรรณจิตร
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ระบบการศึกษา
ระบบการศึกษา
ระบบการศึกษาในเสภาขุนช้างขุนแผน
สุรชัย
ไวยวรรณจิตร
การศึกษาในปัจจุบันได้แบ่งระบบการศึกษาออกเป็น
3
ระบบดังนี้ คือ การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย กล่าวคือ
การศึกษาในระบบ
เป็นการศึกษาที่กำหนดจุดมุ่งหมาย วิธีการศึกษา หลักสูตร ระยะเวลาการศึกษา การวัดและประเมินผลซึ่งเป็นเงื่อนไขของการสำเร็จการศึกษาที่แน่นอน
การศึกษานอกระบบ
เป็นการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นในการกำหนดจุดมุ่งหมาย รูปแบบ วิธีการจัดการศึกษา ระยะเวลาของการศึกษา การวัดและประเมินผล ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญของการสำเร็จการศึกษา โดยเนื้อหาและหลักสูตรจะต้องมีความเหมาะสมสอดคล้องกับสภาพปัญหาและความต้องการของบุคคลแต่ละกลุ่ม
การศึกษาตามอัธยาศัย
เป็นการศึกษาที่ให้ผูเเรียนได้เรียนรู้ด้วยตนเองตามความสนใจ ศักยภาพ ความพร้อมและโอกาสโดยศึกษาจากบุคคล ประสบการณ์ สังคม สภาพแวดล้อม สื่อ หรือแหล่งความรู้อื่นๆ สถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบก็ได้ (เอกสารประกอบการสอนกฎหมายการศึกษา,
2549:5
)
บทความที่จะนำเสนอต่อไปนี้เป็นบทความที่จะนำเสนอวรรณกรรมที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาจากเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วบวชเณร เพื่อนำเสนอประเด็นและสะท้อนแง่มุมของ ระบบการศึกษาในระบบ
นอกระบบ และตามอัธยาศัย เป็นระบบการจัดการศึกษาทฤษฎีใหม่หรือมีมานานแล้วในสังคมไทยสมัยอดีต ผู้อ่านท่านใดที่เคยศึกษาวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วบวชเณร จะเห็นว่าการจัดการศึกษาในวรรณกรรมเรื่องนี้มีครบทั้ง
3
ระบบ คือ การศึกษาในระบบ นอกระบบ และตามอัธยาศัย
การจัดการศึกษาในวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วบวชเณร
เริ่มจากที่นางทองประศรีซึ่งเป็นแม่ของพลายแก้ว พยามที่จะพาพลายแก้วไปฝากเรียนที่วัดส้มใหญ่กับสมภารบุญ(เทียบได้กับผู้อำนวยการโรงเรียนในปัจจุบัน) จะเห็นว่าสมัยก่อนต้องมีการฝากเข้าเรียนไม่ใช่อยู่ๆก็ไปเรียนได้ ถ้าหากเขาไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนการรับเข้าศึกษาก็จะลำบาก การไปฝากเข้าเรียนก็เหมือนกับการสมัครเรียนในปัจจุบัน จะเห็นว่าสมัยนี้หากบ้านใดมีบุตรหลานในความดูแลจำเป็นจะต้องให้ผู้อยู่ในครอบครองต้องได้รับการศึกษาภาคบังคับมิเช่นนั้นจะมีความผิดตามกฎหมาย เราจะเห็นว่าที่สมภารบุญรับพลายแก้วเป็นศิษย์เพราะว่ารู้จักกันดีกับนางทองประศรี
การศึกษาในระบบ
การเริ่มเรียนของพลายแก้วสะท้อนให้เห็นว่าพลายแก้วเป็นเด็กที่ค่อนข้างเก่งมาก
...หนังสือสิ้นกระแสทั้งแปลอรรถ
จนสมภารเจ้าวัดไม่บอกได้...
(ขุนช้างขุนแผน
: 40
)
จากข้อความดังกล่าวข้างต้นบ่งบอกถึงการศึกษาในระบบ คือมีการเรียนโดยใช้ตำรา และมีครูสอน ที่ว่าพลายแก้วค่อนข้างเป็นเด็กเก่ง เพราะว่าคำว่าหนังสือในที่นี้หมายถึงเขียน
“
...
หนังสือสิ้นกระแส...
”
เขียนเป็น
“
...ทั้งแปลอรรถ...
”
แปลได้ สังเกตเห็นว่าหลักสูตรสมัยก่อนเรียนทั้งแปลทั้งเขียนมานานแล้ว
“
...จนสมภารเจ้าวัดไม่บอกได้...
”
หมายถึงครูไม่สามารถสอนอะไรได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย
หลังจากที่พลายแก้วศึกษาในตำราจนแตกฉานแล้วสมภารบุญก็ให้สมุดของท่าน(ตำรา)เอาให้พลายแก้วได้ศึกษาด้วยตนเองตรงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการจัดการศึกษานอกระบบ หรือจะมองในอีกแง่มุมหนึ่งก็จัดได้ว่าเป็นการศึกษาตามอัธยาศัยเช่นเดียวกัน โดยให้เรียนรู้ด้วยตัวเองจากสมุดของท่าน หนังสือแปลว่าเขียน สมุดหมายถึงตัวตำรา สมภารบุญท่านก็ขนตำราของท่านออกมาพร้อมกับบอกว่า
...ยังแต่สมุดตำรับใหญ่
ฟื้นแต่หัวใจพระคาถา
กูจัดแจงซ่องสุมแต่หนุ่มมา
หวงไว้จนชราไม่ให้ใคร...
(ขุนช้างขุนแผน
: 40
)
พูดเป็นภาษาปัจจุบันแสดงว่ามีเอกสารจำนวนมากที่สมภารบุญให้พลายแก้วได้ศึกษาด้วยตนเอง สังเกตจากคำว่า
“
ตำรับใหญ่
”
เรื่องที่มีอยู่ในตำราส่วนใหญ่สมัยก่อนจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับพระคาถา เพราะถือเป็นวิชาหลักสำคัญที่จะต้องเรียนในสมัยนั้น ตัวอย่างวิชาที่มีอยู่ในตำราที่พลายแก้วจะต้องศึกษาด้วยตนเองมีดังนี้
...อยู่คงปล้นสะดมมีถมไป
เลี้ยงโหงพรายใช้ได้ทุกตา...
(ขุนช้างขุนแผน
: 40
)
คนสมัยก่อนถือว่าวิชานี้เป็นวิชาสำคัญ วิชาการต่อสู้อยู่ยงคงกระพันรบทัพจับศึก ทำไมจึงถือว่าวิชานี้สำคัญ เพราะว่าเขาต้องป้องกันถิ่นที่อยู่ของเขาโดยตลอด บางครั้งทางฝ่ายเมืองหลวงช่วยเขาไม่ได้ เขาต้องปกครองตัวของเขาเอง ถ้าเทียบกับปัจจุบันก็ยิ่งกว่าหมู่บ้านอาสาพัฒนาตนเอง
จะเห็นได้ว่าสมัยก่อนไม่สอนวิชาอะไรที่ใช้ทำมาหากินมากนัก เพราะเนื่องจากประเทศมีความอุดมสมบูรณ์มากในยุคนั้น ไม่ต้องเลี้ยงสัตว์ ไม่ต้องปลูกพืช
...ตำรับใหญ่พิชัยสงคราม
สูรย์จันทร์ฤกษ์ยามก็รอบรู้
อยู่ยงคงกระพันล่องหน
ภาพยนต์ผูกใช้ให้ต่อสู้...
(ขุนช้างขุนแผน
: 42
)
สำหรับการเรียนของพลายแก้วที่วัดป่าเลไลย์กับวัดแคเป็นการศึกษาที่ยังคงรูปแบบเนื้อหาเดิมๆ กล่าวคือ เรียนวิชาเกี่ยวกับการทำศึกสงครามเพื่อป้องกันตนเองและบ้านเมืองเป็นหลัก และรูปแบบการจัดการศึกษาก็ยังคงเป็นแบบเดิมๆ คือ ให้ศึกษาทั้งในตำราโดยมีครูสอน และศึกษาด้วยตนเอง
เพราะฉะนั้นจะสังเกตเห็นว่าเพียงแค่บางบทบางตอนของวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนก็สะท้อนให้เห็นแล้วว่า การจัดการศึกษาในวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผน ตอนพลายแก้วบวชเณร ก็มีการจัดการศึกษาทั้งสามรูปแบบควบคู่กันไปมาเนิ่นนานแล้ว เมื่อเปรียบเทียบกับการจัดการศึกษาของไทยในปัจจุบันแล้ว ทฤษฎีการจัดระบบการศึกษาที่เป็นอยู่ในปัจจุบันคงเป็นเพียงเรื่องเก่าที่เอามาเล่าใหม่ เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับการจัดการศึกษาในวรรณกรรมเรื่องขุนช้างขุนแผนแล้วรูปแบบต่างๆยังคงเหมือนเดิมจะต่างก็เพียงยุคสมัยเท่านั้นเอง
บรรณานุกรม
ประจักษ์ สายแสงและทิวารักษ์ เสรีภาพ.
2550
.
ชวนกันเป็นชาวคติชน
(ออนไลน์).
สืบค้นจาก
:http://www.Thai-Folksy.com [28
มิถุนายน
2550]
ศิลปากร, กรม.
2544.
เสภาขุนช้างขุนแผน เล่ม ๑
.พิมพ์ครั้งที่
18
.กรุงเทพฯ
:
ศิลปาบรรณาคาร.
เอกสารประกอบการสอนกฎหมายการศึกษา.
2549.
กฎหมายการศึกษา
.ปัตตานี
:
คณะศึกษาศาสตร์.
เขียนใน
GotoKnow
โดย
เสียงเล็กๆ فؤاد
ใน
บันทึกเรื่องเล่าจากคนต่างถิ่น
คำสำคัญ (Tags):
#ความคิด
#ระบบการศึกษา
หมายเลขบันทึก: 146169
เขียนเมื่อ 13 พฤศจิกายน 2007 16:25 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน 2012 18:42 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
เสียงเล็กๆ فؤاد
สมุด
บันทึกเรื่องเล่าจ...
ระบบการศึกษา
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท