3 ประวัติศาสตร์กับการศึกษาวรรณคดีไทย
3.1 ความหลากหลายของวรรณคดีไทย: เหมืองทองของข้อมูลประวัติศาสตร์
นักประวัติศาสตร์ถือว่า วรรณคดีแต่ละเรื่องเป็นเอกสารประวัติศาสตร์ประเภทหนึ่ง เพราะช่วยให้มองเห็นประสบการณ์ของมนุษย์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากบรรพบุรุษไทยได้มอบมรดกผลงานวรรณคดีไว้มากมายหลายประเภท จึงเท่ากับว่า คนรุ่นหลังมีเหมืองทองของข้อมูลให้ศึกษาเรื่องไทยได้อย่างกว้างขวาง วรรณคดีไทยที่ทรงคุณค่าเท่าที่ผมนึกได้อย่างรวดเร็วและเคยอ่านมามีหลายเรื่อง เช่น
• วรรณคดีเกี่ยวกับพิธีกรรม ได้แก่ โองการแช่งน้ำ ทวาทศมาส พระราชพิธี 12 เดือน
• วรรณคดียอพระเกียรติ ได้แก่ คำฉันท์ยอพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โคลงยอพระเกียรติยศสมเด็จพระนารายณ์ โคลงยอพระเกียรติสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี และโคลงยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกฯ
• วรรณคดีเกี่ยวกับศาสนาและอิงศาสนา: รามเกียรติ์ ปฐมสมโพธิกถา มหาชาติคำหลวง ไตรภูมิพระร่วง ทนันไชยบัณฑิต มหาวงศ์สังคีติยวงศ์ และ อนิรุทธ์คำฉันท์
• วรรณคดีเกี่ยวกับประวัติศาสตร์หรืออิงประวัติศาสตร์ ได้แก่ ยวนพ่าย มังทราตีเมืองเชียงใหม่ ตะเลงพ่าย ท้าวฮุ่งหรือขุนเจี๋อง ตำรับ ท้าวศรีจุฬาลักษณ์ และ นิราศไทรโยค
• วรรณคดีนิราศ: นิราศหริภุญไชย นิราศรบพม่าที่ท่าดินแดง นิราศพระยามหานุภาพไปเมืองจีน นิราศต่างๆ ของพระศรีสุนทรโวหาร (ภู่) และ นิราศลอนดอน เป็นอาทิ
• วรรณคดีคำสอนและบำรุงปัญญา: โคลงพาลีสอนน้อง โคลงสุภาษิตต่างๆ สุภาษิตสอนหญิง กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ โคลงฉฬาภิชาติพิไสย กาพย์เห่เรือเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ ฉันท์ดุษฎีสังเวยกล่อมช้าง และ นิติสารสาธก
• วรรณคดีบันเทิงอารมณ์ : พระลอ กำสรวลศรีปราชญ์ นิราศนรินทร์ พระอภัยมณี ขุนช้างขุนแผน อิเหนา สังข์ศิลป์ไชย เป็นอาทิ
• วรรณคดีแปล เช่น นิทานอิหร่านราชธรรม ราชาธิราช และ สามก๊ก เป็นต้น
ผลงานที่ผมกล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมรดกอันน่าภาคภูมิใจของเรา บางท่านอาจทักท้วงว่า ผมไม่ได้กล่าวถึงวรรณกรรมท้องถิ่นเลย นั่นไม่ได้หมายความว่า วรรณคดีท้องถิ่นมีความสำคัญน้อยกว่าวรรณคดีที่ผมเอ่ยถึงเพียงแต่ว่า ผมไม่มีความรู้มากพอจะกล่าวอ้างอิงถึงอย่างมั่นใจ เพราะฉะนั้น ท่านผู้ใดจะเพิ่มหรือรวมเรื่องใดเข้าไปก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะขัดข้องแต่ประการใด เช่น ผมจำได้ว่า ในคลองตัดคำพระพุทธโฆษาจารย์ เอกสารว่าด้วยวิธีตัดสินความของล้านนาได้กล่าวถึงคดีหนึ่งทีสามีกล่าวหาภรรยาว่า ขี้เกียจและเอาแต่ฟังอุสาบารส เมื่อเป็นดังนี้ ในแผ่นดินไทยจึงยังมีวรรณคดีที่ต้องกล่าวถึงอีกหลายเรื่อง เท่าที่ผมยกมานั้นเป็นเฉพาะบางเรื่องที่รู้จักกันดีและมีผลกระทบต่อวงวรรณกรรมสูง ท่านจะเห็นว่า วรรณคดีเหล่านี้มีทั้งร้อยแก้วและร้อยกรอง
วรรณคดีมีคุณค่าหาใช่เพราะเจ้านายแต่ง หรือ ราชสำนักอุปถัมภ์คุณภาพของผลงานอยู่ที่วรรณศิลป์และปรัชญาที่ผู้ประพันธ์พยายามถ่ายทอดหรือสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นและรู้สึก
ในสังคมกรีกโบราณ วรรณกรรมปรัชญาอยู่ในระดับสูงสุด วรรณคดีอยู่ในระดับรองลงมา เพราะชาวกรีกมองว่า วรรณคดีเป็นเครื่องสะท้อนแนวคิดทางปรัชญาหรือการแสวงหาความจริงอันสูงสุด อย่างเช่น อริสโตเติล นักปรัชญากรีกได้เคยกล่าวไว้ว่า "กวีนิพนธ์นั้นละเอียดอ่อนและมีลักษณะปรัชญามากกว่าประวัติศาสตร์ เพราะกวีนิพนธ์แสดงสิ่งอันเป็นสากลวิสัย แต่ประวัติศาสตร์แสดงเพียงภาควิสัย (Poetry is finer and morephilosophical than history; for poetry expresses the universal, and history only the particular.) ส่วนประวัติศาสตร์นั้นถูกจัดให้มีเกียรติยศในลำดับต่ำลงมา ในวัฒนธรรมวิชาการของจีน คัมภีร์ทางปรัชญาจัดอยู่ในลำดับสูงสุดเช่นกัน ประวัติศาสตร์อยู่ในลำดับรองลงมาเพราะเป็นการบันทึกเรื่องจริงที่จะใช้สอนจริยธรรมตามคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ส่วนวรรณคดีนั้นอยู่ถัดลงมาเพราะถือว่าเป็นเรื่องแต่งขึ้น ในทัศนะของไทย คัมภีร์พระไตรปิฎก ควรได้รับการยกย่องว่าสำคัญที่สุด แต่เนื่องจากเขียนเป็นภาษามคธและโดยแก่นแท้เป็นวรรณกรรมต่างชาติ จึงแยกไปต่างหาก กระนั้นก็ตาม วรรณคดีอิงพุทธศาสนา เช่น ปฐมสมโพธิกถา ไตรภูมิพระร่วง มหาชาติคำหลวงเวสสันดรชาดก สารสังคหะ และ ไตรโลกวินิจฉัย ควรเป็นวรรณคดีในระดับสูงสุด เพราะว่าด้วยปรัชญาพุทธศาสนา ส่วน วรรณคดีและพงศาวดารคงอยู่ในสถานภาพเสมอกัน และบางครั้งก็ดูจะแยกกันไม่ได้
วิจารณ์ พานิช
๑๘ ต.ค. ๕๐
มีความรู้สึกว่าการปัจจุบันเราควรอนุรักษ์วรรณคดีไว้เพราะว่าวรรณคดีส่วนใหญ่บ่งบอกถึงสภาพผู้คนในอดีตจนถึงปัจจุบัน
ช่วยเป็นเอกสารอ้างอิงได้ดีมากทีเดียวค๊า
เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมากครับ