ถ้ามีกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเกิดขึ้น โดยมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้
เราเรียกกิจกรรมทั้ง 9 ข้อข้างต้นนี้ว่า Mobile Unit ค่ะ
คำถามคือ ท่านคิดว่า กิจกรรมตลอดทั้งปีนี้ ต้องใช้งบประมาณในการดำเนินการกิจกรรมนี้เท่าไหร่?
คำตอบคือ
1. ปี 2549 ได้รับงบประมาณ 3,000,000 บาท
2. ปี 2550 ได้รับงบประมาณ 2,700,000 บาท
3. ปี 2551 ได้รับงบประมาณ 2,600,000 บาท
งบประมาณดังกล่าวจะได้มาจาก 3 แหล่งทุนดังนี้ค่ะ
1. จากงบประมาณแผ่นดิน
2. จากงบประมาณรายได้
3. จากเงินผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท
หลังจากได้รับงบประมาณมาแล้ว จะมีการจัดสรรให้กับแต่ละคณะที่เข้าร่วมกิจกรรม โดยให้แต่ละคณะเสนอโครงการเข้ามายังหน่วยบริการเคลื่อนที่ฯ และร่วมพิจารณางบประมาณร่วมกัน
29 ตุลาคม 2550 ที่ผ่านมา เป็นวันพิจารณางบประมาณดังกล่าว โดยมีผศ.ดร. วิบูลย์ วัฒนาธร (รองอธิการบดีฝ่ายวิจัยและประกันคุณภาพ) และ ผศ.ดร.เสมอ ถาน้อย (ผู้อำนวยการสถาบันบริหารการวิจัยและพัฒนา) เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ และได้รับความร่วมมือจากแต่ละคณะเป็นอย่างดี มีคณะกรรมการตัวแทนจากแต่ละคณะเข้าร่วมประชุม แต่ ปัญหาคือ งบประมาณที่มีอยู่นั้นไม่เพียงพอต่อกิจกรรมที่แต่ละคณะขอมา โดยเกินงบประมาณมาเป็นจำนวนเงิน 7 แสนบาท -_-"
สิ่งที่ดิฉันประทับใจคือ แต่ละคณะพยายามตัดทอนงบประมาณของตัวเองลง ช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรถึงจะประหยัดงบประมาณได้มากที่สุด แต่ไม่มีสักคณะที่จะเลิกล้มกิจกรรมแม้จะรู้ดีว่าถ้าลดงบประมาณลงจะต้องทำกิจกรรมนั้นๆ อย่างลำบากมากขึ้นก็ตาม
ดิฉันขอยกตัวอย่างกิจกรรมของคณะพยาบาลศาสตร์ ที่นำทีมโดย ดร.นงนุช โอบะ และ อาจารย์กุลระวี วิวัฒนชีวิน จัดโครงการกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้านเพศศึกษาเพื่อพัฒนาสุขภาวะทางเพศในเยาวชนจังหวัดพิษณุโลกและกิจกรรมพัฒนาสุขภาพอนามัยความฉลาดทางอารมณ์และพฤติกรรมสร้างเสริมสุขภาพของนักเรียนปรถมศึกษาในจังหวัดอุทัยธานี
.
กิจกรรมดังกล่าวกระทำในสองจังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลกและจังหวัดอุทัยธานี มีการเสนอของบประมาณมาทั้งสิ้น 103,400 บาท โดยชี้แจงรายละเอียดมาพร้อมสรรพ ดิฉันอ่านรายละเอียดแล้วรู้ได้เลยว่า อาจารย์พยายามประหยัดงบประมาณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ถึงกระนั้นงบประมาณก็ยังเกินความสามารถที่หน่วยบริการเคลื่อนที่ฯ จะให้การสนับสนุนได้ อาจารย์ทั้งสองก็พยายามตัดทอนงบประมาณลงอีกในทุกๆ ทาง
ภาพที่คณะกรรมการแต่ละคณะพยายามช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องงบประมาณที่เกินมา แม้จะขอกันไม่ได้มาก หรืออาจเรียกได้ว่าขอกันมาแบบประหยัดกันสุดๆ แล้วนั้น ทำให้ดิฉันรู้สึกขึ้นมาในทันทีทันใดว่า "นี่ล่ะมั๊งที่เค้าเรียกกันว่า คนจนผู้ยิ่งใหญ่" ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกของความมีน้ำใจ ที่แม้โครงการเราจะมีเงินงบประมาณให้ไม่มาก ค่าตอบแทนในการออกให้บริการแต่ละครั้งก็น้อยมาก แต่ทุกคนก็ยังร่วมแรงร่วมใจกันทำกิจกรรมนี้เสมอมา จากผู้ให้บริการในแต่ละครั้ง 65 คนในปีแรกที่ดิฉันก้าวมาทำงานที่นี่ จนบัดนี้เกือบจะทะลุ 100 คนแล้วนั้น เป็นบทพิสูจน์ถึงของความร่วมแรงร่วมใจของคณะทีมอาจารย์และเจ้าหน้าที่ชาวโมบาย แห่ง มหาวิทยาลัยนเรศวรทุกคน
ถ้าใครๆ เรียกการมีเงินจำนวนน้อยและไม่เพียงพอต่อการใช้ว่า "ความจน" ดิฉันคงเปรียบเทียบไม่ผิดเป็นแน่ ถ้าจะบอกว่า ณ ปัจจุบันนี้หน่วยบริการเคลื่อนที่ฯ ของเรา ยังจนอยู่
ขอบพระคุณคณะกรรมการและผู้ประสานงาน อาจารย์และเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมออกให้บริการทุกท่านที่ทำให้ดิฉันได้เห็นกับตาตัวเองว่า "คนจนผู้ยิ่งใหญ่" นั้น เป็นอย่างไร
.
.
ชาวแฟนพันธุ์แท้ Mobile unit สู้ๆๆ
ถึงแม้งบประมาณจะน้อยลง...แต่เราไปด้วยใจเกินร้อยค่ะ
ดูงบประมาณที่พี่แอ๊วนำมาเสนอ ลดลงทุกปีเลยนะครับ แต่โครงการนี้เป็นอะไรที่ทำเพื่อ ชาวบ้านที่รอคอยความช่วยเหลือจากเราจริงๆ อย่างที่พี่แอ๊วบอก เป็นงานบริการประชาชน ซึ่งแต่ละครั้งที่ออกหน่วย จะเห็นว่าจะมีผู้คนมารับบริการอย่างล้นหลาม อาจารย์ เจ้าหน้าที่ นิสิต ที่ไปทุกคนเหนื่อย แต่สิ่งที่ได้กลับมาเมื่อถึงมหาวิทยาลัย คือความอิ่มเอมใจ ที่ได้ออกไปช่วยเหลือพี่น้องชาวไทยด้วยกัน ยังไงในปีต่อๆ ไปทางมหาวิทยาลัยน่าจะสนับสนุนงานตรงนี้ อย่างน้อยก็อย่าให้เรื่องของงบประมาณ มาเป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน เพื่อชาวบ้านตาดำๆ ครับ
ถ้าใครได้เข้ามาทำตรงนี้จะรับรู้ความรู้สึกได้ทุกรสชาติของชีวิตเลยว่าเป็นอย่างไร สุข ทุกข์ เหนื่อย ท้อแท้ และเครียดกับงบประมาณที่ได้รับ แต่ก็จะทำต่อไปคะ ด้วยหัวใจที่แข็งแกร่ง
ขอบพระคุณกำลังใจจากทุกๆ ท่านค่ะ
ซาบซึ้ง ^^"