กลุ่มมั่งมีศรีสุข ศูนย์เรียนรู้อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา
สวัสดีทุกท่านค่ะ กลุ่มมั่งมีศรีสุข ศูนย์เรียนรู้อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา กลุ่มคนขยันเรียน

คิดเห็นอย่างไรกับข่าวของ "แดน-บีม"


ไม่ได้ทะเลาะ "แดน-บีม" น้ำตาซึม แถลงข่าววงแตก!
ไม่ได้ทะเลาะ แดน-บีม น้ำตาซึม แถลงข่าววงแตก!

ไม่ได้ทะเลาะ "แดน-บีม" น้ำตาซึม แถลงข่าววงแตก!

ด้าน อาร์เอส บอกถึงจุดอิ่มตัวปล่อยเด็กทำตามฝัน
“แดน-บีม” น้ำตาซึมแถลงข่าววงแตก ยันถึงเวลาต้องแยกกัน พร้อมทั้งยืนยันไม่มีการทะเลาะถึงขั้นลงไม้ลงมือกันแน่นอน ยันเพิ่งรู้ล่วงหน้า 2 วัน ว่า จะแยกวง ไม่ใช่การโปรโมตคอนเสิร์ตแน่ๆ ด้าน “อาร์เอส” แจงมีแพลนจับแยกปีหน้า จึงฉุกละหุกในการแถลงข่าวใกล้กับคอนเสิร์ต บอกยุบวง เพราะอยากให้ 2 หนุ่มทำตามฝันของตัวเอง และอยากให้คนจดจำทั้งคู่มุมที่ดี
       
       เปิดแถลงข่าวท่ามกลางสื่อมวลชนและแฟนคลับมาร่วมให้กำลังใจเพียบทีเดียว สำหรับ 2 หนุ่ม “แดน-บีม” นักร้องหนุ่มวงดีทูบี ที่กำลังจะมีคอนเสิร์ตใหญ่ในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ซึ่งเป็นคอนเสิร์ตอำลาของทั้งคู่ และแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตนเอง
       
       โดยในวันนี้ ที่บริษัท อาร์เอสฯ ทั้งคู่ได้ให้สัมภาษณ์ พร้อมกับ “เกี้ย อนุชา อรรจาวัฒน์” ผู้บริหารระดับสูงค่ายอะบอริจิ้น ร่วมแถลงข่าวแยกวงในครั้งนี้ด้วย ด้าน “แดน” โต้ข่าวย้ายค่าย และบอกไม่ได้น้อยใจต้นสังกัดเรื่องเสนองานไม่ผ่าน ก่อนจะเปิดใจสัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเศร้า ท่ามกลางนักข่าวและแฟนคลับจำนวนมาก
       
       แดน : “ตอนนี้เราขอทำงานด้านนี้ให้เต็มที่ก่อนส่วนเรื่องอนาคตต่อไปค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง แต่ผมมีความสุขกับการทำงานที่นี่อยู่ จะไปค่ายอื่นหรือเปล่าผมก็ขอพูดตรงๆ นะครับว่าสัญญาผมเหลืออีกแค่ปีเดียว ก็ต้องมีหลายที่เข้ามาคุย ไม่ใช่แค่ค่ายเพลง มีค่ายละครด้วย แต่แค่คุย แดนยังไม่ตอบปากรับคำอะไรทั้งนั้น
       
       “คือแยกกัน การแยกวงไม่ใช่เราแยกชีวิตออกจากกัน เราก็ทำงานด้วยกันได้ปกตินะครับ อยากบอกแฟนคลับทุกๆ คน ว่า ทุกอย่างยังเหมือนเดิม คำว่า แดน-บีมยังเป็นนามสกุลของเราตลอดเวลา เรายังมีความรู้สึกเดิมๆ
       
       “ที่นี่ให้โอกาสผมมาก รับฟังความคิดเห็นผมมากทุกอย่างให้เกียรติขนาดไม่แก้งานผมเลย ไว้ใจผมมาก ให้ผ่านเลย แต่ผมบ้าพลังไปนิดหนึ่งโปรเจ็กต์เลยเยอะมากพี่เกี้ยเลยแยกงานออกมาก่อนเอามาไว้ในช่วงอื่นเพราะฉะนั้นผมเกือบจะได้ทำในทุกสิ่งด้วยซ้ำ ไม่ได้น้อยใจเลย”
       
       บีม: “ส่วนของบีมเหลือ 2 ปีเลย ยังไม่มีการพูดคุยเรา 2 คนเกิดจากที่นี่ก็อยากทำงานกับที่นี่ต่อไปเรื่อยๆ”
       
       “ผมว่าเราเดินทางด้วยกันมาในระยะหนึ่งเราทั้ง 2 คน หรือทั้ง 3 คน ก็ทำให้เราโตขึ้น มันหล่อหลอมให้เป็นเราตอนนี้ ความคิดเราตอนนี้ค่อนข้างต่างกันทำให้บางทีทำให้เรา 2 คนมีอะไรบางอย่างที่อยากทำต่างกัน เวลาที่ทำงานอาจมีกฎเกณฑ์อะไรที่มาบังคับไว้ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาที่เหมาสมที่เราจะได้ทำอะไรหลายๆ อย่างที่เราอยากทำ อัลบั้มที่เราอยากทำให้เพื่อนเราก็ทำไปแล้ว”
       
       “ความรู้สึกก็เสียดาย เวลาย้อนกลับมาดูผมคงคิดถึงมันมากๆ แล้วก็หลายๆ อย่างผมไม่บอกว่าผมแฮปปี้มากที่ผมแยกตัวคงไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ ก็ทั้งหมดคงมีเท่านี้”
       
       ยืนยันไม่มีการทะเลาะขึ้นมึงขึ้นกูกันอย่างแน่นอน อีกทั้งแดนเองก็ปฏิเสธข่าวบีมกินแรง ย้ำถ้าตนแต่งเพลงก็จะได้ค่าแต่งเพลงต่างหาก
       
       แดน :กระแสที่ผมได้ยิน คือ ขัดแย้งกันผมขอตอบชัดเจนว่า ไม่มี เรารักกันและทำงานกันอย่างมีความสุข ต่อยกันไม่มีครับ มีทะเลาะกันแค่ครั้งเดียว เพราะพี่บีมไม่ซื้อชานมให้ผมเท่านั้นเอง เรื่องการลงมือลงไม้ไม่เคยครับ ผมไม่เคยขึ้นมึงกูกับพี่บีมแน่นอน เรื่องการแยกวงครั้งนี้ไม่มีเรื่องความรู้สึกส่วนตัวของเรา
       
       “เรื่องกินแรงเนี่ย ถ้าผมแต่งเพลงผมก็ได้เงินของผมนะครับ มันไม่ใช่นะเรื่องกินแรง เราขึ้นคอนเสิร์ตก็เหนื่อยเท่ากันนะครับ เราทำงานด้วยกันตลอดครับ
       
       บีม: “ผมก็อดนะถ้าไม่ได้แต่งเพลงและผมก็ไม่ได้ไปขอน้อง”
       
       ยืนยันการแถลงข่าวครั้งนี้ไม่ใช่การโปรโมตคอนเสิร์ตแน่นอน เพราะทั้งคู่เพิ่งทราบว่าต้องแยกวงแค่ 2 วันเท่านั้น
       
       แดน: “ผมว่าไม่เกี่ยวกับการกระตุ้นยอดบัตรคอนเสิร์ตหรอกครับ”
       
       บีม: “ถ้าจะกระตุ้นเรื่องบัตร คงบ่งบอกด้วยชื่อคอนเสิร์ตของพวกเราแล้วถ้าเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายของพวกเราจริงๆ ถ้าเรารู้จริงๆ ว่า เป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายจริงๆ และเราต้องการโฆษณาจริงๆ เราคงใช้คำว่า FINAL ให้มันรู้กันไปเลยแต่นี่เราไม่รู้จริงๆ ครับ ว่า จะออกมาในลักษณะแบบนี้”
       
       
“ซึ่งเรื่องแย้งกับทางบริษัทเนี่ย คิดว่า เราผ่านการพูดคุยมาสักระยะหนึ่งแล้วล่ะครับ แล้วก็บริษัทคงรับรู้ความต้องการของพวกเรา 2 คนด้วยระดับหนึ่ง”
       

       แดน : “เราเพิ่งรู้แค่ 2 วันเองครับว่าจะยุบวง
คือ พี่เกี้ย และทางบริษัท บอกว่า เรา 2 คนก็ทำงานทุกๆ วันแล้ว ก็ตั้งแต่พี่เกี้ย บอกเราว่า จะถึงเวลาอิ่มตัวของเราแล้ว เขาอยากจะให้ภาพของเราทุกคนจดจำว่าเป็นแดน-บีม ณ วันนี้ ทุกคนยังรักเราแบบนี้อยู่ ไม่อยากให้วันหนึ่งพอกระแสมันลงแล้ว แล้วประกาศ เป็นเหตุผลของบริษัทซึ่งเราก็ทำตามข้อตกลงของบริษัท แล้วแต่บริษัทซึ่งเราก็พอใจและเห็นด้วยกับการตัดสินใจของบริษัท”
ก่อนทั้งคู่จะน้ำตาซึม ฝากขอโทษแฟนเพลงที่รักและตามให้กำลังใจมาโดยตลอด แต่การแยกครั้งนี้ตนทั้งคู่ก็เสียใจเช่นกัน"
       
       แดน: “ฝากถึงแฟนๆ เพลงดีทูบีทุกคนนะครับ ความผูกพันที่ผ่านมาทั้งหมดยังอยู่เหมือนเดิมทั้งหมด กำลังใจที่ให้มาเรารับรู้หมด ที่ผ่านมาเราทำงานเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนมีความสุข เพื่อตอบแทนความรักที่ให้เรามานะครับ เราจะพยายามทำงานเต็มที่ ที่ผ่านมามีทั้งคนชมและคนว่า สำหรับคนที่พอใจเราว่าเราก็ทำเต็มที่แล้วนะครับที่เราทำได้นะครับ ผมไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่านี้ ผมแค่อยากจะบอกวันนี้ว่าผมไม่ค่อยบอกเท่าไหร่ว่าผมรักแฟนเพลงทุกคนมาก ผมไม่รู้ว่าจะได้เห็นเราร้องเพลงด้วยกันอีกมั้ย เมื่อไหร่ไม่รู้แล้วก็เราจะเจอกันอีกเมื่อไหร่”
       
       “ผมไม่รู้ว่าวันที่เรากลับมาเจอกัน ความรักของทุกคนจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า แต่ผมยังรักทุกคนอยู่แน่นอนครับซึ่งเราไม่โกรธไม่ว่านะครับคนที่ไม่รักเราแล้ว ผมเชื่อว่า ทุกๆ คนที่อยู่ในคอนเสิร์ต คือ คนที่ผมรักมากแล้วก็ผมเชื่อว่าทุกคนในที่นั่นคงรักเราตลอดไปเหมือนป้ายที่ชูสูงๆ อยู่ในทุกๆ คอนเสิร์ตนะครับ ผมรักทุกคนมาก แล้วถ้าผมทำให้ใครเสียความรู้สึกก็ตามผมขอโทษด้วย”
       
       บีม: “…(น้ำตาคลอ) ผมรู้สึกเสียใจมากๆ นะครับที่ต้องบอกว่าข่าวที่ออกมาทั้งหมดยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงแล้วที่เราแยกวง ขอโทษแฟนเพลงทุกคนที่อาจจะอยากเห็นเราอยู่ด้วยกันไปตลอดนะครับ บางทีคนเราก็มีเรื่องอะไรที่ต้องทำมีเรื่องที่ตัวเองต้องรับผิดชอบที่ฝันไว้ เมื่อถึงวันนั้นทุกคนต้องแยกย้ายไปทำสิ่งที่ทุกคนต้องการ วันนี้ถึงเวลานั้นแล้ว”
       
       “อยากบอกว่าทุกภาพที่ผ่านมาทั้งหมด ได้รับความรักต่างๆ เรา 3 คนมีความสุขมากๆ และจะเก็บภาพต่างๆ ไว้ในความทรงจำตลอดไป เราไม่มีวันลืมแน่นอน และคิดว่าทุกคนคงไม่มีวันลืมพวกเรานะครับ ตอนนี้วันที่เหลืออยู่ของเราทั้ง 2 คนคงมีแค่วันเดียวเท่านั้นก็คงเป็นงานคอนเสิร์ต ถ้าเป็นไปได้ถ้าใครมาได้ก็มาเจอกัน มันคงเป็นสิ่งที่บีมจำไปตลอดชีวิตการทำงานในอนาคตเลยจริงๆ และเรา 2 คนพยายามทำให้คอนเสิร์ตเป็นที่จดจำของทุกคนเหมือนกัน ...(หันไปกอดแดน) ผมรักทุกคนครับ”
       
       ด้านผู้บริหารอาร์เอสฯแจงทั้งคู่มีฝันต่างกัน และถึงจุดอิ่มตัว บอกไม่อยากให้จบลงแบบไม่ดีวางแพลนไว้ปีหน้าจะแยก จึงต้องรีบแจงสื่อและแฟนคลับ อีกทั้งทางอาร์เอสก็เล็งเห็นว่าทั้งคู่น่าจะได้เรียนต่อเพื่อสานฝันในสิ่งที่ตัวเองฝันเอาไว้
       
       
“เรื่องแยกวงมันมีที่มาจริงๆ แล้วทางบริษัทก็ไม่ทราบว่าจะยุบเมื่อไหร่แต่คือระบบของการทำงานของบริษัทใหญ่ๆ ต้องมีการวางแผนแต่ละปี ซึ่งผมก็ได้วางแผนปีหน้าไว้แล้วผมก็ได้สรุปแนวทางให้บริษัทว่าผมจะยุบวงแดน-บีมนะ แต่ผมก็มีแพลนอย่างอื่น ผมอยากจะให้แดน วอลุ่ม 1 บีม วอลุ่ม 1 นั่นจะเป็นตัวของเขาเองซึ่งต้องใช้เวลานิดหนึ่งให้มันตกผลึกให้แฟนคลับไม่ผิดหวังแต่นั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พอบริษัททราบแล้วถ้าอย่างนี้คอนเสิร์ตนี้ก็เป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายสิเพราะฉะนั้นถ้าเราไม่แจ้งแฟนคลับหรือสื่อก็ต้องเกิดโกลาหลแน่ เพราฉะนั้นเลยเกิดฉุกละหุก”
       

       “อีกอย่างมาถึงวันนี้น้อง 2 คนมีแนวทาง ความคิดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการงาน การศึกษาก็เดินมาถึงสิ่งที่ผมต้องตัดสินใจว่าผมควรจะทำอย่างไรต่อไปกับแดน-บีม เรื่องนี้ผมคิดอยู่แล้วว่าต้องถึงเวลาๆ หนึ่งที่ทุกอย่างลงตัวพอดี คือ มี 3 ประเด็น”
       
       “ประเด็นแรก แดน-บีม สำหรับผมคิดว่าถึงจุดสูงสุดจริงๆ แนวทางของแต่ละคนถึงตอนนี้มีความชัดเจนว่าแดนมีความคิดของตัวเอง บีมก็มีความคิดของตัวเอง ผมอยากทำงานอะไรก็ช่าง สูงสุดแล้วผมอยากจะเก็บงานตรงนั้น
ผมไม่อยากให้เกิดจากการที่ แดน-บีม ทะเลาะกันแล้วก็ แดน-บีม แตกวง และอีกอย่างผมไม่อยากให้ความนิยมของ แดน-บีม เสื่อมลงๆ”
       

       “ประเด็นที่ 2 เรื่องการศึกษาที่บริษัทเราส่งเสริมเป็นอย่างมากแต่ที่ผ่านมาน้อง 2 คน การศึกษาต่างๆ เขาก็มีความตั้งใจเรียน อย่างเวลาที่แดนเข้าไปร้องเพลง บีมก็เอาหนังสือมาอ่าน ผมเห็นอย่างนี้มาระยะพอสมควรเหมือนกัน และพยายามจะจัดเวลาให้เขามีเวลาได้ศึกษาที่พอดีแต่ที่ผ่านมาไม่สามารถเป็นไปได้ เพราะว่าเรื่องความนิยมที่มีต่อเขาทำให้มีงานเยอะมากๆ ผมไม่อยากให้การงานเยอะและเวลาพักผ่อนน้อยจะทำให้เกิดเหตุการณืเหมือนบิ๊กผมกลัวมาก ตอนนี้น้องแดนก็ได้เวลาเรียนในสิ่งที่เขามุ่งมั่นมาตั้งนานเรื่องการอัดเสียง ส่วนของบีมก็ค่อนข้างโตกว่าอึดกว่า มีปริญญาได้ใช้เวลาเรียนและทำงานควบคู่กันไป ผมค่อนข้างสงสารเหมือนกัน”
       
       “แต่ว่ามาถึงเวลา ณ บัดนี้ผมคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะมากที่จะยุติ แดน-บีม เพื่อให้น้อง 2 คนได้เดินทางในแนวทางที่ตัวเองชอบ ผมอยากให้ แดน-บีม ได้มีเวลาได้คิดในแนวทางของตัวเองไม่ว่าจะเป็นเพลง ละคร พรีเซ็นเตอร์ ที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น มีการใส่ใจกับการเรียนให้มากขึ้น แบ่งเวลาเรียนได้มากขึ้น”
คำสำคัญ (Tags): #no tag
หมายเลขบันทึก: 142034เขียนเมื่อ 26 ตุลาคม 2007 11:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • มันก็เป็นการดำเนินชีวิตที่ 2 ชีวิตมาทำงานร่วมกันด้วยสิ่งที่คล้ายกัน
  • เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็ต้องแยกจากกัน
  • เหมือนหลาย ๆ วงที่ผ่านมา
  • แต่ก็เป็นหว่งวัยรุ่นที่ให้ความสำคัญของการแยกกันของวงมากเกินไป
  • อยากให้ผู้ใหญ่ลงมาดูแลสถานการณ์แบบนี้ว่าเกิดอะไรกับจิตใจวัยรุ่นในปัจจุบันคะ
  • ขอบคุณคะ

ผมว่านี่คือตัวอย่างของความเปลี่ยนแปลง อันเป็นเรื่องธรรมดาโลก เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

ผมว่า  คนสมัยโบราณมีวิธีดีๆสำหรับความเปลี่ยนแปลงนะ คือ  ตอนเกิด  หมายความว่า จะมีสมาชิกครอบครัวคนใหม่เข้ามาอยู่ในบ้าน จึงมีพิธีกรรมสำหรับเด็กต่างๆ เช่นรับขวัญ  ให้ผู้ใหญ่ผูกข้อมือ ซึ่งเป็นวิธีให้ผู้ใหญ่รับรู้สถานภาพของสมาชิกใหม่

พอจะออกเรือน  ซึ่งมีการย้ายครอบครัว  ก็มีพิธีแต่งงาน  ประกาศให้ชาวบ้านทราบว่าคู่ชายหญิงที่สมรสกันกำลังจะสร้างครอบครัวใหม่  แต่ที่สำคัญผมว่าเป็นการบอกให้คู่สมรสทราบว่าคุณมีภาระหน้าที่ใหม่เกิดขึ้นมาแล้ว คุณจะต้องทำให้ดี ไม่งั้นนาวาวิมานสวรรค์ของคุณล่มแน่  ถ้าใครฉุกคิดได้ ก็ไม่ต้องแต่งให้ใหญ่โต เสียเงินทองมากมาย

ทีนี้งานศพ  เรื่องที่ว่าส่งผู้เสียชีวิตให้ไปสู่สุขคตินั้น เป็นอันพ้นวิสัย ที่ผมจะรู้ได้ว่าจริงหรือไม่ เป็นเรื่องอจินไตย อย่าไปคิดถึงมันเลย ที่แน่ๆ  งานศพในความเห็นของผม  เป็นการจัดเพื่อปลอบประโลมใจครอบครัวผู้สูญเสียต่างหาก  คือเป็นการบอกกล่าวว่าต่อจากนี้ไปคุณจะไม่มีสมาชิกในครอบครัวคนนี้อีกแล้ว

สิ่งเหล่านี้เป็นวิธี เป็นกุศโลบายในการจัดการความเปลี่ยนแปลงของคนสมัยก่อน ทว่า คนสมัยปัจจุบันมองเป็นเป็นแค่พิธีกรรม อันจำเป็นต้องมีเพื่ออนุรักษ์เท่านั้น

มาถึงเรื่องวัยรุ่นปัจจุบัน จะมีสักกี่มากน้อยที่มีภูมิต้านทานทางใจเพียงพอที่จะผ่านด่านกระแสคลื่นลมแห่งนวสมัยได้

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท