-อาจารย์ หนูเรียนกับอาจารย์ต้องสอน tense ให้หนูใหม่นะคะ -จะมีการสอน tenses แบบละเอียดเข้าใจง่าย -ทุกคนต้องจำไว้ว่าtensesเป็นหลักไวยกรณ์ที่สำคัญ -เน้นกวด เรื่อง tenses แบบเจาะลึก ถึงแก่น -แค่ simple con เธอยังไม่ได้แล้ว tenses อีกมากเธอจะทำได้อย่างไร -ไวยกรณ์ เล่มนี้ อธิบายเรื่อง tenses ได้ดีมาก แบ่งกาลออกเป็นจุดเวลาและช่วงเวลาอย่างชัดเจน -อันนี้ เขาเรียก future progressive continuous tense in the passive voice -อาจารย์ ครับ would rather นี้มัน tense ไหน -อาจารย์ ครับ must have been นี้คงต้องเป็น tense ที่ยากมากใช่ไหม ครับ ชีวิตของใครหลายคนที่เรียนภาษาอังกฤษ ที่คิดว่า tenses เป็นหลักไวยกรณ์ ที่สำคัญที่ สุด แบบ สุดสุด จน กลายเป็นความงง (สงสัยจะเบลอ เห็นอะไร เหมาเป็น tenses ไปหมด อย่างนี้ ขอเรียกว่า อาการ tenses centered คือใช้ชีวิตในการเรียนภาษา รอบๆ tenses อาการนี้ ถ้าไม่หาย หรือทุเลาลงบ้างจะไม่รู้เลย ว่า tenses เป็นแค่ ส่วนเล็กๆ ของภาษาอังกฤษ ( a tip of iceberge) ใช่ครับ tenses ก็สำคัญ แต่มันไม่ใช่เวลาทั้งชีวิตที่คุณต้องเรียนมัน มันมี แค่ 12 ฟอร์ม (active) ถ้า passive ก็เติม to be ( is am are was were been ) เข้าไป แล้วสิ่งแวดล้อมต่างๆ มันก็พูดแต่เรื่องนี้ ได้ tenses ยังได้ tenses ยัง บางทีก็เอามาเป็นจุดขาย ก็เลยมีส่วน่ให้เด็กเชื่อว่า ต้องได้ tenses ต้องได้tenses ภาษาไม่ใช่มีแค่ tenses อย่างเดียวที่ต้องเรียน มีหลายอย่างที่ เด็กไทยเรียนไปไม่ถึง เช่น subjunctive, prepositional pharses, punctuation, participial pharses, โดยเฉพาะชนิดของประโยค มันก็เป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญสำหรับคนที่จะเดินแนวการเรียนแบบ grammar translation method(เรียนแบบแปลเป็นวิธีการดั้งเดิมที่ผลิตครูอาจารย์ที่เก่งภาษาในปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบัน ไม่ได้รับการสนับสนุนอย่างรุนแรง)ซึ่งจริงๆเป็นวิธีการที่ดี แต่ไม่เหมาะกับคนที่ชอบอะไรสนุกสนาน สนทนา เล่นเกม (เพราะมันเป็นวิธี ที่ต้องตั้งใจอย่างมากซีเรียสเอาจริงเอาจังทั้งผู้เรียนและผู้สอน ค่อนข้างเป็นทางการ) และวิธีนี้ใครหัวไม่ไว ผสม ประยุกต์ ไม่เก่งก็จะเบื่อและไม่ได้ผลเอาง่ายๆ
หลักภาษาแบบที่ต้องมีไอ้นี่บวกไอ้นั่น จะว่าไป ก็สนุกดี (สำหรับคนที่รู้ เข้าใจดีแล้ว) แต่การเริ่มต้นที่สูตรแบบนี้ ทำให้คิดช้า และกังวลกลัวผิดอีกต่างหาก
เห็นด้วยกับการเรียนแบบเริ่มต้นที่มุ่งเน้นการสื่อสาร
เด็กฝรั่งหรือ โรงเรียนอินเตอร์จะเรียน แบบ grammmar เพราะเขาพูดอังกฤษใน class จึงจำเป็นต้องเรียน Linguistics สำหรับหลักการไอ้นี่บวกไอ้นั้นไม่ใช่ grammar translation method แต่เป็นสูตรที่อาจารย์สอนภาษาใช้สอนนักเรียนครับ รากฐานที่แท้จริงของวิธีนี้คือ การเรียน terminologies เช่น อะไรคือ infinitive ถ้าเรียนก็จะรู้เลยว่าทำไมต้องตามด้วยกรรม เพราะเดิมทีมันเป็น verb แต่ทำหน้าที่ adjective หรือ adverb ในบางกรณี ซึ่งจะไม่มีการจำแบบสูตร ๆ เช่น if clause สามแบบรากฐานจาก subjunctive ถ้ารู้ว่า subjuctive คืออะไร ก็ไม่ต้องจำสูตร วิธีการนี้มีข้อดีคือ รู้จริง ทราบเหตุผลของภาษา แต่ถ้าสอนแบบ ไอ้นี่บวกไอ้นั้น นี้คงไม่ได้แน่ อย่าง S+to be + Ving เราไม่ควรสอน แต่ เน้นว่า con คือ กำลังดำเนินอยู่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม perfect con ถึงทำตั้งแต่ในอดีตปัจจุบันทำและยังดำเนินอยู่
ซึ่งเราสอนแค่ว่าเทอมของ simple, con. past, perfect, future คืออะไร จากนั้นก็มารวมกัน ให้เด็กดูเด็กก็รู้แล้ว อีกอย่างมันไม่ได้ งง มาก แถม พูดเป็นภาษาไทยได้เลย เช่น perfect = ได้ ฉันได้เรียนอังกฤษ
I have learned English ฉันจะไป I will go.
แต่มันต้องใช้ intellectuals เยอะหน่อย แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับการสร้างภาษาด้วยตัวเอง มากครับ
ไม่รู้ภาษาอังกฤษ
เห็นด้วยกับการเรียนแบบเริ่มต้นที่มุ่งเน้นการสื่อสาร
เด็กฝรั่งหรือ โรงเรียนอินเตอร์จะเรียน แบบ grammmar เพราะเขาพูดอังกฤษใน class จึงจำเป็นต้องเรียน Linguistics สำหรับหลักการไอ้นี่บวกไอ้นั้นไม่ใช่ grammar translation method แต่เป็นสูตรที่อาจารย์สอนภาษาใช้สอนนักเรียนครับ รากฐานที่แท้จริงของวิธีนี้คือ การเรียน terminologies เช่น อะไรคือ infinitive ถ้าเรียนก็จะรู้เลยว่าทำไมต้องตามด้วยกรรม เพราะเดิมทีมันเป็น verb แต่ทำหน้าที่ adjective หรือ adverb ในบางกรณี ซึ่งจะไม่มีการจำแบบสูตร ๆ เช่น if clause สามแบบรากฐานจาก subjunctive ถ้ารู้ว่า subjuctive คืออะไร ก็ไม่ต้องจำสูตร วิธีการนี้มีข้อดีคือ รู้จริง ทราบเหตุผลของภาษา แต่ถ้าสอนแบบ ไอ้นี่บวกไอ้นั้น นี้คงไม่ได้แน่ อย่าง S+to be + Ving เราไม่ควรสอน แต่ เน้นว่า con คือ กำลังดำเนินอยู่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม perfect con ถึงทำตั้งแต่ในอดีตปัจจุบันทำและยังดำเนินอยู่
ซึ่งเราสอนแค่ว่าเทอมของ simple, con. past, perfect, future คืออะไร จากนั้นก็มารวมกัน ให้เด็กดูเด็กก็รู้แล้ว อีกอย่างมันไม่ได้ งง มาก แถม พูดเป็นภาษาไทยได้เลย เช่น perfect = ได้ ฉันได้เรียนอังกฤษ
I have learned English ฉันจะไป I will go.
แต่มันต้องใช้ intellectuals เยอะหน่อย แต่จะเป็นประโยชน์สำหรับการสร้างภาษาด้วยตัวเอง มากครับ