ผมเขียนบล็อก ทฤษฎี X, Y, Z โดยแสดงความกังขาไว้ว่า เมื่อเห็นชื่อทฤษฎีเรียงกัน (X, Y, Z) ก็เข้าใจว่าเป็นทฤษฎีเดียวกันหรือสัมพันธ์กัน สุดท้ายก็เป็นคนละเรื่องเดียวกัน ระหว่างแนวคิดของ Douglas Mc Gregor กับ Japanese Management (ทฤษฎี Z)
เมื่อไม่นาน
ผมได้อ่านทฤษฎี Z ที่บอกว่า Dr.William Ouchi
ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย UCLA
เขียนว่า ทฤษฎี
Z รวมเอาหลักการของทฤษฎี X,
และทฤษฎี Y เข้าด้วยกัน
แนวความคิดก็คือ
องค์การต้องมีหลักเกณฑ์ที่ควบคุมมนุษย์
แต่มนุษย์ก็รักความเป็นอิสระและมีความต้องการ
หน้าที่ของผู้บริหารจึงต้องปรับเป้าหมายขององค์การให้สอดคล้องกับเป้าหมายของบุคคลในองค์การ
ทฤษฎีมีองค์ประกอบที่สำคัญ 4 ประการ
คือ
1.
การทำให้ปรัชญาที่กำหนดไว้บรรลุ
2.
การพัฒนาผู้ใต้บังคับบัญชาให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
3.
การให้ความไว้วางใจแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
4.
การให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีส่วนร่วมในการตัดสินใจ
ทฤษฎีนี้ใช้หลักการ 3
ประการ คือ
1.
คนในองค์การต้องซื่อสัตย์ต่อกัน
2.
คนในองค์การต้องมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
3.
คนในองค์การต้องมีความใกล้ชิดเป็นกันเอง
หลังการอ่าน
ผมมีคำถามในใจ 3 ข้อ
1.
ทฤษฏี
Z
มาจากไหน?
เป็นการเรียกรูปแบบการบริหารแบบญี่ปุ่น
หรือชาวอเมริกันชื่อ Dr.William Ouchi
เป็นคนคิดค้น
2.
ทฤษฎี
Z
รวมเอาหลักการของทฤษฎี X และ Y
เข้าด้วยกันจริงหรือไม่?
3.
ทำไมต้องตั้งชื่อ
ทฤษฎี Z
ให้สอดคล้องกับทฤษฎี X, Y ?
และมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?
ผมแสวงหาคำตอบโดยอาศัย
google
ผมได้คำตอบดังนี้ครับ
คำตอบข้อ
1
ทฤษฎี Z
เป็นชื่อที่ประยุกต์ใช้กับ
การเรียกการจัดการสไตล์ญี่ปุ่น (Japanese
Management) ระหว่างช่วง Asian
economic boom ในปี 1980 ตรงกันข้าม
(Contrast) กับทฤษฎี X และทฤษฎี
Y การบริหารจัดการแบบญี่ปุ่น
(Japanese Management) Theory
Z อยู่บนพื้นฐานแนวคิดที่มีชื่อเสียง 14
ประการของ Dr. W. Edwards Choid
Deming
ส่วน Dr.William Ouchi ชาวอเมริกัน เป็นผู้สนใจศึกษาความแตกต่างระหว่างการบริหารจัดการแบบญี่ปุ่นและการบริหารจัดการแบบอเมริกัน และได้เขียนหนังสือที่มีชื่อเสียง และขายดีเล่มแรกตีพิมพ์ผลการศึกษาของเขาในปี 1981 ชื่อ Theory Z : How American Management Can Meet the Japanese Challenge
แนวคิดทฤษฎี Z ของ Ouchi เป็นผลลัพธ์ของสมการดังนี้
Theory A + Theory J = Theory Z
ทฤษฎี A (Theory A – American) เป็นทัศนะการบริหารงานแบบอเมริกันที่มุ่งเน้นความรับผิดชอบ และการตัดสินใจของบุคคล มีระบบประเมินผลชัดเจน เลื่อนตำแหน่งรวดเร็วตามความสามารถ ไม่ผูกพันกับการจ้างงานระยะยาว
ทฤษฎี J (Theory J – Japanese) เป็นทัศนะการบริหารงานแบบญี่ปุ่น ที่เน้นความยึดมั่น ผูกพันต่อองค์การ การจ้างงานระยะยาว เน้นระบบอาวุโส และการให้ความสัมพันธ์กับบุคคลในองค์การทุกๆ ด้าน รวมทั้งชีวิตส่วนตัว
ทฤษฎี Z คือผลรวมของการผสมผสานระหว่าง ทฤษฎี A กับทฤษฎี J เป็นการรวมทั้งความผูกพันต่อการจ้างงานระยะยาว การตัดสินใจที่เห็นพ้องต้องกัน การประเมินผลที่เป็นทางการ มีดัชนีชี้วัดผลงานที่ชัดเจน การทำงานเป็นทีม และการให้ความสำคัญกับบุคคลทุกด้าน
สรุป ทฤษฎี Z เป็นการบริหารจัดการสไตล์ญี่ปุ่น เกิดขึ้นในปี 1980 และ Dr.William Ouchi นำมาเขียนเผยแพร่ในปี 1981
คำตอบข้อ 2 ทฤษฎี Z สไตล์ญี่ปุ่น ตรงกันข้าม (Contrast) กับทฤษฎี X และ Y โดยนำแนวคิดมาจาก Dr. W. Edwards Choid Deming ส่วนทฤษฎี Z สไตล์อเมริกัน (Dr.William Ouchi) มาจากการผสมผสานระหว่าง Theory A – American กับ Theory J – Japanese ทฤษฎี Z จึงมิใช่การรวมเอาหลักการของทฤษฎี X และทฤษฎี Y เข้าด้วยกัน
คำตอบข้อ 3 ทฤษฎี Z สไตล์ญี่ปุ่น สัมพันธ์กับทฤษฎี X และ Y ตรงที่มีความตรงกันข้าม (Contrast) ส่วนทฤษฎี Z สไตล์อเมริกัน ก็เพียงต้องการเชื่อมโยงให้เห็นว่า นำชื่อทฤษฎี Z มาจากญี่ปุ่น แต่พอเอาเข้าจริงก็เป็นลูกครึ่งพันธุ์ผสมระหว่างทฤษฎี A กับทฤษฎี J
ส่วนทำไมต้องตั้งชื่อ
ทฤษฎี Z
ผมยังหาคำตอบไม่ได้
เพราะผมคิดโดยส่วนตัวว่า1.
ชื่อทฤษฎีควรตั้งขึ้นโดยบุคคล
หรือกลุ่มบุคคลที่คิดค้น
หรือร่วมคิดค้นด้วยกัน
2.
ชื่อทฤษฎีที่สอดคล้องกัน
ควรมีนัยความสัมพันธ์ที่เป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน
3.
ชื่อทฤษฎีที่ไม่เป็นไปตามหลักคิดข้อ
1 และ 2
อาจสร้างความสับสนให้ผู้คนได้
เช่นที่นักวิชาการหลายคน และผม (ซึ่งไม่ใช่นักวิชาการตัวจริง)
เป็นอยู่
อย่างไรก็ตาม เราน่าจะช่วยกันคิดทฤษฎีใหม่สัก 1 ทฤษฎี ดีไหมครับ? เพื่อให้การบริหาร “คน” ที่วุ่นวายทุกวันนี้ ประสบความสำเร็จจริงๆ เสียที
ใครเห็นด้วยมาช่วยกันคิดครับ
หรือ หากคิดไว้แล้ว โปรดแสดงครับ
ขอคารวะอาจารย์ครับผม ผมลูกศิษย์รุ่น 4 ศูนย์วิทยบริการจังหวัดพิจิตร เพิ่งเข้ามาเกิดใน gotoknow พอดีเจออาจารย์ ดีใจมากเลย อยากได้กำลังใจครับผม ๆ ๆ ๆ
ดีจังเลย....ขณะนี้ผมเองกำลังเรียนรู้ในประเด็นนี้อยู่พอดี คิดว่าคงได้รับประโยชน์มากที่สุดที่เดียว....ขอบคุณครับ
กำลังสนใจจะปรับใช้การบริหารงาน คิดแล้ว พบว่า ปัญหา..อยู่ทีบุคลิกผู้นำ
1. ไม่ให้ผู้ตามมีส่วนร่วม มีการประชุม Brainstroming ตามทฤษฏี แต่ทางปฏิบัติ "ฉันจะทำอย่างนี้"
2. ผู้นำไม่ยุติธรรม คนทำไม่ได้ คนได้ไม่ทำ
3. ผู้นำไม่ยึดหลักการ แต่ยึดหลักคนของใคร (ไม่ยุติธรรม)
4. หนักสุด ผู้นำไม่ยอมรับว่าตนเองเป็น 1-3
5. ผู้นำ เป็นผู้หญิง
ต้องปรับพฤติกรรม ทำอย่างไรดีคะ..อาจารย์ช่วยด้วย
ขอบคุณคะ
ผมอรุณ กลิ่นทิพย์ขจร http://aroonklin.ning.com ที่ท่านกล่าวมาทั้งหมดถูกต้องแล้ว แต่ผมศึกษาทฤษฎี Z ผมทราบว่า ชื่อ ทฤษฎี Z มาจาก วิลเลียม โออุชิ ใช้เรียกการบริหารธุรกิจระบบหนึ่ง เพื่อให้สอดคล้องกับทฤษฎีเก่าสองทฤษฎี คือ ทฤษฎี X และทฤษฎี Y ต่อมาควรเป็นทฤษฎี Z เท่านั้นเอง ไม่ได้เกี่ยวกับชื่อ ไม่ได้เกี่ยวกับแปลกใหม่แต่อย่างไร
ทฤษฏีเหล่านี้จะใช้ตอนไหนหรอค่ะ ใช้ตอนที่เริ่มคัดเลือกพนักงานหรืใช้ได้ทุกเวลา