กลับมาทำงานอีกครั้ง หลังจากเข้ารับการอบรม KM Cognitive Coaching ที่โรงแรมบ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี ข่าวแรกที่ได้รับทราบคือ รายวิชาที่จะต้องสอนในภาคเรียนที่ 2 ซึ่งจะเปิดทำการสอนในวันที่ 15 ตุลาคม ที่จะถึงนี้ (โอ้...ยังไม่ได้ปิดเทอมเลยนะเรา...จะเปิดเทอมแล้วหรือนี่...) จำนวน 6 รายวิชา ได้แก่
แหม ๆ ดูจากรายชื่อวิชา รู้สึกเหมือนเราเก่งจังเลยเน๊อะ ช่างเป็นผู้รอบรู้เกี่ยวกับงานคอมพิวเตอร์ซะจริงเชียว น่าหนักใจแทนลูกศิษย์เหลือเกิน โดยเฉพาะห้อง ม.5/8 ที่จะต้องเรียนกับครูคนนี้ถึง 8 คาบ/สัปดาห์ เรียกว่า เจอกันจนกว่าจะเบื่อกันไปข้าง....
ในบรรดารายวิชาเหล่านี้ มี 1 วิชาซึ่งยังไม่เคยสอนมาก่อนเลยและรู้สึกหนักใจ คือ วิชาระบบเครือข่ายเบื้องต้น หลังจากเปิดหนังสือดูคร่าว ๆ แล้วพบว่าเนื้อหาการสอนประกอบด้วยภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ในส่วนของภาคทฤษฎีนั้น ไม่น่าจะเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาค้นคว้าทำความเข้าใจในเนื้อหา และออกแบบการสอน ปัญหาคือ ในส่วนของภาคปฏิบัติซึ่งเรายังไม่เคยปฏิบัติการเชื่อมต่อระบบเครือข่าย หรือแม้กระทั่งเดินสาย LAN ก็ไม่เคย แล้วจะสอนให้ผู้เรียนปฏิบัติได้อย่างไร
หลับตาพักสมอง 2 วินาที (มองเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของท่าน ดร.สุวัฒน์ และทีมงาน) ก็เกิดไอเดียปิ๊งทันที... ก็เพิ่งจะอบรมการใช้เครื่องมือ KM นี่นา คงจะมีเครื่องมือที่ช่วยอะไรเราได้บ้างล่ะ
ว่าแล้วก็หยิบ(ร่าง)คู่มือการจัดการความรู้ที่คณะวิจัยได้ให้ไว้ชื่นชมยามคิดถึง...เปิดไปเปิดมาก็พบว่าเครื่องมือหลายตัว สามารถนำมาแก้ปัญหาเราได้ แต่มีตัวนึงที่สะกิดใจ และน่าจะทำได้ง่ายก็คือ เทคนิค peer assist (เพื่อนช่วยเพื่อน) ในเมื่อเรามีคุณครูเจ้าหน้าที่สุดหล่อประจำห้องระบบเครือข่าย (คนนี้เค้าเก่ง) สามารถช่วยเราได้ คงต้องไปขอให้เค้าช่วยถ่ายทอด/สอน/แนะเคล็ดวิชา เพื่อนำไปฝึกปฏิบัติแล้วถ่ายทอดให้กับผู้เรียนอีกครั้ง
แต่เมื่อนึกถึงทักษะความชำนาญพิเศษและการแก้ไขปัญหาที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการสาธิตในชั้นเรียนแล้ว บุคคลที่จะสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ได้ดีที่สุด ก็น่าจะเป็นผู้ที่มีความเชี่ยวชาญและมี Best Practice ของตัวเอง ดังนั้น การเชิญครูเจ้าหน้าที่ท่านนี้ มาสอน ในรูปแบบของ Team Teaching คือ ช่วยกันสอน ในเรื่องที่ตนถนัด และช่วยกันเติมเต็มในส่วนที่แต่ละคนขาดหายไป วิธีนี้น่าจะเป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ได้ดีที่สุด
เหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป...คุณครูเจ้าหน้าที่จะใจอ่อนกับลูกตื้อของเจ้ากัตหรือไม่ และจะมีการ Design รูปแบบการสอนอย่างไร โปรดติดตามต่อไปนะคะ...
ปล. หรือใครมีเทคนิคการตื้อดี ๆ ช่วยแนะนำเจ้ากัตด้วยนะคะ
สวัสดีค่ะ อ.ขจิต
เป็นเสือปืนไวจริง ๆ เลยนะคะ ไม่ถึง 1 นาทีก็มี comment ใน blog แล้ว :)
สอนเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของคอมพิวเตอร์ค่ะ เนื้อหาเป็นภาษาอังกฤษ ส่วนตัวแล้วก็ไม่เก่ง แต่ก็สามารถแปลได้เพราะมีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ดังนั้น ศัพท์เฉพาะบางคำก็เลยพอจะรู้บ้าง
ขอบคุณนะคะ สำหรับ comment แรก
ขอบคุณค่ะ น้องปู นี่ถ้าน้องปูอยู่ใกล้ ๆ ก็คงจะเชิญมาร่วมทีมด้วยอีกคน สนใจมั๊ยเอ่ย
ก็สอนทฤษฏีไปก่อน... แล้วพามาปฏิบัติที่ศรีราชาก็ได้...
เดี๋ยวจะรวบให้หมดภายในวันเดียวก็ได้นะคับ...อิอิ
น่าสนมั๊ยคับ...ทัศนศึกษาด้วย...ได้คาบสอนด้วย..
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจนะคะ
จะให้ดีก็ต้องฟรีค่าที่พักและค่าอาหารด้วยใช่มั๊ยคะน้องโรมีโอ...
อ.ขจิตมาแต่ละครั้ง เล่นเอาตกใจเลย
พบหลายท่านค่ะ ก็เกือบจะครบทั้งคณะเลยก็ว่าได้
มีท่านดร.สุวัฒน์ ดร.เลขา ผอ.วัฒนา ดร.สุกัญญา ดร.กุญชรี แล้วก็ทีมงานวิจัย อีก 3-4 ท่าน ค่ะ
ตาแหลมจริง ๆ เลย รู้ด้วยว่าเคยเป็นนางสาวไทย อิอิ
เพื่อนเราเก่งอยู่แล้วเชื่อว่าทำได้ไม่เกินสามารถและความพยายามเพื่อนและที่สำคัญแฟนก็ไม่มีเวลาเลยมีเยอะพอที่จะทำอะไรดีเพื่อลูกศิษย์ได้ที่เขาไม่ให้คนอื่นเพราะแต่ละคนมีครอบรัวหมดแล้ว
อยู่ม 4 อะครับเรียนสายวิทย์ เหอๆ
น่าจะอยู่สายศิลป์นะจะได้เรียนกับมีสอยากเรียนจริงๆวิชาคอมนี่มีตั้ง 8 คาบ สายวิทย์มีแค่ 2 คาบเอง
โหหห เพื่อน...ซาบซึ้งกับเหตุผลที่ได้รับจริง ๆ
ถ้ามีแฟนมีครอบครัวแล้วภาระงานจะลดลงจริงเหรอ (สงสัยกรณีนี้คงจะใช้ไม่ได้กับเจ้ากัตแล้วล่ะ)
เก่งจริงนะครับตัวแค่นี้
ต้องหาโอกาสสร้างรายได้มากๆนะครับ
กิฟฟารีน
สมแล้วที่เป็นเจ้าของวิธีปฏิบัติที่ดีหลายๆอย่างของคนแถวนี้...