ผมเป็นคนหนึ่งในทีมงานของ รศ.สุธน เสถียรยานนท์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ฯ มบส. ที่ได้ทำกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ สำหรับเด็กนักเรียนเหรียญทอง ระดับประถมปลาย โครงการพัฒนาเด็กอัจฉริยภาพทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ ของ สสวท.
ยอมรับว่าเด็ก ๆ พวกนี้หัวไวจริง ๆ ครับ เด็กในโครงการนี้รุ่นพี่ เขามีอยู่คนหนึ่งได้เหรียญทองชีววิทยา ชนะจีนซึ่งมีประชากรพันล้านถึง 10 คะแนน บางคนถูก IBM ซื้อตัวไปเลย (อันนี้ไม่ค่อยถูกต้อง) รุ่นพี่เขาที่มาเล่าประสบการณ์บอกว่าน้อง ๆ เก่งมาก ปัญหาบางอย่างเป็นระดับ ม.6 ยังตอบได้
ผมเขียนบทความเรื่องนี้ให้คณะเป็นการชื่นชมส่วนใหญ่ แต่มาถ่ายทอดอีกด้านหนึ่งให้ชาว Gotoknow สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ค่อยสบายใจ เช่น จะพาเขาไปนั่งเรือในภาคสนาม แต่ทางหัวหน้าทีมของ สสวท. ขอไว้เพราะกลัวอันตราย ซึ่งในความคิดผมแล้วหากไม่ปลอดภัยเรือจะไม่ออก เรามีชูชีพทุกคน เปลี่ยนมาเป็นจักรยานก็ไม่ได้ ทำให้คิดเลยไปว่าต่อไปพวกเขาต้องเป็นคนสำคัญของประเทศ หากไม่รู้จักความลำบากแล้วจะเข้าใจคนที่ลำบากได้อย่างไร แต่ก็เถอะเขาให้เหตุผลว่าหากเป็นอะไรไปเราไม่สามารถสร้างลูกให้เขาได้
อันนี้จริงครับผู้ปกครองที่มาส่งวันแรกไม่ยอมกลับเลย ผมตั้งข้อสังเกตว่าเด็กจะเก่งได้ผู้ใหญ่ต้องพร้อม เพราะสังเกตแล้วมีฐานะทั้งนั้น บางคนมาทั้งพ่อแม่ + ตายาย ทำให้นักเรียน 1 คน ผู้ติดตาม 4 คน ที่นั่งที่เตรียมไว้ทีแรกเลยไม่พอ เราไม่มีประสบการณ์เลยวุ่นวายพอสมควร
ระหว่างนั่งรถไปทัศนศึกษาเล่มเกมส์รับลูกบอลตามเสียงเพลง เพลงหยุดต้องออกมาแสดง เขาออกมาถามคำถามเพื่อนโดยตั้งโจทย์สมการคณิตศาสตร์ ให้แยกตัวประกอบ ซึ่งก็ตอบได้ตั้งแต่คำถามยังไม่จบ (อาจารย์เครียด) หลายคนแขวนโทรศัพท์มือถือที่คอและเล่นเกมส์ไปด้วย ผมเล่าว่าคนเป็นตัวการทำลายป่าชายเลน นักเรียนคนหนึ่งแนะนำผมว่าต้องเอาคนไปฆ่าทิ้ง (รุนแรงเชียว) ห้องพักกลางคืนมีอาจารย์ไปนอนเฝ้าด้วย (โอ๋กันพอสมควร) เล่าว่าทุกคนจะตั้งนาฬิกาปลุกตี 4 เพื่อตื่นมาอ่านหนังสือเตรียมความพร้อมวันรุ่งขึ้น อาจารย์ต้องแอบเปลี่ยนทุกเครื่องเป็น 6 โมงเช้า ในวันหลัง ๆ เพราะตื่นไม่ไหว
มีเรื่องขันไม่ออกจากการประกวดวาดภาพด้วยสีชอล์ก เป็นภาพป่าชายเลนที่ไปดูมา อาจารย์จากโปรแกรมวิชาศิลปกรรมตัดสินแล้ว แต่ยังไม่ประกาศ เด็ก ๆ บางคนไม่ยอมรับถึงกับอุทานคำพูดที่ไม่เหมาะสมออกมาบ้าง ให้เหตุผลว่าทำไมภาพของตัวเองมีปูตั้งหลายตัว แต่คนได้ที่หนึ่งมีปูแค่ตัวเดียว (คิดแบบวิทยาศาสตร์) อาจารย์เลยแก้ปัญหาไม่ประกาศแต่ให้ทุกคนเขียนคำว่า “ดีใจ” ลงในเศษกระดาษแทนแล้ววิจารณ์ทีละคน เพื่อจะชี้ให้เห็นความแตกต่างในการมองทางศิลปะ
ผมเข้าใจว่าเด็กพวกนี้ไม่รูจักคำว่าแพ้ และแพ้ไม่เป็นจริง ๆ ครับ บางครั้งตอบคำถามโจทย์ไม่ได้ก็ไม่ยอมจำนนไม่ยอมให้เฉลยผอ. รร.ที่บางขุนเทียนให้แง่คิดว่า “เด็ก ๆอย่าทะนงว่าตัวเองได้เหรียญทองแล้วจะเก่งไปทุกเรื่อง ถ้าเป็นเรื่องจับปูคงจะสู้เด็กบางขุนเทียนไม่ได้” ลองคิดกันนะครับว่า จะให้บุตรหลานเราเก่งอย่างนี้มั๊ย จะเครียดเกินไปมั๊ย
อย่าลืมว่าเด้กพวกนี้ได้ทุนตั้งแต่ประถมถึงปริญญาเอกในต่างประเทศซึ่งมาจากภาษีของคนไทยทุกคน แต่หากเมืองไทยมีเด็กแบบนี้เยอะ ๆ ก็คงเข้าสุภาษิต เด็กฉลาดชาติเจริญ และคงต้องพัฒนา EQ ควบคู่ไปด้วย โดยเฉพาะคนเก่ง ๆ หากคิดไม่ซื่อกับสังคมแล้วจะเสียหายหนักนะครับ...
ขอขอบคุณอาจารย์ธีรกร...
ขออนุญาตแนะนำเกี่ยวกับการเขียนดังนี้
ขอขอบคุณครับ...
ขอบคุณครับคุณหมอ พอดีผมไม่ได้บันทึกนานพอสมควร
ความจริงผมพิมพ์ใน word มาเป็น ย่อหน้าและวรรคตอนแล้วครับ ไม่ทราบเป็นเพราะสาเหตุใด และอยากเอาเพลงออกด้วย ว่าง ๆ จะปรับปรุงใหม่ครับผม