หน้าแรก
สมาชิก
จอหงวน
สมุด
จอหงวน
การขับเคลื่อนการพ...
จอหงวน
นาย ชนะ สุ่มมาตย์
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
การขับเคลื่อนการพัฒนาการคิด:ทรัพยากรมนุษย์เป็นศูนย์กลางการพัฒนา
ความนำ
พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พุทธศักราช 2542 ได้กำหนดการจัดการศึกษาเกี่ยวกับการจัดกระบวนการเรียนรู้ไว้ในมาตรา 24 ไว้หลายประการ ประการสำคัญคือมุ่งเน้นการคิด และการจัดการเรียนรู้
และหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ก็กำหนดกระบวนการจัดการเรียนการสอนที่มุ่งเน้นการสร้างองค์ความรู้ ที่ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการบริหารการพัฒนาองค์ความรู้ที่เกิดจากการคิดแบบมีส่วนร่วมของทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้
เช่น กลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาวิทยาศาสตร์ ที่มุ่งเน้นการพัฒนาการคิดของผู้เรียนให้มีความสามารถคิดระดับสูง อันได้แก่ ความสามารถในการคิดแก้ปัญหาทางวิทยาศาสตร์ เป็นต้น
จากการศึกษาค้นคว้างานวิจัยที่เกี่ยวข้อง กับการพัฒนาการคิด
พบว่า การพัฒนาการคิดต้องได้รับการขับเคลื่อนอย่างจริงจัง ด้วยว่าทรัพยากรมนุษย์เป็นศูนย์กลางการพัฒนา
ด้วยสาเหตุและปัญหาหลายประการ ได้แก่
1) ด้านกระบวนการเรียนการสอน พบว่า ครูขาดทักษะและความชำนาญการในการสอนตามปรัชญาของหลักสูตร และกระบวนการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
การสอนโดยรวมยังคงมุ่งเน้นเนื้อหาฟังและจำมากกว่าการคิดตั้งคำถาม
โดยไม่เน้นกระบวนการให้ผู้เรียนได้พัฒนาด้านการคิด ช่างสงสัย ขาดการเชื่อมโยงทางความคิด
นอกจากนี้ครูมุ่งสอนให้นักเรียนสามารถสอบคัดเลือกเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยได้มากกว่า
ประการต่อมา ครูมีทักษะในการผลิตและใช้สื่ออุปกรณ์ไม่เพียงพอ
ขาดประสบการณ์ในการใช้สื่อและอุปกรณ์การเรียนการสอนที่เป็นเทคโนดลยีสมัยใหม่ และประการสำคัญ ครูและนักเรียนขาดแคลนสื่อการเรียนการสอนและแหล่งค้นคว้าที่เหมาะสม และทันกับยุคสมัย
2) ด้านการวัดและประเมินผล พบว่า ข้อสอบส่วนใหญ่มักเป็นข้อสอบแบบปรนัย เน้นความรู้ความจำมากกว่าการคิดแก้ปัญหา ไม่เปิดโอกาสให้นักเรียนเขียนอธิบายคำตอบแสดงเหตุผลซึ่งไม่เหมาะกับความต้องการที่จะให้นักเรียน
รู้จักคิด
รู้จักสงสัย
รู้จักตั้งคำถาม
รู้จักนำวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาบูรณาการการเรียนรู้วิชาต่างๆ
ประการสำคัญวิธีการวัดและประเมินผลไม่หลากหลาย เน้นประเมินโดยใช้แบบทดสอบมากกว่าประเมินตามสภาพจริง
3) ด้านนักเรียน
พบว่า
จำนวนนักเรียนต่อห้องมากเกินไป
นักเรียนส่วนใหญ่มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนบางรายวิชาไม่น่าพอใจ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์
วิชาคณิตศาสตร์
เป็นต้น
นอกจากนี้นักเรียนไม่สามารถนำความรู้ที่เรียนไปสังเคราะห์และบูรณาการความรู้ต่างๆ ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ประการต่อมา นักเรียนขาดกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์ ไม่สามารถพัฒนาวิธีคิดและวิเคราะห์แบบมีเหตุผลได้
ตั้งคำถามไม่เป็น
ขาดทักษะในการเลือกและคัดสรรข้อมูลมาใช้ได้อย่างเหมาะสม ถูกต้อง
ประการสุดท้าย นักเรียนมีพื้นฐานความรู้ด้านการใช้ภาษาไทย
คณิตศาสตร์
และวิทยาศาสตร์ในระดับประถมศึกษาไม่สอดคล้องและไม่เชื่อมโยงกับการนำไปใช้ในการเรียนต่อระดับที่สูงขึ้น (กรมวิชาการ,2544) จากสาเหตุดังกล่าวข้างต้น หากมองความคิดของสังคมไทยย้อนรอยอดีตถึงปัจจุบัน
ยกย่องเรื่องการศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเชื่อกันว่าการศึกษาเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และสร้างสรรค์ความเจริญก้าวหน้า
การศึกษาเป็นกระบวนการที่จะช่วยหล่อหลอมให้คนได้พัฒนาตนเองในด้านต่างๆตลอดช่วงชีวิต ดังนั้น การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาคนให้มีคุณภาพ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของการเน้นให้คนคิดเป็น แก้ปัญหาเป็น รู้จักการคิดวิเคราะห์ คิดสังเคราะห์ สามารถปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อเป็นดังนี้ ทรัพยากรมนุษย์จึงต้องได้รับการพัฒนาและสร้างคุณภาพการคิด เพื่อให้สอดคล้องและดำเนินควบคู่กับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ
สังคม และเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างมีคุณภาพ
มีประสิทธิภาพ และยั่งยืน(มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช,2533)
การขับเคลื่อนการคิดสู่ห้องเรียน
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ ตระหนักถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่นี้ กำหนดนโยบายที่จะเร่งพัฒนาการอ่าน เขียนและคิดวิเคราะห์เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาไทย ซึ่งเป็นการดำเนินการตามกลยุทธ์ที่ 3 การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานการศึกษาทุกระดับ
การขับเคลื่อนกระบวนการคิดสู่ห้องเรียนมุ่งเน้นให้โรงเรียนได้คิดค้นเทคนิควิธีการสอนคิดและฝึกปฏิบัติจริงในโรงเรียน เพื่อให้นักเรียนคิดดี คิดเป็น คิดถูกต้อง และสามารถนำไปใช้ในชีวิตตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งการสนับสนุน ส่งเสริมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศทำวิจัยและพัฒนาการเรียนการสอนที่เน้นกระบวนการคิดทั้งระบบ โรงเรียนร่วมกัน สถาบันอุดมศึกษา องค์กรต่างๆหรือผู้ทรงคุณวุฒิ เพื่อขับเคลื่อนการคิดสู่การปฏิบัติ
การศึกษาทั้งระบบ ได้แก่ การปรับปรุงหลักสูตร แผนและกิจกรรมการเรียนรู้ที่เน้นกระบวนการคิด และยกระดับคุณภาพการศึกษา และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงขึ้น
เป้าหมายการพัฒนาการคิดเป็นคุณภาพการคิดของนักเรียนที่เกิดจากการพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนของครู และระบบบริหารจัดการศึกษาของโรงเรียน
สพท. และ
สพฐ.
ที่เอื้อต่อการพัฒนาการคิด
โดยมีเป้าหมายการพัฒนาการคิดหลักที่ นักเรียน
1) มีความสามารถในการคิดดีและคิดเป็นตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
2)ผลการประเมินด้านการคิดสูงขึ้น
3) สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันจนเป็นนิสัย มีนิสัยแห่งการคิด
ปัจจัยแวดล้อมที่นำสู่ความสำเร็จนี้ อยู่ที่การบริหารโรงเรียนทั้งระบบที่เน้นกระบวนการคิด
ห้องเรียนมีบรรยากาศการเรียนรู้ สื่อ และการจัดห้องเรียนที่ส่งเสริมการคิด และประการสำคัญครูวิเคราะห์งานผู้เรียนเป็น จัดการเรียนรู้ต่อยอดการพัฒนาผู้เรียนได้(สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา.สพฐ.,2550)
ความหมายและความสำคัญของการคิด
นักวิชาการจำนวนมากได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการคิด เพราะเห็นว่า การคิด นำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง
ประเทศต่างๆ มีการแข่งขันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ ความรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจ สังคมและความอยู่รอดปลอดภัยของประเทศรวมทั้งการเอาชนะใจมนุษยชาติ ความคิดเป็นปัจจัยสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะ
การคิดจึงเป็นทุนสำคัญของมนุษย์
ที่มนุษย์สามารถจินตนาการ และสร้างให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ที่เกิดประโยชน์และทำให้ชีวิตมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
และมีความสัมพันธ์กับระดับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
การพัฒนาการคิดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน
มีผู้ให้ความหมายของการคิดที่เน้น กระบวนการคิดอย่างสร้างสรรค์ไว้ ดังนี้
ออสบอร์น
(Osborn.1957:23)
กล่าวถึง ความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นจินตนาการประยุกต์ (
Applied Imagination
)
เป็นจินตนาการที่มนุษย์สร้างขึ้นเพื่อแก้ปัญหาที่มนุษย์ประสบอยู่ มิใช่เป็นจินตนาการที่ฟุ้งซานเลื่อนลอย โดยทั่วไปความคิดจินตนาการจึงเป็นลักษณะสำคัญของความคิดสร้างสรรค์ในการนำไปสู่ผลผลิตที่แปลกใหม่และเป็นประโยชน์
กู้ด (
Good.1959:
570) ให้ความหมายความคิดสร้างสรรค์ว่า เป็นความช่างคิดในการสำรวจตรวจสอบสถานการณ์ที่แปลกใหม่ หรือใช้วิธีการใหม่แก้ปัญหาเก่า หรือเป็นผลผลิตที่ริเริ่มขึ้นใหม่จากนักคิด
กิลฟอร์ด (
Guilford.1967:61
) ให้ความหมายว่า ความคิดสร้างสรรค์เป็นลักษณะความคิดอเนกนัย (
Divergent Thinking
) คือความคิดหลายทิศทาง หลายแง่หลายมุม คิดได้กว้างไกล ลักษณะความคิด เช่นนี้จะนำไปสู่ความคิด การประดิษฐ์สิ่งแปลกใหม่ รวมทั้งการคิดหาวิธีการแก้ปัญหาได้สำเร็จด้วย ความคิดอเนกนัย ประกอบด้วยความคิดริเริ่ม (
originality)
ความคิดคล่องตัว
(Fluency)
ความคิดยืดหยุ่น
(Flexibility)
และความคิดละเอียดลออ
(Elaoration)
อารี พันธ์มณี (2537
:
9) ได้ให้ความหมายของ การคิดว่า เป็นกระบวนการทางสมองที่คิดในลักษณะอเนกนัยอันนำไปสู่การค้นพบสิ่งแปลกใหม่ ด้วยการคิดดัดแปลง ปรุงแต่งความคิดเดิมผสมผสานกันให้เกิดสิ่งใหม่ ซึ่งรวมทั้งการประดิษฐ์ค้นพบสิ่งต่างๆ ตลอดจนวิธีการคิด ทฤษฎี หลักการได้สำเร็จ ความคิดจะเกิดขึ้นได้นี้มิใช่เพียงแต่คิดในสิ่งที่เป็นไปได้ หรือสิ่งที่เป็นเหตุเป็นผลเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ความคิดจินตนาการก็เป็นสิ่งสำคัญยิ่งที่จะก่อให้เกิดความแปลกใหม่ แต่ต้องควบคู่กันไปกับความพยายามที่จะสร้างความคิดฝันหรือจินตนาการให้เป็นไปได้ หรือที่เรียกว่า จินตนาการประยุกต์ นั่นเอง จึงจะทำให้เกิดผลงานจากความคิด
(อารี พันธ์มณี,2546
:153-155
)
พอจะกล่าวสรุปได้ว่า การพัฒนาการคิด เป็นการจำแนก แยกแยะ จัดกลุ่มข้อมูลอย่างเป็นระบบ เพื่อการเปรียบเทียบ ระบุสาเหตุ และผล หรือเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของข้อมูล ระบุความสำคัญ
หลักการ
แนวคิด
หรือจุดเด่น
จุดด้อย ของสถานการณ์ นั้นๆ
จากความหมายของการคิดจะเห็นได้ว่า การคิดมีความสำคัญต่อมนุษย์อย่างมาก มีผู้กล่าวถึงความสำคัญของการคิดไว้หลายท่าน ดังนี้
อารี สัณหฉวี (2511
:
424) กล่าวว่า การคิดเป็นสิ่งจำเป็นในสังคมปัจจุบัน เพราะสังคมเปลี่ยนแปลงมีปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เด็กจะต้องฝึกฝนให้รู้จักคิดสิ่งใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาต่างที่ต้องพบในชีวิตประจำวัน
ชาญชัย
อินทรประวัติ (2518
:
19) ได้ให้ความเห็นว่า ความคิดสร้างสรรค์มีความจำเป็นต่อชีวิต เพราะในการให้การศึกษาแก่เด็กไม่สามารถจะสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต การสอนเด็กให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์จึงมีโอกาสนำความรู้ไปใช้ในการแก้ปัญหาได้
เฮอร์ลอค
(Hurlock.1972:319
) กล่าวถึงคุณค่าของความคิดสร้างสรรค์ว่า ความคิดสร้างสรรค์ให้ความสนุก ความสุขและความพอใจแก่เด็กและมีอิทธิพลต่อบุคลิกภาพของเด็กมาก ไม่มีอะไรที่จะทำให้เด็กรู้สึกหดหู่ได้เท่ากับงานสร้างสรรค์ของเขาถูกตำหนิ ถูกดูถูกคิดว่าสิ่งที่เขาสร้างนั้นไม่เหมือนของจริง
(อารี
พันธ์มณี, 2546
: 155-156
)
ความสำคัญของการคิดตามที่กล่าวถึงข้างต้น แสดงให้เห็นว่า การคิดนั้นได้ถูกกำหนดให้มีระดับคุณภาพ เพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ วัยเรียน ทุกระดับการศึกษา จนกระทั่ง ผู้เรียนสำเร็จการศึกษา และนำกระบวนการคิดไปใช้ในการดำรงชีวิต
ระดับคุณภาพของการคิด จำแนกได้ 3 ขั้น ได้แก่ 1) ขั้นรวบรวมและคัดเลือกข้อมูล (
Gathering
) เช่น สังเกตรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส กำหนดประเด็นรวบรวม กำหนดเป้าหมาย เป็นต้น
2) ขั้นจัดกระทำข้อมูล
(Processing
)
เช่น ตรวจสอบ วิจารณ์ ไตร่ตรอง เชื่อมโยง จัดลำดับ เปรียบเทียบ จำแนก เป็นต้น
3) ขั้นประยุกต์ใช้ความรู้(
Applying
) เช่น คิดวิเคราะห์ วิจารณ์
สังเคราะห์ ขยายความรู้ สร้างทางเลือก สร้างค่านิยม เป็นต้น
(สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา.สพฐ.,2550)
แนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาการคิด
การขับเคลื่อนการคิดนั้นจำเป็นต้องทำทั้งระบบรวมทั้งมีการศึกษาวิจัยเพื่อให้ทราบผลจากการปฏิบัติของโรงเรียนที่มีบริบทแตกต่างกัน การขับเคลื่อนระบบให้ความสำคัญกับการเริ่มที่ผู้สอนเข้าใจนักเรียน โดยพิจารณาจากผลงานและการแสดงออก แล้วหาวิธีการจัดการเรียนรู้
การจัดการความรู้ที่เกิดจากการปฏิบัติจะเป็นปัจจัยป้อน และกระตุ้นให้โรงเรียนและครูมีการเปลี่ยนแปลงการจัดการเรียนการสอนในระดับที่กว้างขึ้น ในการขับเคลื่อนการพัฒนาการคิด ได้น้อมนำแนวพระราชดำริ คือ เข้าถึงจิตใจและค่านิยมจากมุมมองของผู้เรียน และพัฒนาการคิดของผู้เรียน จากจุดที่เขาเป็นให้ระดับสูงขึ้น
การพัฒนาการคิดทั้งระบบโดยเริ่มจาก
1) สร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการคิดและกระบวนการคิดต่างๆ
2) เชื่อมโยงการคิดกับหลักสูตรและการสอน สอดแทรกในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ในการบูรณาการข้ามกลุ่มสาระการเรียนรู้
3) พัฒนาการสอนคิดในชั้นเรียนทำให้เห็นกระบวนการคิดที่ชัดเจน
4) พัฒนาครูประจำการเกี่ยวกับเทคนิคการสอนคิด คิดค้นหาวิธีใหม่ๆ ใช้นวัตกรรม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ สร้างเครือข่ายและชุมชนแห่งการเรียนรู้
5) ประเมินการคิดของนักเรียนควบคู่กับการสอน ประเมินการเปลี่ยนแปลงการสอนของครู (สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา.สพฐ.,2550)
สรุป
การขับเคลื่อนการพัฒนาการคิด นั้น ปัจจัยที่ส่งต่อความสำเร็จ อยู่ที่หน่วยงานทางการศึกษาระดับปฏิบัติ ได้แก่
สพท. และโรงเรียน ที่ต้องสร้างรูปแบบและ กระบวนการเรียนการสอนทั้งในห้องเรียน และนอกห้องเรียน โดยการสร้างองค์ความรู้ การคิดให้กับ ครู ให้สอนการคิดเก่ง มีนิสัยนักคิด ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการเป็นผู้ให้ เป็นการสร้างนวัตกรรมการคิดร่วมกันระหว่างครูกับนักเรียน ซึ่งจะนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงการเรียนรู้ของนักเรียน และสู่การเป็นนักคิดที่ดี
คิดอย่างสร้างสรรค์ เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่าต่อสังคม
ประเทศ และโลก ในที่สุด
เอกสารอ้างอิง
กรมวิชาการ.ยุทธศาสตร์การปฏิรูปการศึกษา.กรุงเทพฯ
:
กระทรวงศึกษาธิการ.2544.
มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.เอกสารการสอนชุดวิชาการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในองค์
การ.นนทบุรี
:
โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช.2533.
สำนักพัฒนานวตกรรมการจัดการศึกษา.แนวดำเนินการขับเคลื่อนการคิดสู่ห้องเรียน.กรุงเทพฯ
:
กระทรวงศึกษาธิการ.2550.
อารี
พันธ์มณี.จิตวิทยาสร้างสรรค์การเรียนการสอน.กรุงเทพฯ
:
ใยไหม.2546.
เขียนใน
GotoKnow
โดย
จอหงวน
ใน
จอหงวน
คำสำคัญ (Tags):
#การบริหารการศึกษา
#การบริหารการพัฒนา
หมายเลขบันทึก: 133373
เขียนเมื่อ 1 ตุลาคม 2007 03:40 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 22:47 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
จอหงวน
สมุด
จอหงวน
การขับเคลื่อนการพ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท