หลังจากอิ่มหนำสำราญกับอาหารแล้ว ได้เวลาแล้วล่องเรือชมหิ่งห้อยแล้วค่ะ ค่าล่องเรือคนละ 60 บาท ถูกมาก ๆ กับบรรยากาศที่สวยงาม และอากาศดี ๆ โดยทุกคนต้องซื้อตั๋วเรือก่อนน่ะค่ะ มีให้ใช้บริการกันหลายท่าเรือค่ะ แต่ของแป้งและผองเพื่อนใช้บริการของท่าเรือชุมชนอัมพวัน เมื่อลงเรือแล้วมีบริการเสือชูชีพให้ด้วยค่ะ เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เริ่มต้นการล่องเรือคราวนี้ที่ตลาดน้ำยามเย็นนั่นแหละค่ะ ได้ชมบรรยากาศ 2 ริมฝั่งคลองค่ะ มีทั้งร้านขายของขำ ร้านขายของที่ระลึก home stay ริมน้ำที่อยู่ใกล้ ๆ กับตลาดน้ำ เห็นนั่งกันอู๊ย ท่าทางความสุข นอกจากนั้นยังมีร้านอาหาร วัดวาอารามตอนกลางคืน ที่ประทับใจสุด ๆ ก็ตอนที่คนขายของที่ตลาดน้ำพายเรือกลับบ้าน บรรยากาศเหมือนย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีได้มั้ง
วันที่จะชมหิ่งห้อยได้สวย เห็นจะเป็นคืนเดือนมืดค่ะ แต่วันที่แป้งไปเนี่ยจำไม่ได้ว่าเดือนมืดรึเปล่า แต่ก็เห็นหิ่งห้อยเยอะน่ะค่ะ เหมือนมีคนนำไฟไปติดไว้ที่ต้นลำภูค่ะ แสงระยิบระยับอย่างพร้อมเพรียงกันค่ะ พยายามเก็บภาพมากฝากแล้ว แต่ไม่เห็นแสงหิ่งห้อย เลยเลิกล้มความตั้งใจ ดูอย่างเดียวดีกว่า จะได้ซึมซับบรรยากาศได้เต็มที่ พอนั่งไปได้ครึ่งทาง นายท้ายเรือบอกให้ดูไปทางซ้ายมือจะเห็นต้นลำภูลักษณะคล้าย ๆ คน น่ากลัวดี (เหมือนมาก ๆ ใครไม่รู้คงนึกว่าเป็น.....ผี) เบ็ดเสร็จนั่งอยู่ในเรือประมาณ 1 ชั่วโมง โดยแป้งและเพื่อน ๆ ขึ้นฝั่งที่บ้านพักเลยค่ะ พี่เจ้าของบ้านบอกว่าให้บอกนายท้ายเรือเลยว่าลงที่บ้าน กุ้งแม่น้ำ เค้าก็มาส่งเองค่ะ
จบทริปวันเสาร์แค่นี้แหละค่ะ เดี๋ยวมีต่อทริปวันอาทิตย์ค่ะ
พี่จุ้ยขา แป้งมองโกโบริและน้องอังสุมาลินไม่เห็นเนี่ยปกติน่ะ เพราะสองคนนั้นเค้าไปรอกันอยู่ที่ทางช้างเผือกแล้วไงค่ะ
แต่แป้งนี่ซิ เพื่อนบอกว่าแป้งไปไหน คืนเดือนมืดแล้วมองไม่เห็นเศร้าจริง ๆ แหมก็แค่ผิวแป้งดันไปกลมกลืนกับคืนเดือนมืดแค่นั้นเอง
ขอบคุณมากสำหรับคุณ Rak-na น่ะค่ะที่เข้ามาอ่าน และก็เห็นด้วยค่ะว่านับวันก็ยิ่งหาหิ่งห้อยดูยากขึ้นทุกที รีบ ๆ ไปดูน่ะค่ะก่อนที่จะไม่มีหิ่งห้อยให้เราดู
และก็ยินดีมากที่ได้มาเล่าสู่กันฟัง ถ้าหากวันหลังแป้งไปเที่ยวจะมาเล่าสู่กันฟังอีก อย่าลืมมาอ่านน่ะค่ะ