ในอดีต ขงจื่อ เคยกล่าวว่า "ถ้าฉันไม่สามารถได้คนปานกลางมาเป็นเพื่อน ฉันอยากได้คนที่หุนหันและขี้อายมาเป็นเพื่อนแทน เพราะคนหุนหันจะพิทักษ์สิทธิของตน ส่วนคนขี้อายจะปล่อยความชั่วไว้ไม่ทำทันที" จากประโยคดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การเลือกคบเพื่อนของขงจื่อ มิได้คบเพื่อเอาเปรียบกัน ถ้าเลือกไม่ได้ก็เลือกคบคนขี้อาย ซึ่งเขาจะไม่กล้าทำชั่วทันที และคนที่หุนหัน ก็จะคิดถึงเรื่องตัวเขาเอง (คือของ ๆ เขาใครก็อย่าไปยุ่ง ส่วนของคนอื่นเขาก็จะไม่ไปยุ่งเกี่ยวเช่นกัน) และไม่คิดเอาเปรียบคนอื่น ............
ถ้าศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงเป็นของชุมชน และต้องดำเนินการให้เกิดให้ได้ ไม่ว่าจะสนองนโยบาย หรือต้องการทำเพื่อให้ชุมชนได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็ตาม หรือเพื่อปกป้องตัวเองจาก นโยบายต่าง ๆ นานา ที่กำลังรุมเร้าของมาถึงชุมชน คงต้องหาแนวร่วมที่ทำตัวเป็นผู้ที่พิทักษ์สิทธิของตนเอง และแนวร่วมที่ขี้อายที่จะทำความชั่วร้ายมาร่วมในคณะทำงานของศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เป็นฐาน ถ้าศูนย์ใดมีผู้คณะทำงานที่ดี ก็ย่อมบังเกิดผลดีแน่นอน กิจกรรมที่เกิดขึ้นก็จะเป็นกิจกรรมที่สนองตอบชุมชนอย่างแท้จริง (อย่าลืมพึ่งตนเองให้ได้ หนึ่งในสี่ ครับ) แล้วชุมชนของท่านจะผ่านพ้นจากวงจรอุบาทว์ได้ (โดยไม่ต้องคิดซับซ้อนให้ปวดหัวเลย) เป็นพื้นฐานสำคัญของชุมชนที่มีหลักคิดว่า จะอยู่รอดได้อย่างไร? เนื่องจากปัจจุบันกระแสความคิดเรื่องปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เป็นกระแสหลักของประเทศไปแล้ว หลายพื้นที่ไม่อยากแต่ก็ต้องทำ โดยที่ไม่เข้าใจความคิดหลัก การหาคนที่มีความรู้และคุณธรรมมาช่วยเหลือก็เป็นได้ยาก ถ้าหาไม่ได้ก็เอาคนแบบไว้ก่อน แล้วว่าระเบียบว่า " ถ้ามีเรื่องสำคัญก็ให้นัดประชุมกันดีที่สุด" ..............นี่คือหลักดำเนินการภายในชุมชนที่ควรจะกระทำครับ
ไม่มีความเห็น