ขณะทื่กำลังพิมพ์บันทึกนี้ กำลังนั่งอยู่ใน ห้องสัมมนา ที่ Learning Resort สถาบันนวัตกรรมอุดมศึกษา ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พัทยา ในช่วงของเกม Cash Flow รอบสอง
เป็นครั้งแรกหลังจากที่พวกเราเหล่าคุณอำนวย ที่เป็น Super FA นำเอาวิชาที่ร่ำเรียนมาหลาย เรื่อง มาถ่ายทอดต่อให้กับ คุณอำนวยท่านอื่นๆ ที่มาจากหลากหลายบริษัท พวกเราใช้เวลาเตรียมการสำหรับงานนี้ และตั้งใจที่จะทำให้ดีที่สุด จึงทำให้งานนี้เกิดขึ้นมาได้
สิ่งที่ได้รับจากการทำงานนี้ คิดว่าทำให้เรารู้จักคนมากขึ้น บริหารงานที่ต้องให้คนอื่นมาช่วยทำงานโดยที่เขาเหล่านั้นไม่ใช่ลูกน้องของเราเลย คิดว่าอานิสงฆ์ที่ได้คงมาจากการที่ทีมงานมีโอกาสไปเข้าค่ายใหญ่ ผ่านการอบรมมาหลายรูปแบบ หล่อหลอมให้มีความคิดออกมาเจ้าเบ้าหลอมเดียวกัน ประกอบกับทิศทางของธุรกิจ และผู้ใหญ่ที่ให้การสนับสนุนระดับหนึ่ง จึงสามารถผลักดันงานนี้ออกมาได้
ช่วงเช้ากิจกรรมที่เป็นเรื่องเด่น ก็คงจะเป็น สุนทรียสนทนาแบบ ให้รู้จักว่าการนั่งคุยกันในบรรยากาศสบายๆ แต่เป็นการคุยเรื่องส่วนตัวที่ปกติไม่มีโอกาสคุยในที่ทำงาน หรือไม่เคยเปิดเผยให้คนที่ไม่สนิทฟัง แต่วันนี้ มีการให้จับคู่กันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิง ขณะคุยต้องจับมือกันด้วย ซึ่งบางคู่ก็เคยรู้จักกันมาบ้าง บางคู่ก็เพิ่งมาพบกันวันนี้ แต่ได้รับโจทย์ให้ต้องมาผลัดกันเล่าชีวิตตั้งแต่วัยเด็ก จากนั้นจึงมารวมกลุ่มใหญ่ โดยสุ่มคนให้เล่าเรื่องที่ได้ฟังมา
จากการนั่งสังเกตการณ์ ก็พบว่า
บังเอิญมีพี่ กจก.บริษัทหนึ่งในกลุ่มธุรกิจ มานั่งสังเกตอยู่หลังห้อง พี่เขาบอกว่า การที่เปิดโอกาสให้พูดคุยเรื่องส่วนตัวลึกๆ และเจ้าของเรื่องกล้าเล่าเรื่องส่วนตัว แสดงว่ามีความไว้วางใจในกลุ่มเพื่อนนี้ระดับหนึ่ง ทำให้กล้าเล่าเรื่องที่เพื่อนไม่เคยรู้มาก่อน เช่น บางคนเคยติดยาเสพติด บางคนเคยสอบตก ทำตัวเละเทะ บางคนครอบครัวยากจน พ่อแม่ การศึกษาน้อย บางคนมาจากครอบครัวแตกแยก แต่หลายคนก็กล้าเล่าให้ฟังเพื่อเป็นข้อคิดการใช้ชีวิตให้กับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในห้องสัมมนา ถ้าหากในที่ทำงาน เจ้านายกับลูกน้องมีโอกาสพูดคุยเรื่องส่วนตัวแบบนี้บ้างก็น่าจะดี เพราะคงทำให้รู้จักกันดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ให้ดียิ่งขึ้นและ เกิดความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
ในวันที่สอง มีคนตั้งชื่อกิจกรรม สุนทรียสนทนา ที่ทำไปแล้ว ว่า " จับมือ สื่อสายตา (เ)ล่าความหลัง" ชอบชื่อนี้จริงๆ