หนูไม่เกี่ยว : เรื่องเล่าจากบ้านผู้หว่าน
ผมได้ความคิดนี้ตอนเข้าห้องน้ำเช้ามืดวันนี้ ใจมันคิดทบทวนเหตุการณ์ที่บ้านผู้หว่านในช่วงวันเสาร์ - อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมสังเกตว่าใจผมมันคล้าย ๆ เครื่องฉายหนัง มันชอบกรอหนังกลับเอามาดูซ้ำอยู่เสมอ และผมขอบคุณใจของผมที่ฉายเหตุการณ์ตอนจะเริ่มต้นกิจกรรม AAR ให้ผมได้ตกผลึกหลักการ และคำอธิบายพฤติกรรมที่สำคัญยิ่งต่อกิจกรรม KM ในองค์กร
พอจะทำ AAR ผมก็เดินไปบอก 3 สาวที่เป็นเจ้าหน้าที่สนับสนุนของ พอช. ที่มาจัดทำเอกสาร ดูแลเรื่องธุรการต่าง ๆ ของการประชุม ว่าให้มาเข้าวง AAR ด้วย ทั้ง 3 คนทำรี ๆ รอ ๆ จนผมต้องเดินไปบอกอีกหนก็ยังรี ๆ รอ ๆ คล้าย ๆ จะบอกว่า "หนูไม่เกี่ยว" เพราะการประชุมนี้ผู้มาร่วมคือผู้บริหาร แต่พวกหนูเป็นเจ้าหน้าที่ตัวเล็ก ๆ จนผมต้องประกาศกลางวงด้วยไมโครโฟนว่าทุกคนที่มาขอให้มาเข้าวงทุกคน ซึ่งตอนนั้นเราจัดที่นั่งใหม่แล้ว ให้นั่งเรียงตั้งแต่อายุน้อยไปจนถึงอาวุโสสูงสุด สามสาวนี้จึงนั่งที่เก้าอี้ 3 ตัวแรกของวง (ดูรูป) และร่วมทำ AAR ด้วย
๓ สาวทางซ้ายมือ คือ ครูของผม ทำให้เกิดเรื่องเล่านี้
คุณพิชัย รัตนพล ประธานคณะกรรมการ พอช. กำลัง AAR
ผมลืมอธิบายต่อที่ประชุมว่านี่คือเทคนิคการสร้าง "การมีส่วนร่วม" แบบไม่เป็นทางการของพนักงานทุกคน คือจะไม่มีการคิดหรือกระทำว่างานนี้เป็นของหน่วยนั้นเราไม่เกี่ยว งานนี้เป็นเรื่องของผู้บริหาร เราไม่ใช่ผู้บริหารไม่เกี่ยว 3 สาวนี้เกี่ยวข้องกับการสัมมนาเพราะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการสัมมนา แม้จะไม่ใช่ฐานะ "ผู้แสดงหลัก" แต่ก็มาในฐานะ "ผู้สนับสนุน"
ในการทำ AAR ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับงานหรือกิจกรรมจะให้ความเห็นและมุมมองตามจุดยืนหรือบทบาทของตน
เมื่อทำเช่นนี้จนเป็นวัฒนธรรมองค์กร ก็จะเปลี่ยนจาก "หนูไม่เกี่ยว" เป็น "หนูมีส่วนร่วม" "หนูมีความเห็นอย่างนี้" "หนูตีความว่าอย่างนี้"
ผลก็คือทุกคนจะเห็นและเข้าใจงานในภาพรวมขององค์กร เห็นความเชื่อมโยงระหว่างภารกิจหลักของตน กับภารกิจหลักของเพื่อนร่วมงาน โยงกับเป้าหมายหลักขององค์กร
นี่คือประโยชน์ของ AAR
ต้องถือปฏิบัติว่าต้องให้ทุกคนที่มีส่วนร่วมในกิจกรรมร่วมทำ AAR
เป็นวิธีปฏิบัติที่ทำให้คนซึมซับการคิดแบบเชื่อมโยงโดยไม่รู้ตัว เป็นรูปธรรมของการฝึก Systems Thinking นั่นเอง
วิจารณ์ พานิช
16 ม.ค.49
ดูๆแล้วๆน้องๆทั้ง 3 คน คงจะเครียดมิใช่น้อยในตอนแรกๆ อยากทราบว่าหลังจากได้ AAR แล้ว น้องๆมีความคิดเห็นอย่างไร ช่วยเล่าให้ฟังได้ไหมค่ะ