ขึ้นเงินเดือนข้าราชการ


ขึ้นเงินเดือน
ขึ้นเงินเดือนขรก.ดึงงบ1.7หมื่นล้านรองรับ
6 มิถุนายน 2550 01:15 น.
ครม.เอาใจข้าราชการปรับเงินเดือนเพิ่ม 4% ตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ ดึงเงินงบประมาณรองรับ 1.7 หมื่นล้านบาท เตรียมแผนระยะยาวปรับโครงสร้างใหม่แก้ความเหลื่อมล้ำ มองช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อีกทาง ไฟเขียวกรอบงบประมาณปี 51 เพิ่มรายจ่าย 2.5 หมื่นล้านบาท
 ร.อ.น.พ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติเห็นชอบปรับค่าตอบแทนภาคราชการ โดยในระยะเร่งด่วนให้ปรับเพิ่มเงินเดือน 4% เท่ากันทุกตำแหน่ง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2550 และยังมีการปรับอัตราเงินเดือนขั้นสูงและขั้นต่ำของผู้มีสิทธิได้รับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว ซึ่งจะมีผลให้รายได้ขั้นสูงปรับเพิ่มเป็น 1.1 หมื่นบาท และรายได้ขั้นต่ำปรับเพิ่มเป็น 7,700 บาท นอกจากนี้ ยังปรับเพิ่มเงินช่วยเหลือการครองชีพข้าราชการบำนาญ ในอัตรา 4% เช่นเดียวกัน โดยการปรับเงินเดือนครั้งนี้จะใช้เงินงบประมาณจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท  ส่วนการปรับค่าตอบแทนในระยะยาว เห็นควรให้พิจารณาปรับโครงสร้างค่าตอบแทนภาคราชการ เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำของค่าตอบแทนข้างราชการประเภทต่างๆ โดยกำหนดอัตราเงินเดือนให้แตกต่างกันตามลักษณะงาน และระดับตำแหน่งอย่างเหมาะสม  เป็นธรรม รวมทั้งปรับอัตราเงินเดือนข้าราชการให้ใกล้เคียงกับอัตราเงินเดือนภาคเอกชนในตลาดแรงงาน ซึ่งจะมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ไปศึกษาเรื่องนี้เป็นการเฉพาะต่อไป  ทั้งนี้ สาเหตุการปรับค่าตอบแทนภาคราชการในครั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เนื่องจากการปรับค่าตอบแทนที่ปรับเพิ่ม 3% ในปี 2547 และ 5% ในปี 2548 ไม่เพียงพอกับการเปลี่ยนแปลงค่าครองชีพที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง และปัญหาเงินเดือนข้าราชการที่ต่ำกว่าภาคเอกชน มีผลให้การเคลื่อนย้ายกำลังคนจากราชการไปสู่เอกชน และผู้ที่มีความรู้ความสามารถสูงไม่สนใจรับราชการ  นอกจากนี้ ในการประชุม ครม.ยังเห็นชอบโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนดตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอด้วย โดยรัฐบาลมีนโยบายปรับขนาดกำลังคนภาครัฐให้มีขนาดและโครงสร้างที่เหมาะสม และกระทรวงกลาโหมมีปัญหาเรื่องขนาดกำลังคนมีความไม่สมดุล กล่าวคือ กำลังพลกลุ่มผู้บริหารมีเกินอัตรา และกลุ่มผู้ปฏิบัติไม่เพียงพอ ประกอบกับงบประมาณด้านบุคลากรของกระทรวงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น จึงเห็นควรให้มีโครงการนี้ขึ้น  ส่วนคุณสมบัติของผู้ที่จะเข้าร่วมโครงการมีดังนี้ 1.เป็นข้าราชการทหารอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีเวลาราชการสำหรับคำนวณบำเหน็จบำนาญครบ 30 ปีขึ้นไป  (ไม่รวมเวลาราชการทวีคูณ) 2.มีเวลาราชการเหลือไม่น้อยกว่า 1 ปี 3.ไม่อยู่ระหว่างถูกพักราชการ  ถูกสอบสวน หรือพิจารณาโทษทางวินัย 4.ไม่อยู่ระหว่างต้องออกจากราชการ 5 ไม่เป็นผู้ปฏิบัติราชการ ชดใช้ทุนตามสัญญา 6.ไม่เป็นกำลังพลซึ่งอยู่ในงานและสาขาวิชาชีพขาดแคลน  โดยมีกลุ่มเป้าหมาย 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มผู้ดำรงตำแหน่งประจำหน่วย  ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ชั้นยศพันเอก/นาวาเอก/นาวาอากาศเอก-พลเอก/พลเรือเอก/พลอากาศเอก  2.กลุ่มกำลังพลในอัตราหลักชั้นยศพันเอก/นาวาเอก/นาวาอากาศเอก พลเอก/พลเรือเอก/พลอากาศเอก  ซึ่งสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับคือ เงินก้อน ให้ได้รับ 8-20 เท่าของเงินเดือนเดือนสุดท้าย รวมเงินประจำตำแหน่ง แต่ไม่รวมเงิน หรือค่าตอบแทนพิเศษอื่นๆ และได้รับสิทธิพิเศษอื่นๆ ตามที่รัฐบาลกำหนดให้  ทั้งนี้ ได้ขอให้สำนักงบประมาณ อนุมัติเงินเพื่อจ่ายเป็นสิทธิประโยชน์จูงใจ  (เงินก้อน) แก่ผู้เข้าร่วมโครงการปีละ 230.15 ล้านบาทสำหรับข้าราชการจำนวน 513 นาย ต่อเนื่องเป็นเวลา 5 ปี โดยจะประหยัดงบประมาณประเภทบุคลากรในระยะยาวได้เพิ่มขึ้นปีละ 69.13 ล้านบาท หลังผ่านจุดคุ้มทุนในเวลา 3 ปี 4 เดือน  ด้าน นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์  รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้ปรับปรุงงบประมาณปี 2551 ให้มีงบประมาณรายจ่ายเพิ่มขึ้นอีก 2.5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่าย 3 ประเภทคือ ค่าใช้จ่ายเพื่อการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการจำนวน 1.7 หมื่นล้านบาท ค่าใช้จ่ายเพื่อยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขระดับจังหวัดเพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท จากเดิมที่มีอยู่ 1 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงอีก 3,000 ล้านบาท  "การปรับเงินเดือนข้าราชการจะปรับเพิ่มให้แก่ข้าราชการทุกประเภทเป็นจำนวน 4% มีผลตั้งแต่เดือนตุลาคมปีนี้ ซึ่งการปรับเพิ่มเงินเดือนดังกล่าว เพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในภาวะที่ภาคเอกชนยังไม่พร้อมใช้จ่าย โดยอัตราเงินเดือนที่เพิ่มในอัตรา 4% นี้ น้อยกว่าการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการครั้งล่าสุดเมื่อปีงบประมาณ 2548 ที่ปรับขึ้น 5% เนื่องจากรัฐบาลมีวงเงินจำกัดแม้ว่าจะต้องการปรับเพิ่มให้มากกว่า 4% ก็ตาม" นายโฆสิต กล่าว  ทั้งนี้ การปรับเพิ่มรายจ่ายของรัฐบาลดังกล่าวทำให้มีรายจ่ายเพื่อฐานรากรวมในงบประมาณใหม่ รวมทั้งสิ้น 1.8 หมื่นล้านบาท คืองบที่ใช้เพื่อดำเนินยุทธศาสตร์อยู่ดีมีสุขจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท และค่าใช้จ่ายเพื่อพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนอีก 3,000 ล้านบาท  ขณะที่ ดร.ฉลองภพ สุสังกร์กาญจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า งบประมาณรายจ่ายปี 2551 ที่ครม.พิจารณาอนุมัติ 1.66 ล้านล้านบาท เป็นการขาดดุล 1.65  แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดิมในระดับ 1.2 แสนล้านบาท เนื่องจากคาดการณ์ว่าในด้านรายรับจะลดลงจากประมาณการ 2 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 1.495 ล้านล้านบาท โดยงบรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น 2.5 หมื่นล้านบาท เป็นการเพิ่มเม็ดเงินใช้เงินของข้าราชการ และยังเป็นการอัดฉีดเงินลงไปสู่เศรษฐกิจฐานรากอย่างแท้จริงด้วย ซึ่งน่าจะมีผลในการกระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศ  ด้าน ดร.โชติชัย สุวรรณาภรณ์ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 จำนวน 1.66 ล้านล้านบาท  แบ่งเป็นรายจ่ายประจำจำนวน 1,214,056.1 ล้านบาท คิดเป็น 73.1% ของวงเงินงบประมาณ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีสัดส่วน 72.5% งบประมาณรายจ่ายลงทุนจำนวน 400,168 ล้านบาท คิดเป็น 24.1% ของวงเงินงบประมาณใกล้เคียงกับงบปี 2550 ที่มีสัดส่วน 24% และที่เหลือเป็นรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้จำนวน 45,775.9 ล้านบาท คิดเป็น 2.8% ของวงเงินงบประมาณลดลงจากงบประมาณปี 2551 ที่เป็นสัดส่วน 3.5% ของวงเงินทั้งหมด  ดร.โชติชัย  กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า หากจัดสรรงบประมาณตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณปี 2551 จะแบ่งเป็นงบที่ใช้เพื่อยุทธศาสตร์การส่งเสริมให้ประชาชนมีสุขภาพดี่ มีคุณธรรม 33.9% ยุทธศาสตร์แก้ไขความยากจนและลดช่องว่างรายได้ 3.6% ยุทธศาสตร์เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน 11% ยุทธศาสตร์การดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 3.1% ยุทธศาสตร์การพัฒนาการเมืองและบริหารจัดการรัฐ 24.7% ยุทธศาสตร์ความมั่นคงของชาติและความสงบสุขของสังคม 13.2% และการจัดการหนี้ภาครัฐอีก 10.5%  นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.มีมติให้จัดสรรวงเงินงบประมาณนอกกรอบวงเงินเพิ่มจำนวน 7,450 ล้านบาท ในส่วนของราชการ รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานอื่นของรัฐ  เช่น ค่าใช้จ่ายในการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน การสร้างระบบป้องกันน้ำท่วม และเงินเพิ่มทุนรัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน โดยวงเงินดังกล่าวปรับจากงบกลางในส่วนของรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นจำนวน 7,450.1 ล้านบาท
 

ที่มา คมชัดลึก
 
คำสำคัญ (Tags): #ขึ้นเงินเดือน
หมายเลขบันทึก: 123970เขียนเมื่อ 1 กันยายน 2007 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 11:19 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เสนอข่าวด่วนทันใด ที่เป็นจุดสนใจของข้าราชการ ขอบคุณครับครูต๋อย

ขอบคุณสำหรับความรู้ข่าวสารใหม่

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท