คุณถาวร คงแก้ว จ่าจังหวัด
เมื่อปี 48 แนวคิดจัดทำแผนมาจากลุงยงค์และผู้ว่าฯ คือให้นำร่องก่อนเพื่อให้เห็นผลสำเร็จ จัดทำแบบเรียนสำเร็จรูปก่อนแล้วค่อยขยายผล นำร่องแผนชุมชน (ข้อมูล)400 หมู่บ้าน ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เมื่อก่อนก้มีการจัดเก็บแต่เก็บแบบหลาหลายข้อมูลของแต่ละหน่วยงานราชการที่จัดเก็บไว้จะแตกต่างกัน เพราะไปเก็บมาจากบางที่เขาก็ให้คำตอบแบบสุ่ม ๆ เพราะคิดว่าคงไม่สำคัยอะไรเป็นต้น ซึ่งโครงการที่ได้ทำมานี้จะมีการออกแบบรูปแบบการจัดเก็บอย่างชัดเจน 1) มีการฝึกอบรมแกนนำหมู่บ้านละ 8 คน ซึ่งจะเป็นผู้นำในชุมชน เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. และอีกส่วนจะเป็นผู้นำตามะรมชาติ (ซึ่งหนูKM ได้ฟังข้อคิดเห็นของลุงยงค์ว่าให้เราเน้นที่ผู้นำตามธรรมชาติเพราะผู้นำโดยตำแหน่งเขาจะอยู่เป็นวาระเมื่อหมดวาระแล้วเขาไม่ได้รับเลือกต่อก็จะเข้ามาทำลายในสิ่งที่เขาทำไปแล้ว ตัวอย่างง่าย ๆ ที่เห็นได้ชัดเหมือนกับที่กระจายข่าวเอาไปไว้บ้านกำนันเมื่อกำนันคนนี้หมดวาระก็ไม่มีใครกล้าไปใช้ ปล่อยไว้ให้ขึ้นสนิม จะสร้างขึ้นมาใหม่ก็ไม่มีงบประมาณเป็นต้น นี่ก็ถือว่าเป็นปัญหาอย่างหนึ่งในการทำงานแบบมีวาระนะคะ) 2) การคัดเลือกหมู่บ้านเราจะทำทั้งจังหวัดให้ครอบคลุมทุกตำบล
แกนนำ 3,200 คน ให้ทำข้อมูล 3 อาทิตย์ (1 คนต่อ 15 ครัวเรือน) และให้นำข้อมูลมาสรุปตามแบบสรุปข้อมูลที่ลุงยงคืออกแบบไว้ และในวันที่ 7-8 กพ. ก็จะมีเวทีสรุปแบบเรียนสำเร็จรูป เพื่อแปลงเป็นแผนชุมชนก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป
โครงการ 400 หมู่บ้านนี้จะกรั่นกรองคนออกเป็น 4 ระดับ 1)ยากจน 2)พออยู่พอกิน 3)อยู่ดีกินดี 4)มั่งมีศรีสุข
เล่ารายละเอียดต่าง ๆ พอจะเห็นภาพกันแล้วนะคะอย่างที่ได้แจ้งแล้วในตอนต้นว่าการหารือวันนี้เพื่อที่จะหาแนวทางการดำเนินงานร่วมกันในอนาคตเรื่องของการทำงานแบบบูรณาการได้ข้อสรุปที่หน^KM บันทึกไว้ ดังนี้คะ
เราจะทำงานร่วมกันแบบบูรณาการภายใต้ชื่อ “จัดการความรู้แก้จนเมืองนครศรีธรรมราช” โดยมีท่านผู้ว่าเป็นประธาน มีลุงยงค์ รณรงค์ และพี่ภีมเป็นที่ปรึกษา (อย่างไม่เป็นทางการนะคะ) มีคุณเอื้อระดับจังหวัด คุณอำนวยระดับอำเภอ(ซึ่งจำเป็นมาก) และจะดึงเอาสถาบันการศึกษาทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราชมาเข้าร่วมด้วย โดยหลังจากเสร็เวทีหารือวันนี้ก็มีการบ้าน 3 ข้อ ที่จะต้องดำเนินการกันต่อไป
1) ตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่ “จัดการความรู้แก้จนเมืองนครศรีธรรมราช” (เกริ่นกันในทีม คณบดีผอ.ศูนย์บริการวิชาการ ก็จะนั่งเป็นคณะกรรมการชุดใหญ่ด้วยคะ โดยทีมหน่วยจัดการความรู้จะเป็นทีมวิทยากร)
2) ทีมสนับสนุนทางวิชาการด้านการศึกษา สถาบันการศึกษาเมืองนครศรีฯ
3) คณะทำงานสนับสนุนการปฏิบัติของภาคประชาชนระดับอำเภอ (คุณอำนวย 23 อำเภอ)
หลังจากทำการบ้านตามหัวข้อดังกล่าวแล้วเวทีแรกก็จะเป็นเวทีของคุณเอื้อระดับจังหวัดที่จะมาทำความเข้าใจและร่วมหารือกันต่อไป
ส่วนข้อหารือต่อไปโครงการบูรณาการ 3 ตำบล เอาข้อสรุปเลยนะคะก็จะดำเนินการทั้ง 3 ตำบล ลงลึกไปเรื่อย ๆ จะไม่ทิ้ง ไม่ให้ชาวบ้านว่าได้ว่าทำแบบไฟไหม้ฟางโดยจะเชื่อมโยงงบประมาณจากโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนครศรีธรรมราช โดยวันที่ 18 ม.ค.นี้จะมีการถอดบทเรียนโดยทีมตัวแทนจาก 3 ตำบลจะเข้าร่วมด้วย
ท่านผู้ว่าได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่าเป้าหมายจริง ๆ ที่เราทำเรื่อง 3 ตำบลนี้ก็เพื่อที่จะให้เห็นผลของการทำงานเป็นทีม (หน่วยงานราชการ) และผลประโยชน์ตกไปที่ชาวบ้าน และท่านตั้งเป้าไว้ว่าสิ้นปี 49 นี้โครงการที่ดำเนินการเรื่องการจัดการความรู้และการทำงานแบบบูรณาการน่าจะเห็นผลชัดเจนมากขึ้นและสามารถมีข้อมูล หลักฐานที่สามารถนำมาเล่าให้เพื่อนฟังได้บ้าง (ซึ่งวันก่อนหลวมตัวไปแล้วในเวทีมหกรรมจัดการความรู้แห่งชาติครั้งที่ 2 ที่มิราเคิล) ท่านผู้ว่ากล่าว
ก่อนท่านผู้ว่าจะปิดประชุมลุงยงค์ รณรงค์ ก็ได้ให้ข้อคิด
มีปัญหาอะไรอย่าไปโทษคนอื่นเขาให้โทษที่ตัวเรา แล้วเราก็มานั่งวิเคราะห์ตัวเองก่อนว่าทำไมถึงเกิดปัยหานั้น เช่น ไปเป็นวิทยากรอธิบายแล้วเขาไม่เข้าใจก็ต้องมานั่งวิเคราะห์ที่เขาไม่เข้าใจเพราะเราหาวิธีการที่นำเสนอแล้วฟังอยากหรือเปล่าเราก็ต้องหาความรู้เพิ่มเติมพัมนาที่ตัวเราก่อน ฉะนั้นหาก “มีปัญหาวิเคราะห์ตัวเองก่อน”
อีกข้อคิดหนึ่งที่หนู KM รู้สึกประทับใจเป็นที่สุดคือ
“เราต้องสนุกกับการทำงาน”
จะได้ทำงานอย่างมีพลัง
(ยึดหลักนี้มานานและวคะลุงยงค์พูดตรงใจจริง)
ไม่มีความเห็น