หลังจากช่วงสามสี่วันที่ผ่านมาดิฉัน...ผ่านการทำงาน(ภายใน)อย่างหนัก... เหน็ดเหนื่อย อาศัยคำสอนของครูบาอาจารย์ที่ท่านให้สติว่า “อดทนและเพียร”... ตลอดรวมถึงแบบอย่างแห่งการต่อสู้ของครูบาอาจารย์ ทำให้สามารถผ่านพ้น... แบบทดสอบมาได้อีกครั้ง อย่างสาหัสสากรรณ์... ยกนี้ของชีวิต ดิฉันถือว่า ... เป็นมวยที่ชนะเกือบแบบแพ้น๊อค... หมายถึง ตัวเองนั้นเกือบแพ้แล้ว... อาศัยครูผู้เป็นโค้ช ที่ท่านไม่ยอมให้แพ้...
.....
อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก หรืออาจเข้าใจได้ง่าย แต่...เมื่อใครที่ยอมถอดและถอนความเป็นทุกสิ่งกระโดดเข้าร่วมสนามรบ ... แห่งจิตใจนี้ ย่อมจะต้องมีประสบการณ์ที่แทบเอาชีวิตไม่รอด แต่ก็ถอยไม่ได้ ยอมแพ้ก็ไม่ได้ ... หากยอมก็ต้องยอมไปอีกกี่กัปกี่กัลป์...ไม่อาจรู้ได้
ประสบการณ์ทาง “ธรรมะ”ชาติ ครั้งนี้... ถูกจู่โจมอย่างกระหน่ำหนัก
มือที่แข็งแรง... จิตวิญญาณที่มุ่งมั่นแน่วแน่... และความเมตตาของครูบาอาจารย์... ต่างช่วยให้ผ่านศึกรบหรือเวทีการต่อสู้ครั้งนี้มาได้ แบบสะบักสะบอมพอสมควร...
“สติ”... อีกครั้ง และเพียรทุกลมหายใจ
เพื่อเตรียม...ศึกครั้งต่อไปอีกครั้ง...
โตขึ้นและแกร่งขึ้น... อีกก้าวบนเส้นทางนี้
สวัสดีครับ
สวัสดีค่ะ...
กะปุ๋มไปอ่านเจองานเขียนของคุณวิจักษณ์ (บุตรชายท่าน อ.หมอวิจารย์) เขียนไว้ว่า
กำลังฝึกตนเองเหมือนกัน เพื่อศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้า และเผอิญ มีกัลยาณมิตรทางnet เลยรู้สึกดี และทำให้การปฎิบัติก้าวหน้าพอสมควรค่ะ แลกเปลี่ยนกันได้ค่ะ
กำลังฝึกตน เพื่อศึกษาธรรมของพระพุทธเจ้า โดยมีกัลยาณมิตรพี่เลี้ยงทางnet รู้สึกว่าปฎิบัติก้าวหน้าขึ้น แลกเปลี่ยกันได้ค่ะ
สวัสดีค่ะ...คุณ
ตามเส้นทาง...การปฏิบัติหากมีกัลยาณมิตร...ร่วมเดินทางกันไปนี่..ถือว่าเป็น...สิ่งที่ดียิ่งมากเลยนะคะ...ได้แวะเข้าไปอ่านใน Blog ของคุณตันติราพันธ์ด้วยค่ะ...
ขอนุโมทนา...สาธุต่อการปฏิบัติสิ่งที่ดีงามนี้ด้วยค่ะ
(^____^)
กะปุ๋ม
สวัสดีจ้า
อาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นช่วงที่แย่มากๆเพราะกระแสที่ถูกเข้าใจผิดในสิ่งที่พี่ไม่ได้ทำพอดีคิดถึงหนังสือเล่มหนึ่งที่เคยอ่านนานมากแล้ว
เรื่องอยู่กับคน....สุนัขตัวหนึ่งนอนอย่ข้างถนนอาบแดดยามเช้าทันใดมันก็พรวดพราดลุกขึ้นหยัดยยืน4เท้าหันซ้ายหันขวาไม่มีใครหรืออะไรอยู่ใกล้ๆตัวมันแม้สักสิ่งประเดี๋ยวมันก็ยืดคอเห่าเสียงดังกระดิกหางไปมาแล้วก็ล้มตัวลงนอนขดดังเดิม ในหมู่คนหลากหลายคงมีสักคราวที่เราถูกคนใจแคบเรี้ยวกราดใส่โดยไม่มีเหตูผลหรือเราอาจโดนใครสักคนจ้องเหยียบย่ำเราทุกวิถีทางเล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเราให้คนอื่นฟังพร้อมทั้งตอกไข่ใส่สีแพรวพราว....... ไม่มีอะไรแม้สักสิ่งสุนัขก็เห่าได้......ไม่มีอะไรสมเหตุสมผลคนพาลก็หยิบยกทำให้เป็บเรื่องเป็นราววุ่นวายได้ พระพุทธเจ้า
ตรัสว่าอย่าหวั่นไหวเสียใจกับการกลั่นแกล้งหรือคำโจมตีเสียดสีมิฉะนั้นเราจะสะเทือนใจไม่จบสิ้นเลิกกังวลกับคนอื่นแล้วความสดชื่นจะเป็นของเรา
...เราจักอดทนต่อคำส่อเสียด เสียดสีของคนอื่น เหมือนพญาคชสารในสนามรบ ทนลูกศรที่ปล่อยออกไปจากคันธนูเพราะว่าคนโดยมากทุศีล..(พุทธวจนะ)
เกือบถูกน้อคเหมือนน้องปุ่มพอดีมีระฆังช่วยเลยดึงตัวเองขึ้นมาได้
พี่นิดคะ...
ระดับการรู้...มีสามระดับค่ะ..
รู้ตาม
รู้ทัน
รู้เท่าค่ะ...
....
การพัฒนาจิตนั้น...เพียรทำความละเอียดแห่งจิต..เพื่อ รู้ให้ "เท่า"... ในสิ่งที่เกิด ณ ขณะนั้นค่ะ...
หรืออย่างแย่ที่สุด...ขอเพียงให้เกิด "การรู้ตาม"... ในสิ่งที่เกิดแห่งสภาวะภายในของจิต...นี่ก็ถือว่า...ดีค่ะ เดี๋ยว "จิต" เขาจะค่อยๆ พัฒนา... ขึ้นไปเรื่อยๆ ค่ะ
....
ทุกเรื่องราวเป็นเพียง...ป้ายข้างทางที่บอกให้เราผ่านไปให้ได้ค่ะ ชีวิตเรายังเหลืออีกหลายป้ายที่ต้องผ่านไปให้ได้ค่ะ
(^______^)
กะปุ๋ม