ประมวลประเด็นข้อร้องเรียนจากผู้ปกครองและข้อสังเกตของ สตง.
เกี่ยวกับการรับเงินระดมทรัพยากรของโรงเรียน
ประเด็นปัญหาการร้องเรียนจากผู้ปกครอง รวมทั้งข้อทักท้วงของ สตง. ที่พบลักษณะเดียวกัน
ในหลายโรงเรียน มีดังนี้
๑. โรงเรียนเก็บเงินระดมทรัพยากรในโครงการจัดห้องเรียนพิเศษ ซึ่งมีวัตถุประสงค์
ในการจัดหาอุปกรณ์ครุภัณฑ์ และปรับปรุงห้องเรียน แต่โรงเรียนดำเนินการจัดหาอุปกรณ์และ
ปรับปรุงห้องล่าช้า ทำให้นักเรียนได้ใช้บริการล่าช้าไปด้วย
๒. ผู้ปกครองของนักเรียนในโครงการพิเศษ ต้องการเข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดการให้
โครงการบรรลุวัตถุประสงค์ แต่โรงเรียนไม่เปิดโอกาสให้
๓. ไม่นำเงินที่ได้รับตามโครงการระดม ฯ ไปใช้จ่ายตามที่ระบุวัตถุประสงค์ในโครงการ๔. โรงเรียนบันทึกบัญชีรับเงินที่ได้รับตามโครงการระดม ฯ เป็นเงินรายได้สถานศึกษา
แต่ไม่ได้ควบคุมยอดเงินแต่ละโครงการ ทำให้ผู้ปกครองเข้าใจว่าเงินที่เก็บตามโครงการแต่ละโครง
การ มีการนำไปใช้จ่ายเพื่อการอื่นด้วย ซึ่งผู้ปกครองเห็นว่าไม่เป็นธรรม
๕. ผู้ปกครองเห็นว่า อัตราการเก็บเงินระดม ฯ เพื่อดำเนินโครงการพิเศษสูงเกินไป๖. โรงเรียนอาศัยชื่อสมาคมผู้ปกครองและครู เก็บเงินระดม ฯ โดยเงินที่ได้รับไม่ได้นำเข้า
บัญชีการเงินของสมาคม ฯ และไม่นำเข้าบัญชีการเงินของโรงเรียน
๗. ออกใบเสร็จรับเงินของโรงเรียนเป็นรายการค่าสมาชิก / ค่าบำรุงสมาคมผู้ปกครองและ
ครู รวมกับรายการเงินระดมทรัพยากรอื่น ๆ ของโรงเรียน และออกหนังสือโรงเรียนแจ้งผู้ปกครอง
ให้นำเงินระดม ฯ มาชำระแก่สมาคม ฯ
๘. โครงการระดม ฯ มีกิจกรรมที่ไม่เข้าลักษณะของหลักเกณฑ์ในการระดมทรัพยากร เช่น
ค่าจัดงานราตรีประจำปี และบังคับเก็บจากนักเรียนทุกคน
๙. ไม่นำเสนอโครงการระดมทรัพยากร เสนอขอความเห็นชอบต่อคณะกรรมการสถานศึกษา
ขั้นพื้นฐาน
ข้อเสนอแนะ
๑. เงินระดมทรัพยากรถือเป็นรายได้สถานศึกษาตามระเบียบสำนักงานคณะกรรมการการ
ศึกษาขั้นพื้นฐาน ว่าด้วยการบริหารจัดการเกี่ยวกับเงินรายได้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานที่เป็นนิติบุคคล
ในสังกัดเขตพื้นที่การศึกษา พ.ศ.๒๕๔๙ ดังนั้น เงินที่ได้รับจากการระดมทรัพยากร จึงต้องบันทึก
บัญชีเป็นเงินรายได้สถานศึกษา แต่เนื่องจากโรงเรียนจะต้องใช้จ่ายเงินดังกล่าวให้เป็นไปตาม
(เอกสารในการประชุมสัมมนาการรับนักเรียน ปีการศึกษา ๒๕๕๐ และการกระจายอำนาจการบริหารจัดการศึกษา
ระหว่างวันที่ ๑๘-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๐ ณ โรงแรม เอส.ดี อเวนิว กรุงเทพมหานคร)
-๒-
วัตถุประสงค์ของโครงการ และต้องรายงานผลการดำเนินงานให้คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
ผู้ปกครอง และปิดประกาศตามหลักเกณฑ์ที่ สพฐ. กำหนด โรงเรียนจึงควรจัดทำทะเบียนย่อย เพื่อควบคุมรายการรับ-จ่ายเงินแต่ละโครงการ ทั้งนี้ เพื่อให้มีข้อมูลในการจัดทำรายงานดังกล่าวอย่างเป็น
ระบบ
๒. การบริหารจัดการเกี่ยวกับการจัดห้องเรียนพิเศษ โรงเรียนอาจมีปัญหาข้อจำกัดที่ทำให้จัดหาอุปกรณ์ครุภัณฑ์หรือปรับปรุงห้องล่าช้า เนื่องจากต้องเสียเวลาในการกำหนด
spec ของ
ครุภัณฑ์ รวมทั้งกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง ประกอบกับเงินที่เก็บในภาคเรียนแรกไม่เพียงพอที่จะ
จัดหาได้ทั้งหมดตามโครงการ เพราะแบ่งเก็บเป็นหลายภาคเรียน ดังนั้น การจัดทำโครงการใน
ลักษณะดังกล่าว จึงควรเตรียมความพร้อมของโครงการก่อน โดยเฉพาะด้าน spec ของอุปกรณ์
ครุภัณฑ์ สำหรับข้อจำกัดด้านงบประมาณในการจัดหาอุปกรณ์ไม่เพียงพอในภาคแรกนั้น เพื่อ
ประโยชน์ในการจัดการศึกษา หากมีเงินรายได้สถานศึกษา(ยอดรวม) เพียงพอสำหรับจ่ายไปก่อนก็
สามารถกระทำได้ โดยให้ถือว่ารายการจ่ายดังกล่าว เป็นค่าใช้จ่ายของโครงการนั้น
๓. เนื่องจากสมาคมหรือชมรมผู้ปกครองและครู เป็นองค์กรเอกชนที่แยกต่างหากจาก
โรงเรียน ดังนั้นการออกใบเสร็จรับเงินแทนหน่วยงานดังกล่าวจึงไม่สามารถกระทำได้
๔. ในหลักการระดมทรัพยากร ต้องให้เป็นไปด้วยความสมัครใจของนักเรียนและผู้ปกครอง
โดยรายการที่ระดมให้พิจารณาถึงความจำเป็น เพื่อจัดการศึกษาเพิ่มเติม นอกเหนือจากหลักสูตรการ
ศึกษาขั้นพื้นฐาน การจัดประสบประการณ์ และการเรียนรู้เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือบริการ
อื่น เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตและมาตรฐานการศึกษาของนักเรียน ตามอัตราที่เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น
และฐานะทางเศรษฐกิจ
ดังนั้นการทำความเข้าใจกับผู้ปกครองและนักเรียนอย่างทั่วถึง จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ
๕. การเก็บเงินบำรุงการศึกษา ตามหนังสือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน
ด่วนมาก ที่ ศธ ๐๔๐๐๒/๑๓๗๒ ลงวันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๕๐ เป็นหลักการเดียวกับแนวปฏิบัติในการระดมทรัพยากร เพื่อการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหนังสือ ที่ ศธ๐๔๐๐๖/๔๖๒ ลงวันที่๒๑ มีนาคม ๒๕๔๙ และถือเป็นเงินรายได้สถานศึกษาเช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงให้ใช้วิธีการควบคุมเงินในระบบบัญชี ตามแนวทางในข้อเสนอแนะนี้