ตอนนี้ข่าว เกจิอาจารย์ กำลังดัง... จึงขอนำคำนี้มาเล่า เนื่องจากคำว่า อาจารย์ คนไทยทั่วไปเข้าใจ จึงไม่จำเป็นต้องขยายความ... จะขยายความเฉพาะคำว่า เกจิ เพราะคิดว่าคนทั่วไปน่าจะไม่ทราบที่มาของคำนี้ แม้จะคุ้นเคยก็ตาม....
เกจิอาจารย์ หรือบางครั้งเรียกสั้นๆ ว่า เกจิ ... ตามสำนวนไทย หมายถึง ผู้ที่มีความชำนาญในด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งเดิมที่มักจะใช้เฉพาะความชำนาญเกี่ยวกับพิธีกรรมทางศาสนา และมักจะหมายถึงพระสงฆ์เท่านั้น...
แต่ด้วยการล้อเลียนศัพท์ ทำให้คำนี้ถูกใช้แพร่หลายออกไป เช่น ผู้รอบรู้ด้านฟุตบอลอังกฤษก็เรียกว่า เกจิอาจารย์ฟุตบอลอังกฤษ หรือบางคนที่เข้าใจระบบโทรศัพท์มือถือเกือบทุกชนิดก็อาจเรียกว่า เกจิมือถือ... เป็นต้น
........
ตามหลักภาษาบาลีนั้น คำว่า เกจิ เป็นคำสัพพนาม ใช้เรียกชื่อชื่อกลุ่มคนซึ่งไม่ระบุว่าเป็นใคร โดยแปลตามสำนวนไทยว่า บางพวก บางกลุ่ม ... และคำว่า เกจิ นี้เป็นคำพหูพจน์ โดยถ้าเป็นเอกพจน์จะใช้ว่า โกจิ แปลว่า บางคน ...
คำว่า เกจิ นี้ นอกจากจะใช้ในวรรณกรรมบาลีทั่วไปแล้ว... เฉพาะคัมภีร์อรรถกถาพระวินัยปิฏก มักจะนำมาอ้างถึงเสมอในกรณีที่จะต้องวินิจฉัยพระวินัยในประเด็นสำคัญ ซึ่งเมื่อเจอคำว่า เกจิ ก็ต้องแปลว่า อาจารย์บางพวกกล่าวไว้ว่า.....
และในกรณีที่มีมติแตกต่างกันหลายนัย นอกจากจะใช้ เกจิ ศัพท์นี้แล้วก็ยังมีศัพท์อื่นๆ อีก ๒-๓ ศัพท์ ได้แก่ ปเร (อาจารย์พวกอื่นกล่าวไว้ว่า.... ) อญฺเญ (อาจารย์พวกอื่นกล่าวไว้ว่า.... ) และ เอเก (อาจารย์พวกหนึ่งกล่าวไว้ว่า....
คำวินิจฉัยของอาจารย์เหล่านี้ คือ เกจิ ปเร อญฺเญ และ เอเก สามารถนำมาเปรียบเทียบกันได้ แต่ผู้รจนาคำภีร์ก็มิได้บอกว่าความเห็นฝ่ายไหนถูก ซึ่งผู้แปลจะต้องใช้วิจารณญาณโดยตนเองว่าควรจะเชื่อถือความเห็นของฝ่ายใด...
ผู้เขียนก็ไม่ทราบที่มาว่า เหตุไฉน? คำว่า เกจิ จึงมาใช้ในความหมายแบบไทยๆ ที่เป็นอยู่ได้... ถ้าจะเดาก็คิดว่า โบราณาจารย์ของไทย คงจะบอกเป็นนัยว่า นั่น ! เป็นเพียงความเห็นของคนบางกลุ่มเท่านั้น อย่าไปเชื่อถือให้มากนัก ควรตรวจสอบอีกครั้ง... ประมาณนี้
นั่นคือ เกจิอาจารย์ปัจจุบันที่กำลังทำอะไรๆ อยู่นั้น เราก็อย่าเชื่อถือให้มากนัก ....
...........
ขอเล่าเรื่องในคัมภีร์เพิ่มอีกนิด... ในประเด็นที่พร่ามัวไม่ชัดเจนจำต้องวินิจฉัยนั้น นอกจากผู้รจนาคัมภีร์จะอ้าง อาจารย์บางพวก (เกจิ) อาจารย์พวกหนึ่ง (เอเก) และอาจารย์พวกอื่น ( ปเร, อญฺเญ) แล้ว... บางครั้งก็อ้างชื่อโดยตรง ซึ่งก็มีหลายท่าน แต่ที่ปรากฎบ่อยที่สุดก็คือ มหาปทุมตฺเถโร และ มหาสุมตฺเถโร ... ส่วนท่านอื่นๆ เช่น กรวิกฺโก พุทฺธรกฺขิโต ฯลฯ นานๆ จึงจะอ้างถึงสักครั้ง....
ตอนที่เรียนบาลีและแปลคัมภีร์นี้ ท่านอาจารย์เล่าเป็นเรื่องขำๆ ว่า ท่านมหาสุม (มหาสุมตฺเถโร) และท่านมหาบัว (มหาปทุมตฺเถโร -ปทุม แปลว่า บัว)... สองรูปนี้ ตอนเย็นๆ หรือค่ำๆ ท่านคงจะมานั่งฉันน้ำชาแล้วก็เถียงกันเป็นประจำ... ส่วนท่านอื่นๆ นั้น นานๆ จึงจะโผล่มาร่วมวงสักครั้ง... ประมาณนี้
ส่วนผู้รจนาคัมภีร์ ตอนนั้นคงจะเป็นสามเณร คอยรับใช้ ช่วยต้มน้ำร้อน ชงชา และช่วยจดช่วยจำในบางประเด็น เมื่อสามเณรรูปนี้เติบโตขึ้นมา จึงมาแต่งคัมภีร์ และนำความเห็นของท่านเหล่านี้มาบรรจุไว้ในคัมภีร์ให้พวกเราศึกษาสืบต่อมา...โดยประการฉะนี้
นมัสการพระคุณเจ้า
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒
ให้ความหมายว่า
เกจิอาจารย์ : น. ''อาจารย์บางพวก'', อาจารย์ที่เชื่อกันว่ามีความรู้ความสามารถในด้านคาถาอาคมและการปลุกเสกเครื่องรางของขลัง
ก็ใกล้เคียงที่พระอาจารย์ว่าไว้ แต่ที่เห็นจะชัดเจนและน่าจะนำมาเตือนสติก็ตรงที่พระอาจารย์ว่า
"......คงจะบอกเป็นนัยว่า นั่น ! เป็นเพียงความเห็นของคนบางกลุ่มเท่านั้น อย่าไปเชื่อถือให้มากนัก ควรตรวจสอบอีกครั้ง... ประมาณนี้..."
ชอบใจจริงๆครับ