ฝนเมืองไทยปีนี้คงจะทำให้พวกเราชุ่มฉ่ำกันไม่มากก็น้อย วารสารหมอชาวบ้านมีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณหน้าฝน ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ...
ฝนเมืองไทยปีนี้คงจะทำให้พวกเราชุ่มฉ่ำกันไม่มากก็น้อย...
วารสารหมอชาวบ้านมีคำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณหน้าฝน ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ...
หน้าฝนเป็นช่วงที่มีโรคผิวหนังหลายชนิดเกิดได้บ่อย
ท่านอาจารย์นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนังได้ให้คำแนะนำดีๆ เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวดังต่อไปนี้
- โรคน้ำกัดเท้า ทำให้เป็นผื่นเปียกยุ่ยสีขาวที่ง่ามนิ้วเท้า บางครั้งมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้เป็นผื่นแดง และมีน้ำเหลืองไหล
- โรคติดเชื้อราขาหนีบ หรือ "สังคัง" มักติดเชื้อมาจากที่เท้า เมื่อสวมกางเกงในก่อนถุงเท้า จะทำให้ติดเชื้อจากเท้าไปขาหนีบ ทำให้คันมาก
- โรคเท้าเหม็น เป็นการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดรูพรุนเล็กๆ ที่เท้า มีกลิ่นเหม็น
- โรคพยาธิปากขอ เป็นการติดเชื้อพยาธิจากการเดินผ่านน้ำท่วมขัง พยาธินี้จะดูดเลือด และอาจทำให้เกิดโรคเลือดจางได้
- โรคฉี่หนู เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียจากฉี่หนู ทำให้เป็นไข้ ตัวเหลือง ตาเหลือง ถ่ายปัสสาวะเป็นเลือด และอาจถึงตายได้
- แมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู แมงป่อง ตะขาบ ฯลฯ
- แมงกะพรุนไฟ พบบ่อยหลังมีพายุฝนฟ้าคะนอง ทำให้ปวดแสบปวดร้อน เป็นแผลเป็น หรือเสียโฉม บางคนแพ้พิษจนจมน้ำตายได้ วิธีป้องกันที่ดีคือ ว่ายน้ำสระริมทะเลปลอดภัยกว่าว่ายน้ำทะเล ถ้าโดนแมงกะพรุนไฟ ให้รีบขึ้นจากน้ำ ใช้น้ำทะเลหรือน้ำสะอาดล้างแผล แล้วรีบไปหาหมอ
วิธีดูแลผิวพรรณหน้าฝนที่สำคัญได้แก่...
- หลีกเลี่ยงการเดินผ่านน้ำขัง ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้... ให้ใช้รองเท้าบู๊ตกันน้ำ
- หลังเดินย่ำน้ำ ให้ล้างด้วยน้ำสะอาดและสบู่ทันที
- ใช้ถุงเท้าบางแทนถุงเท้าหนา และไม่ใช่ถุงเท้าที่คับเกิน เพื่อลดความชื้นสะสมที่เท้า
- ใช้รองเท้าแตะ(ถ้าทำได้) เพื่อลดความชื้นสะสมที่เท้า
- นุ่งกางเกงบางแทนกางเกงหนา และไม่ควรนุ่งกางเกงยีนส์ เพื่อลดการสะสมความชื้นที่ขาหนีบ (ป้องกันสังคัง) และลดกลิ่นเหม็นบริเวณอวัยวะเพศ
- นุ่งกางเกงในชนิดคล้ายกางเกงนักมวย (boxer) แทนกางเกงในชนิดมียางยืดรัดต้นขา เพื่อลดการสะสมความชื้นที่ขาหนีบ
ท่านอาจารย์ประวิตรกล่าวว่า โรคเชื้อราที่เท้าและขาหนีบพบค่อนข้างน้อยในพม่า เนื่องจากชาวพม่านิยมสวมรองเท้าแตะ ทำให้เท้าแห้งง่าย ไม่อับชื้น
นอกจากนั้นการที่ชาวพม่านุ่งโสร่ง และไม่นิยมสวมกางเกงในมีส่วนช่วยให้ขาหนีบแห้งง่าย ไม่อับชื้น จึงไม่ค่อยเป็นสังคัง
ขอเรียนเสนอให้ลองใช้โสร่งเป็นผ้าเช็ดตัว เนื่องจากโสร่งส่วนใหญ่ทำจากผ้าฝ้าย ซับน้ำได้เร็วมาก และแห้งเร็ว ลดการสะสมความชื้น และเชื้อโรคที่ผ้าเช็ดตัวในหน้าฝนได้ดีเช่นกัน
ข้อควรระวังในการใช้โสร่งระยะแรกคือ สีมักจะตก จึงควรแยกซักต่างหากในช่วงแรก...
คนไทยแต่เดิมใช้ผ้าข้าวม้ามานานแล้ว... เรียนเชิญพวกเราหันมาใช้ผ้าขาวม้า หรือผ้าถุงเวลาอยู่บ้าน เลือกผ้าฝ้ายบางๆ จะอยู่เย็นเป็นสุขมากกว่าที่คิด (ไม่ร้อนเหมือนสวมเสื้อ-กางเกง)
ฝรั่งหรือชาวตะวันตกมีโรคเชื้อราที่เท้าและขาหนีบได้บ่อย เนื่องจากชอบสวมถุงเท้า รองเท้านานเกินไป แถมบางคนยังเข้านอนโดยไม่ถอดถุงเท้า รองเท้า ทำให้เกิดการสะสมความชื้นเพิ่มขึ้นมาก
สารคดีชุด 'The black hospital' ของญี่ปุ่นกล่าวเรื่องนอนไว้ดีครับ... อาจารย์แพทย์ญี่ปุ่นแนะนำว่า
เวลานอนให้สวมเสื้อผ้าบางๆ หลวมๆ และควรห่มผ้า(อย่างน้อยก็ผ้าบางๆ)
ท่านแนะนำว่า อย่านอน "โป๊" หรือ "เปลือย" เพราะช่วงเวลานอนหลับเป็นช่วงที่ร่างกายคนเราค่อนข้างอ่อนแอต่ออากาศเย็น
การปล่อยให้ตัวเรา โดยเฉพาะตั้งแต่คอลงไป เย็นมากเกิน การตั้งเครื่องปรับอากาศเย็นมากเกิน(ในสารคดีท่านกล่าวว่า ไม่ควรตั้งต่ำกว่า 26-27 องศาเซลเซียสเวลานอน) หรือการเป่าพัดลมให้ถูกผิวหนังโดยตรง ทำให้ภูมิต้านทานโรคลดลง
ตรงกันข้าม... การสวมเสื้อผ้านอนดีๆ มีส่วนช่วยป้องกันโรคหวัดได้...
อาจารย์หมอฝรั่งมีคำแนะนำให้สวมถุงเท้าก่อนกางเกงใน เพื่อลดการติดเชื้อจากเท้าไปสู่ขาหนีบ คำแนะนำนี้เป็นคำแนะนำที่ดีเช่นกัน
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพผิวพรรณดีไปนานๆ ครับ
ข่าวประกาศ...
- ผู้เขียนขอปิดส่วนความคิดเห็น และงดตอบปัญหา เพื่อปรับปรุงคำหลัก (key words) บันทึกย้อนหลังไปพลางก่อน
ขอแนะนำ...
แหล่งที่มา:
- ขอขอบพระคุณ > ท่านอาจารย์นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร. ผิวสวย หน้าใส > 7 โรคผิวหนังหน้าฝน > หมอชาวบ้าน กรกฎาคม 2550 ปี 29 ฉบับ 339 หน้า 8-10.
- ขอขอบพระคุณ > สารคดีชุด 'The black hospital' ของญี่ปุ่น ออกอากาศทาง UBC.
-
ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก “บ้านสุขภาพ” มีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค
-
ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
-
ขอขอบพระคุณ > อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ IT โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี
- ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > 7 กรกฎาคม 2550.