ด้วยงานโครงการในความรับผิดชอบ จึงได้รับโอกาสในการเข้าประชุมเชิงปฏิบัติการระดับเขต ณ จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 12-15 มิถุนายน ที่ผ่านมา
เรื่องเล่าที่ 1
ในฐานะผู้รับผิดชอบโครงการศูนยืเรียนรู้การเกษตรพอเพียง ซึ่งต้องอำนวยให้เกิดการดำเนินงานตามโครงการ โดยเฉพาะการถ่ายทอดความรู้โดยใช้กระบวนการแบบมีส่วนร่วมหรือ ตามกระบวนการโรงเรียนเกษตรกร ถึงจุดละ 5 ครั้ง โดยมีเกษตรกรเข้าร่วมถึง 50 คน
คำถาม 1. จะเปิดโรงเรียนเกษตรกรอย่างไร กับเกษตรกร 50 ราย/ครั้ง 2. จะทำอย่างไรให้เกษตรกรมาร่วมกระบวนการ อาจเป็นคำถามที่มีคนเข้าใจน้อย แต่ถ้ามองลึกลงไปถึงระดับพื้นที่จังหวัดยะลา ก็จะทราบว่าเราประสบปัญหาอะไรกันอยู่...
การนำเสนอผลความก้าวหน้าโครงการ เรายังไม่น้อยหน้าใคร ดู
ข้อสังเกต จากการเล่าสู่กันฟังจากจังหวัดอื่นๆ เช่น จังหวัดตรัง ให้ความสำคัญกับการเลือกแปลงเกษตรที่จะจัดตั้งเป็นศูนย์เรียนรู้ฯ โดยกำหนดตัวชี้วัดถึง 9 ข้อ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลทางกายภาพ ชีวภาพของพื้นที่ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สังคมของเจ้าของแปลง ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมาก เพราะการได้ตัวอย่างที่ดี อาจทำให้มีคนเดินตามอีกมาก แต่ในด้านความก้าวหน้าของโครงการยังเดินไปได้ไม่แตกต่างกันในทุกจังหวัด ในส่วนของจังหวัดยะลา และจังหวัดอื่นๆอีก4 จังหวัด ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษ เราคัดเลือกพื้นที่โดยอ้างอิงพื้นที่ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิต (ศอ.บต.)
เรื่องเล่าที่ 2
การจัดการความรู้ในการประชุมเชิงปฏิบัติการระดับอำเภอ (DW) ด้วยประเด็นคำถามเพื่อการอภิปรายของสมาชิกทีม4 (four angle) ว่า
1. รูปแบบการจัด DW ครั้งต่อไปของจังหวัด ทำอย่างไรในเรื่องต่างๆ ดังนี้ การเตรียมการ ระดับจังหวัด อำเภอ ตำบล กระบวนการจัดการ ผลการการจัดการจะได้อะไร (ความคาดหวัง)
2.การจัดการความรู้ระดับเกษตรกร 3 โครงการ คือ โครงการส่งเสริมการผลิตพืชที่ปลอดภัยและได้มาตรฐาน ศูนย์เรียนรู้การเกษตรพอเพียง และวิสาหกิจชุมชน ทำอย่างไร
การเล่าผลการอภิปรายของจังหวัดยะลา
เนื่องจากผู้จัด (เขตฯ5) เห็นว่าการนำเสนอผล KM จังหวัดยะลา ไม่ได้ขึ้นเวที (ทั้งที่เตรียมไปอย่างดี) ก็เลยมอบให้จังหวัดยะลาขึ้นนำเสนอเป็นจังหวัดแรก ซึ่งก็ได้บอกเล่าถึงความเป็นมา (DW ตามแบบของจังหวัดยะลา)
เช่นว่า
1.จังหวัดยะลาจัดทำระบบส่งเสริมการเกษตร โดยทีมตำบล ซึ่งประกอบด้วยจนท.ตำบล1-3 คน/ทีมรับผิดชอบส่งเสริมเน้นหนักเพื่อพัฒนากลุ่ม/องค์กรเกษตรกร จำนวน 3 กลุ่ม โดยเดินตามขั้นตอนการพัฒนากลุ่ม 9 ขั้น (แนะนำ Blog วสันต์ กู้เกียรติกูล) โดยมุ่งหวังความยั่งยืนของกลุ่ม
2.DW นอกจากจะมีการพูดจาประสาโครงการ (ชี้แจงโครงการ) การถ่ายทอดความรู้แล้วยังเปิดอภิปรายกลุ่ม โดยเน้นการจัดทำแผนพัฒนากลุ่มและรายงานผลการปฏิบัติงานตามแผนนั้น..ซึ่งก็เกิดข้อคำถามว่าจะเกิดบทสรุปอย่างไร....จึงได้ปรับเปลี่ยนกระบวนยุทธ โดยเน้นให้เกิดการเล่าสู่ แลกเปลี่ยนถึงวิธีการทำงาน/ผลการทำงาน/ปัญหาอุปสรรค เพื่อให้เกิดการเก็บเกี่ยวแนวปฏิบัติในขั้นตอนส่งเสริมกลุ่ม และสามารถมีสรุปที่สามารถนำไปใช้เป็นแนวปฏิบัติในการพัฒนากลุ่มในเบื้องต่อๆไป
บทเรียน การจะสร้างความเข้าใจกับผ้ปฏิบัติที่มีความหลากหลาย อายุ พื้นฐานความคิด แนวปฏิบัติ...ต้องใช้ความพยายามอีกหลายเท่านัก..ก่อนอื่นต้องบอกให้รินน้ำออกจากแก้วที่เต็มปริ่ม เสียก่อน (ฮา)
3.ความน่าจะเป็นในการจัด DWของจังหวัดยะลา ในครั้งต่อไป
จัดแบ่งกลุ่มอภิปรายตามโครงการ 3 โครงการ และกลุ่มเกษตรอำเภอ เพื่อแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้ปฏิบัติงานเหมือนๆกัน แล้วจะกำหนด KV อย่างไร
ข้อสังเกต จังหวัดชุมพรบอกว่า เมื่อจะจัดการความรู้ก็ต้องมีรูปแบบ คือควรชกตามครู ...อย่าชกเหมือนมวยวัด (อันนี้สรุปเอา..น่าจะหมายความว่าอย่างนี้) ซึ่งผู้เขียนก็เห็นด้วย เพราะถ้าจะจัดการความรู้กัน คนในกระบวนการก็ต้องรู้บทบาทของตัวเอง ว่าขณะนั้นๆ กำลังแสดงบทบาทอะไร ต้องแสดงอย่างไร แล้วในกระบวนการจัดการต้องเริมจากอะไร .....ถ้าจะยึดโมเดลปลาทู...ควรจะเริ่มจากหัวปลา...ตัวปลา...ไปถึงหางปลา หรือไม่ หรือจะเป็นโมเดลปลาตะเพียน (แนะนำ: www.kmi.or.th)
ใครจะเป็นคุณอำนวย คุณลิขิต ..ที่สำคัญคุณขัดขวาง คุณเท้าราน้ำ คุณขาดเป็นนิจ คุณติดงานศพประจำ....จะทำอย่างไร
คำถาม..เปลี่ยนแล้วได้อะไร???
ไม่มีความเห็น