วันที่ ๒๗ - ๒๘ พ.ค. ๕๐ ผมไปนครศรีธรรมราชเพื่อประชุม UKM 10 พบว่าบรรยากาศคึกคักด้วยกระแสจตุคามรามเทพ เครื่องบิน กรุงเทพ - นครฯ ซึ่งเดิมมีเพียง ๒ เที่ยว เช้ากับเย็น เวลานี้มีถึง ๘ เที่ยว และมีผู้โดยสารเต็ม มีพระภิกษุ และคนแต่งชุดขาวขึ้นเครื่องบินมาก สังเกตเห็นได้ชัด
ริมถนนทุกย่านจะมีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ เรียงรายแทบไม่ขาดช่วง ทำให้ธุรกิจเขียนป้ายเฟื่องฟู ธุรกิจโรงแรมก็เฟื่อง เพราะผู้คนหลั่งไหลมานครฯ มาทำพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลกันเนืองแน่น มีคนบอกว่า ค่าปลุกเสกครั้งละ ๑ แสนบาท ผมไม่ทราบว่าเงินนี้แบ่งไปให้ใครบ้าง
นอกจากโฆษณาด้วยป้ายริมถนน ยังมีรถแห่ป้ายโฆษณาไปรอบๆ เมือง เดินไปทางไหนก็มีแผงขายจตุคามรามเทพ ทั้งแผงเล็กแผงใหญ่ และมีร้านใหญ่ ๒ คูหาที่เป็นศูนย์รวมจตุคามฯ ด้วย แม้กระทั่งที่หน้าห้องประชุม UKM เจ้าภาพก็เอาวัตถุมงคลนี้มาจำหน่ายด้วย และมีคนสนใจมาก มีการโทรศัพท์ไปถามคนที่บ้านว่ารุ่นนั้นรุ่นนี้ราคาเท่านั้นเท่านี้จะซื้อไหม
กล่าวได้ว่า หาซื้อจตุคามฯ ง่ายมากในนครศรีธรรมราช แถมยังมีตลับใส่สำหรับแขวน หลากหลายรูปแบบและราคา
ผู้คนหลั่งไหลมานครฯ เพื่อมาสร้างวัตถุมงคล และซื้อเอาไปขายต่อ มีคนบอกว่ามีการนำเหรียญที่ปั๊มมาจากที่อื่นบรรทุกรถมาที่วัดพระมหาธาตุ มาถึงก็เอาสายสิญจ์ล้อมรถ และทำพิธีปลุกเสกได้เลย ไม่ต้องขนลงจากรถ เท็จจริงไม่ทราบ
ตอนนั่งเครื่องบินกลับกรุงเทพ ชายพ่อลูกที่นั่งข้างผมถือกล่องใส่ถุงที่น่าจะบรรจุจตุคามฯ อยู่ข้างใน เดาว่าคงจะเป็นนักธุรกิจค้าจตุคาม
ที่จริงเป็นที่รู้กัน ว่าธุรกิจที่รายได้ดีที่สุดคือธุรกิจที่ทำมาหากินกับกิเลสของคน ธุรกิจเชิงแฟชั่น เชิงหน้าตา ธุรกิจค้ากาม ที่จริงธุรกิจวัตถุมงคลก็มองได้ว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับกิเลสคน แต่อาจมีคนแย้งว่าเกี่ยวกับศรัทธาของคนต่างหาก แล้วแต่มุมมอง
ที่บ้านผมก็มีเหรียญจตุคามฯ เพราะมีเพื่อนเอามาให้ด้วยไมตรี ผมก็รับไว้ และเอาไปให้ภรรยา แต่เราไม่เคยประดับ และไม่คิดจะเอาไปประดับ
ที่จริงที่บ้านผมมีพระเครื่องมากมาย เพราะมีคนเอามาให้อยู่เสมอ โดยผมไม่เคย "เช่า" เองเลย นอกจากนั้นผมยังไม่เคยเอาไปเลี่ยมหรือประดับ หรือแขวนพระเลย เพราะผมไม่ชอบเครื่องประดับ และไม่เคยคิดให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ช่วยเหลือ
วิจารณ์ พานิช
๒ มิ.ย. ๕๐
กดเร็วไปหน่อยค่ะ กำลังจะพิมพ์ว่า
คงมีพวกเราอีกหลายๆคนแอบดีใจที่อาจารย์เขียนเรื่องนี้นะคะ