เขียนไม่ออก “ยุ้ย”
วันก่อนได้อ่าน Comment ของท่าน ศน.ลำดวน ไกรคุณาศัย ท่านอยากจะฟังเรื่องเล่าของนักเรียนบ้าง โดยขอรับฟังเรื่องเล่าจากนักเรียนที่เรียนโครงงานกับผม โดยภาพรวมแล้วทุกรายวิชาที่ผมสอน ผมจะใช้วิธีการจัดการเรียนรู้แบบโครงงานทั้งหมด ยกเว้นเด็กที่ผมต้องเข้ามาให้การช่วยเหลือ คนที่ยังไม่สามารถจัดกระบวนการเรียนรู้ปกติได้ จึงต้องให้เด็กซึ่งเป็นกลุ่มอ่อนทำงานตามความสมัครใจไปก่อน จนกว่าเด็กจะพร้อมจึงนำมาเข้าระบบการเรียนรู้ วางแผน ลงมือทำ ประเมิน ปรับปรุง ต่อไป วันนี้ (8 มิถุนายน 2550) ผมบอก รัตนา ผัดแสน ลูกศิษย์ของผมอีกคนหนึ่งซึ่งก็ฝึกหัดร้องเพลงกล่อมอยู่ที่บ้านของผม เพราะจะต้องนำเพลงไปใช้ในพิธีทำขวัญนาคด้วย หลังจากซ้อมเพลงเสร็จ ยุ้ย-รัตนา เขานั่งเขียน ๆ อยู่ แล้วก็บ่นด้วยเสียงเบา ๆ ว่าเขียนไม่ออก เขียนไม่ออก (คือ คิดไม่ได้นั่นแหละ) ได้ยินเขาพูดว่า อาจารย์ค่ะ หนูจะขอกลับไปพิมพ์มาให้อาจารย์เลยได้ไหม หนูเขียนไม่ออก ค่ะ
เมื่อหลายวันก่อนผมนัดหมายให้รัตนา ไปร่วมงานสำคัญงานหนึ่ง แต่เจ้าตัวขอปฏิเสธ ผมก็พยายามถามเหตุผลว่าไปไม่ได้เพราะอะไร ดูสีหน้าก็ไม่มีปัญหา แต่ไม่สามารถที่จะไปร่วมงานสำคัญกับอาจารย์ได้ (ผมได้แต่เสียดายโอกาสมาก) ก็คงมีความจำเป็นส่วนตัวของเขา ซึ่งคนเป็นครูคงไม่ได้คิดอะไร ก็ทำได้เพียงเท่านี้ ทำทุกวิถีทางที่จะส่งเสริมคนเก่งให้ไปจนถึงจุดสูงสุดของเส้นทาง ตามความสามารถที่พวกเขามี ลองเข้ามาอ่านกันดูนะครับ ไม่รู้ว่าจะมีคำแก้ตัวติดมาด้วยหรือเปล่า ผมก็อยากรู้เหมือนกัน
ความรู้สึกต่อภูมิปัญญา
โดย ยุ้ย-รัตนา ผัดแสน
หนูเข้ามาเรียนชั้น ม.1 เมื่อ ปี พ.ศ. 2545 โดยได้รับคำแนะนำจากคุณครูทนง ชาวปลายนา คุณโรงเรียนเดิม ให้หนูมาฝึกหัดร้องเพลงอีแซว จึงได้มารู้จักกับท่านอาจารย์ ชำเลือง มณีวงษ์ ในตอนแรกหนูก็ไม่รู้จักเพลงอีแซวเลย เคยเห็นเขาร้องกันแต่ก็ไม่รู้ว่าเพลงอีแซว สำหรับตัวหนู มีพื้นฐานทางร้องเพลงลูกทุ่ง แต่ก็ร้องได้ไม่ดีนัก ก็มาคิดว่า เพลงอีแซวไม่น่าที่จะเหมาะกับตัวเอง เพราะว่า หนูเป็นคนขี้อายด้วย แต่ท่านอาจารย์ชำเลือง มณีวงษ์ก็ได้ไปขออนุญาตพี่ชายหนู ในตอนแรก ๆ พี่ก็ไม่อนุญาต เพราะพี่คิดว่า หนูคงจะเล่นไม่ได้ แต่พี่ก็ลองให้ไปฝึกหัดได้
ตอนที่หัดครั้งแรก หนูไม่ชอบเลยเพราะว่าร้องยากมาก ตรงบทร้องไม่ค่อยยากเท่าไรหรอกค่ะ แต่ตอนเกริ่นขึ้นต้นเพลงนี่ซิ โอ้ โฮ ! (ยากจังเลย) แต่หนูก็สามารถทำได้ ก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกัน ประมาณ 2 เดือน ได้ไปออกงานครั้งแรก จำไม่ได้ว่าเป็นงานอะไร แต่จัดที่โรงเรียน งานนี้หนูไม่ได้ร้องหรอกค่ะ ได้แต่ยืนรำเป็นลูกคู่เฉย ๆ แต่งานนี้อาจารย์ก็ให้เบี้ยเลี้ยงตั้ง..... รู้สึกดีใจมากค่ะ พอเสร็จจากงานนี้ อาจารย์ก็ให้ฝึกหัดเพิ่มเติมมากขึ้น เพราะเตรียมเข้าแข่งขันในงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 55
จะเป็นเพราะโชคดีหรือไม่ก็ไม่รู้ ช่วงที่หนูเข้ามามีรุ่นพี่ที่เขาเป็นเพลง เหลือเขาอยู่ชั้น ม.6 เพียงคนเดียว หนูเลยได้ขึ้นไปนั่งร้องแถวหน้า ร้องบทไหว้ครู หนูมีเพื่อนอีกคนหนึ่งซึ่งหัดเพลงมาด้วยกัน แต่เขาจะเก่งกว่าหนูนิดหน่อย เพราะเขามีพื้นฐานเพลงอีแซวมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมศึกษา และแถมเสียงร้องของเขายังดีกว่าหนูเสียอีก ชื่อ “อิม” หทัยกาญจน์ เมืองมูล อิม เป็นคนที่พูดเก่ง ส่วนหนู เป็นคนที่ไม่ค่อยพูด หลังจากนั้น อาจารย์ก็ให้หนูฝึกหัดเพลงพื้นบ้านอย่างอื่นได้แก่ ลำตัด เพลงฉ่อย เพลงพวงมาลัย เพลงระบำบ้านไร่ เพลงเรือ และเพลงแหล่ด้วยค่ะ
ถ้าถามว่า ชอบเพลงพื้นบ้านไหนมากที่สุด ก็เพลงอีแซวนี่แหละค่ะ และพอช่วงปิดเทอม ตอนนั้นอยู่ชั้น ม.3 ค่ะ (เพิ่งจะขึ้นชั้น) หนูได้มีโอกาสไปแข่งขันร้องเพลงอีแซว ในรายการคุณพระช่วย ของบริษัทเวิร์คพ้อยท์ ที่ช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ และในการแข่งขันครั้งนั้น หนูได้เป็นแชมป์ คุณพระช่วยคนแรกเลยค่ะ แล้วก็ตามด้วยรางวัลแม่เพลงดีเด่นอีกหลายครั้ง
คนในวงเพลงพื้นบ้านของโรงเรียนมีประมาณ 20-30 คน แต่เวลาออกไปแสดงจะไปประมาณ 13-17 คน (เต็มรถตู้ค่ะ) อาจารย์พาพวกเราไปแข่งขัน ประชันเพลงในที่ต่าง ๆ ได้รับรางวัลมากมาย และอีกอย่างหนึ่งคือ ความภาคภูมิใจ และสิ่งที่ภูมิใจอีกอย่างหนึ่งคือ หนูได้ไปแข่งขันเพลงพื้นบ้าน จัดโดย สถาบันพระปกเกล้า ซึ่งเขาคัดเลือกจากผู้สมัครทั่วประเทศ จนเหลือรอบ 5 คนสุดท้าย ไปทำการแข่งขันบนเวที หนูได้รับรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 (รางวัลที่ 2) ค่ะ ก็รู้สึกดีใจมาก ลืมบอกไปค่ะว่า เพลงพื้นบ้านที่ไปประกวดคือ ลิเก หนูต้องฝึกหัดลิเกอย่างหนัก (หนักมาก) แต่มันก็คุ้มค่ากับผลที่ได้รับกลับมา
อาจารย์ไม่ได้สอนแต่เพลงพื้นบ้าน ท่านยังสอนวิธีทำขวัญนาคให้หนูกับอิมด้วย ซึ่งเวลาไปออกงานก็ได้ค่าตอบแทนมาก หนูไปกับอาจารย์และ อิม หทัยกาญจน์ ในตอนแรก ๆ ที่หนูหัดทำขวัญนาค หนูท่องเนื้อไม่ได้ อาจารย์ก็ให้ดูเนื้อได้ (จำยากมาก) ตอนที่เริ่มทำขวัญนาคเมื่อขึ้นชั้น ม.4 ในตอนนี้ หนูอยู่ชั้น ม.6 แล้ว แต่หนูก็ยังท่องบทร้องทำขวัญนาคไม่ค่อยได้ (ไม่รู้เป็นอย่างไร)
หนูภูมิใจที่ได้มาเรียนในโรงเรียนนี้ ภูมิใจที่ได้มาอยู่ในวงเพลงอีแซวของโรงเรียน ภูมิใจที่สมาชิกในวงเพลงอีแซวน่ารักทุกคน
- ขอขอบพระคุณครูทนง ชาวปลายนา
- ขอขอบพระคุณแม่ขวัญจิต ศรีประจันต์ (หนูเรียกว่าป้า)
- ขอบพระคุณพ่อสุจินต์ ศรีประจันต์
- และที่สำคัญที่สุดในชีวิตของหนูคืออาจารย์ชำเลือง มณีวงษ์
ครูผู้ที่ส่งเสริมหนูตลอดมา สิ่งที่หนูได้รับจากการที่ได้มาอยู่ในวงเพลงอีแซวนี้ คือ ทำให้ได้รู้ถึงการอยู่ร่วมกันเป็นทีม รู้ถึงความรัก ความสามัคคี ทำให้เราเป็นคนที่มีใจกว้างมากขึ้น เพราะในการแข่งขันทุกครั้ง วงเราก็จะมีชนะ และแพ้บ้าง ทำให้เรารู้จักที่คิดวางแผนในการแสดงเพลงอีแซวในแต่ละครั้ง และอีกอย่างหนึ่งคือ มีรายได้นำมาใช้จ่ายในการเรียน เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของ พ่อ และแม่ได้บางส่วน รายได้ที่ได้รับจากการแสดงเพลงพื้นบ้าน หนูจะเก็บฝากธนาคารเอาไว้ใช้ เมื่อถึงคราวจำเป็น
รัตนา ผัดแสน (ยุ้ย)
ลูกศิษย์อาจารย์ชำเลือง มณีวงษ์
11 มิถุนายน 2550
เวลา 16.10 น.
สวัสดีค่ะ
น่านิยม น่าชมเชยในความกตัญญูค่ะ
มีรายได้นำมาใช้จ่ายในการเรียน เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยแบ่งเบาภาระของ พ่อ และแม่ได้บางส่วน รายได้ที่ได้รับจากการแสดงเพลงพื้นบ้าน หนูจะเก็บฝากธนาคารเอาไว้ใช้ เมื่อถึงคราวจำเป็น
สวัสดีครับ
คุณยุ้ย และคุณครูทุกคน ร่วมกันพัฒนาได้เยี่ยมยอด
ขอบคุณมากที่นำมาให้เรียนรู้
ขอบคุณครับ ที่เข้ามาเยี่ยม ยุ้ย-รัตนา ผัดแสน เป็นลูกศิษย์ทางเพลงพื้นบ้านของผมอีกคน ที่เก่งมาก
ทำให้วงเพลงมีงานแสดงมาโดยตลอดและเขาเป็นคนประหยัดมาก
· ขอบคุณ ท่าน ศน.ลำดวน ไกรคุณาศัย
· ขอบคุณ Mrs.Sasinand Punyahotra
· ขอบคุณ คุณวรชัย หลักคำ
ชำเลือง มณีวงษ์คุณแพรวพรรณราย