บทพิสูจน์ “ผู้เรียนสำคัญที่สุด”


นักเรียนสำคัญที่สุด
บทพิสูจน์ ผู้เรียนสำคัญที่สุด ... กระบวนการที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ  พบว่า ครู และผู้บริหาร ส่วนใหญ่ไม่มีความรู้  และวิชาชีพครูไม่ได้ปรับปรุงพัฒนา  ดังนั้นในช่วง 4-5 ปีข้างหน้า จะต้องเร่งพัฒนาคุณภาพการศึกษา เป็นคำปรารภของ ศ. ดร. สมหวัง พิธิยานุวัฒน์  ผอ. สมศ. (คมชัดลึก 17 มีนาคม 2548) นั่นคือความห่วงใยของที่ท่านมองภาพของประเทศ  สำหรับ โรงเรียนไผทอุดมศึกษา ผู้บริหารมีวิสัยทัศน์  มีประสบการณ์ และมีภาวะผู้นำ สามารถสร้างพลังทั้งครู ผู้ปกครอง ที่มีอยู่ในโรงเรียนให้พร้อม ร่วมจัดสรรโอกาสให้ศิษย์และลูกเกิดความใฝ่รู้ มีอาการพร้อมเรียน  กระตือรือร้นค้นคว้าทดลอง มีการทำงานเป็นทีม และนำเสนอผลการเรียนรู้หลากหลายรูปแบบ เป็นปรากฏการณ์ที่ทุกคนชื่นชม เพื่อนครูต่างโรงเรียนที่มาได้มาชมกิจกรรมการเรียนการสอนของโรงเรียน (เฉพาะ 23 กพ -25 มีค. 48 จำนวน 89 คณะบุคคล รวม 878 คน)  ต่างแสดงความประทับใจที่เห็นนักเรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข  และมีผลงานตามเป้าหมายของความสำเร็จ  ผู้มาเยือนได้เห็นแนวการสอนที่นักเรียนมีส่วนร่วมในการคิดและทำกิจกรรมกับคุณครู คุณครูทำงานเป็นทีมและวางแผนให้นักเรียนมีส่วนร่วมอย่างฉลาด สร้างความมั่นใจให้แก่ลูกศิษย์กล้าพอที่จะทำงานร่วมกัน  หลายครั้ง คุณครูได้พบความคิดและฝีมือเกิดคาดของลูกศิษย์  การจัดการในโรงเรียนเป็นงานที่มีการวางแผน  มีผู้รับผิดชอบตามภาระงานเป็นทอด ๆ  เหมือนการวิ่งผลัด  ใครครองไม้ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด  ภาพชีวิตที่เคลื่อนไหวในโรงเรียน เราจะเห็นบุคคลที่ชัดที่สุด คือ นักเรียน  โดยมีครูเป็นผู้ช่วยมืออาชีพ  ส่วนฝ่ายเกื้อหนุนอีกจำนวนมาก มักจะแสดงตัวน้อย แต่อยู่เบื้องหลัง นอกเหนือจากที่กล่าวในภาพปรากฏของชีวิตเมื่ออยู่โรงเรียน  ยังมีชีวิตที่อยู่บ้าน  เด็ก ๆที่เรียนด้วยความมันส์  จะไม่จำกัดตัวเองว่าเป็นงานที่ครูสั่ง  แต่บอกตัวเองว่า เป็นงานที่ตัวเองต้องทำให้เสร็จ  เมื่อเขากลับถึงบ้าน เขาจะมีความสุขมากที่พบว่าคุณพ่อคุณแม่เป็นพวกเดียวกับเขา  พร้อมสนับสนุนให้เขาทำในสิ่งที่น่าชื่นชม  ผู้ปกครองโรงเรียนไผทจำนวนมากที่ทำหน้าที่และแสดงบทบาทสมกับที่เป็นผู้ปกครองยุคปฏิรูปการศึกษาจริง ๆ  นักเรียนจึงมีชีวิตที่ไม่ถูกแบ่งเพียงเพื่อทำงานหรือการบ้านตามสั่งเท่านั้น        เสียงสะท้อนจากนักเรียน เมื่อต้นภาคการเรียน ปีการศึกษา 2548 น่าสนใจมาก  ลองตามไปฟังและชมผลงานของนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 1-3  ในการทำ Project  เรื่องมหัศจรรย์แห่งน้ำ กันเถอะผมสนุกมากครับ ที่ได้ทำงานกับรุ่นพี่และเพื่อนๆ ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับน้ำมาก ทั้งที่เกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ และ วรรณคดี  เราไปไหนไปด้วยกัน  ไปกินข้าวด้วยกัน เป็นอะไรที่สนุกมากๆ เลยครับ” “เราช่วยกันคิดกิจกรรม ทำให้ผมกล้าแสดงออกมากเลยครับ  ผมเป็นคนแสดงเป็นเจ้าบ่าวครับ ... ผมไม่เคยเป็นเจ้าบ่าว ผมเลยต้องซ้อม ทำให้ผมรู้ประเพณีการแต่งงาน ผมชอบมากครับ ผมขอขอบคุณที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาครับกิจกรรมอย่างนี้สนุกมาก มีสาระ ไม่น่าเบื่อ มีงานให้ทำทั้งวัน ไปนั่งคิดที่หน้าคอมฯทั้งวัน  แล้วกลับมาทำงานร่วมกับเพื่อน แบบนี้ ผมว่าเป็นแบบไร้ที่ติ ...เรียนนอกห้องมีทั้งความสนุกสนานปะปนกับการได้ความรู้ ...ทำให้เราเกิดความคิดสร้างสรรค์ และที่สำคัญเกิดความสามัคคีเพราะต้องทำงานกับเพื่อนๆ พี่ๆที่รู้ใหม่อีกหลายคน ผมสามารถคำนวณว่าน้ำในโลกมีเท่าไร ผมสามารถร้องเพลงและแต่งเพลงเกี่ยวกับน้ำเป็นภาษาอังกฤษ  ... ผลสนุกกับตามรอยนิราศพระบาทของสุนทรภู่ และยังมีอะไรที่สนุกมากๆ... น้ำกับสีน้ำมันเข้ากันไม่ได้ เมื่อผสมกันแล้ว สีน้ำมันจะแยกตัว หากเอากระดาษไปจุ่ม จะมีสีสวยงามติดมาและไม่มีน้ำมาด้วย... ที่สนุกอีกงานหนึ่ง คือได้ลองทำเขื่อนและน้ำพุ ได้รู้ว่าแรงน้ำสามารถทำให้เป็นน้ำพุได้... สนุก  สามัคคี ทำให้งานสำเร็จ ... เวลาคิดอะไรไม่ออก ให้ดื่มน้ำ ในฐาน Magic Water นอกจากได้ความรู้ภาษาอังกฤษ ยังเรียนรู้สร้างความสามัคคี และรู้จักหน้าที่ของตนเป็นความมหัศจรรย์ที่ได้เรียนรู้หลายอย่าง  น้ำนี้น่ามหัศจรรย์จริงๆ  ในโรงเรียน  ถึงแม้เสียงสัญญาณโรงเรียนเข้าแล้วก็ตาม  แต่ปรากฏภาพเคลื่อนไหวเป็นกลุ่ม ๆ ไม่นิ่ง  มีเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจเป็นหย่อม  แต่ก็พบความเงียบอย่างมีสมาธิบางจุด  ครูหลายคนอยู่กับนักเรียนแต่ได้ยินเสียงครูน้อยมาก      แน่นอน ครูต้องเหนื่อย แต่เป็นความเหนื่อยที่เห็นความตั้งใจบังเกิดผล ดังปรากฏเสียงสะท้อนข้างต้น    จากการสัมภาษณ์ครู  พบว่า ครูได้วางแผนการทำงานอย่างมีเป้าหมาย  โดยมีผู้บริหารระดับโรงเรียนและระดับช่วงชั้นได้ร่วมกันวางแผนเตรียมงาน เรียกว่า โครงงานบูรณาการที่เน้นการเรียนรู้ตามศักยภาพนักเรียนเป็นรายบุคคล    นักเรียนได้ทั้งความรู้ 8 กลุ่มสาระตามฐานที่กลุ่มได้เตรียมไว้ให้ ทั้งวิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์  ภาษาไทย  สังคม  ภาษาอังกฤษ  ศิลปะ  ดนตรี นาฏศิลป์   และ การงาน ขณะเดียวกัน นักเรียนมีโอกาสทุ่มเทศึกษาตามความสนใจความถนัดของตนให้มีผลงาน   นักเรียนหาความรู้จากฐาน 3 วัน  เป็น 3 วันที่ไม่อาจนับชั่วโมง เพราะนักเรียนถูกยั่วยุด้วยปัญหาที่ต้องหาคำตอบเพื่อเป้าหมายของการนำเสนอความคิดต่อน้องๆ และผู้สนใจ  นักเรียนอยู่กันเป็นกลุ่มคละชั้น ตั้งแต่ มัธยมปีที่ 1 ถึง 3  เป็นบรรยากาศพี่พาน้องเรียน เกาะกันเป็นกลุ่ม  พี่คิดนำ น้องคล้อยตามบ้าง เสริมบ้าง ความรู้ในฐานที่จัดไว้อาจไม่เพียงพอ  การค้นหาใน internet ก็เป็นความสามารถของนักเรียนไผทอุดมศึกษาที่น่าชื่นชม   แต่ละกลุ่มต้องจัดการความรู้ที่ได้ เพื่อนำมาสร้างผลการเรียนรู้ ทักษะการทำงานเป็นทีม สังเกตได้จากการปฏิบัติงาน นักเรียนเรียนรู้อย่างรวดเร็ว ตลอดการทำงาน นักเรียนมีปัญหา  นักเรียนแก้ปัญหา และเรียนรู้อย่างฉลาด  ผู้ปกครองก็ต้องเหนื่อยเช่นกัน  ผู้ปกครองหลายคนร่วมคิด เป็นผู้ช่วย ผู้สนับสนุนที่ดีมาก  แต่เป็นความเหนื่อยที่มีความสุขตามมาที่เห็นความสามารถ ความคิด และพฤติกรรมใฝ่รู้ของลูกที่เปลี่ยนไป เห็นว่า ลูกโตขึ้นมากนี่เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ช่วยให้สังคมไทยมั่นใจได้ว่า เมื่อโรงเรียน และบ้านประสานงานด้วยการทำหน้าที่ที่แตกต่างอย่างเต็มศักยภาพ  แต่มีเป้าหมายร่วมกันที่ นักเรียนสำคัญที่สุด   เยาวชนไทยไม่เพียงแต่เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่จะเป็นผู้นำพลโลกที่สง่างามในภายภาคหน้า  
หมายเลขบันทึก: 101637เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2007 07:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:55 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

อยากเห็นภาพแบบนี้ที่โรงเรียนกาบเชิงมิตรภาพที่ 190 ซึ่งเป้นโรงเรียนของผมเองครับ คิดว่าไม่น่าอยากลองกลับไปทำตามบ้างจังเลย

สำหรับผมแล้ว ในส่วนของการศึกษาพิเศษนั้น ยิ่งต้องเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ เพราะนักเรียนที่รับบริการในงานการศึกษาพิเศษ เป็นเด็กที่มีความต้องการจำเป็นพิเศษเฉพาะบุคคล ซึ่งครูผู้สอนต้องอาศัยความเข้าใจ และศึกษา ออกแบบวิธีการจัดการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับความต้องการจำเป็นของนักเรียน รวมถึงทำความเข้าใจกับผู้ปกครอง ให้สนับสนุนการสอนโดยการฝึกนักเรียนที่บ้าน เพื่อให้กระบวนการพัฒนานักเรียน เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

เมื่อเป็นครูแล้ว ลูกศิษย์ทุกคนสำคัญที่สุด เด็กจะเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ทั้งหมด เด็กจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองสนใจ ถนัด และเหมาะสมกับความต้องการมากที่สุด

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท