"รู้แต่พูดไม่ได้...เพราะเราเข้าใจว่าผู้ที่เราจะพูดด้วยเป็นคนลักษณะแบบไหน"
"เราสมควรจะพูด กับผู้ที่พร้อมจะฟัง"
สวัสดีค่ะ..คุณศิลา
รู้แต่พูดไม่ได้
ถามว่าเคยมีความรู้สึกเช่นนี้ไหม เคยครับ
นิ่งเฉยเสียดีกว่า เคยครับ
แต่วิถีในวันนี้แตกต่างไปจากเดิม ด้วยการพูดในสิ่งที่ให้กำลังใจ ไม่นิ่งเฉยที่จะพูดคุยกันในสถานะเพื่อนผู้ร่วมดำเนินชีวิต ท่ามกลางความนิ่งเฉยและความรู้ที่พูดไม่ได้นั้น เราได้มีการเรียนรู้ตนเองและเพื่อนผู้เป็นมิตรด้วยกัน
ยามที่เราได้สื่อสารออกไป ความจริงก็เป็นเช่นนั้น ยามที่เราไม่ละเลยความนิ่งเฉย จึงไม่มีโกรธไม่มีผิดไม่มีถูก มีแต่ความจริงที่เป็นกัลยาณมิตรร่วมกัน
ให้กำลังใจครับ สำหรับท่านเจ้าของบันทึก หนึ่งสิ่งที่เราทำได้ คือให้กำลังใจด้วยความคิด ด้วยการให้ดอกไม้ ด้วยการร่วมเดินทางกับความนึกคิดเป็นบางครั้งและบางครา
อาจารย์นพลักษณ์ ๙ Sila Phu-Chaya ครับ ;)...
ผมไม่มีหลักธรรมมาแนะนำอาจารย์ หากแนะนำไปอาจจะเหมือน "สอนเจ้าอาวาส" อิ อิ
ผมเคยเป็น และ ผมเคยพยายาม แต่เมื่อรู้อยู่แล้วว่า เขาปิด ... ทุกอย่างก็จึงต้องปิดตาม
ความหวังดีของเรา อาจจะเป็น ความหวังร้ายในสายตาเขาก็ได้
"ทุกอย่างมันตั้งอยู่ เกิดขึ้น และดับไป"
ใครก็เปลี่ยนใครไม่ได้ หากเจ้าตัวไม่เปลี่ยนเอง
ยากจัง หากศีลไม่เสมอกัน หากปัญญามีแต่ไม่ได้เลือกใช้ เหลือแต่สมาธิที่นิ่งสงบ
ปล่อยวาง ให้ไหลไปตามกาลเวลา สักวันหนึ่ง ทุกอย่างคงจะดีขึ้น
ก็เพียง "หวัง" ไว้เช่นนั้น
มันจึงเป็นเช่นนั้นเอง ตถาคต !
บางครั้งเรารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์อะไรก็ได้แต่เงีบยไว้..เคยค่ะ