ข้อมูลเรื่องบาดทะยัก http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%81
เมื่อวานเหยียบตะปู ที่เท้าขวาตรงใต้นิ้วโป้ง เป็นตะปูนิ้วสนิมเขลอะทะลุรองเท้าเข้าไปประมาณ หนึ่งเซนต์ ปล่อยให้เลือดไหลแล้วใช้น้ำและสบู่ฟอกล้างบาดแผล ด้วยความที่อากาศหนาวจัด เลือดหยุดไหลเร็วมากต้องบีบคัดเลือดทิ้ง จากนั้นใช้ทิงเจอร์ราดล้างแผล น้องที่เป็นสัตวแพทย์บอกต้องใช้ไฮโดรเจนล้างอัดเข้าไปในรูแผลด้วย เพราะเชื้อบาดทะยักเป็นประเภทได้รับออกซิเจนแล้วเชื้อจะตาย และไม่ต้องปิดแผลนะ น้องแนะนำแกมข่มขู่ว่าควรไปฉีดวัคซีนบาดทะยักด้วย ที่จริงเหยียบตะปูเป็นครั้งที่สองแล้วนะเนี่ย เมื่อเดือนที่แล้วมั้งแต่ครั้งนั้นเท้าซ้ายไม่ลึกเหมือนครั้งนี้ตะปูมันเล็กกว่าด้วย ก็เจ็บเดินเขยก สองวันมั้งแล้วก็หาย น้องขู่เรื่องให้ไปฉีดยาแต่ทำไม่สนใจ มาครั้งนี้รู้สึกกลัว ก็ไปฉีดมาแล้ว เริ่มเข็มที่หนึ่งวันที่ 9/01/52 ต่อไปฉีดเข็มที่สองวันที่ 9/02/52 และเข็มสุดท้าย วันที่ 9/07/52 หมอให้ยาฆ่าเชื้อมาด้วย Dicloxacillin 250 mg ครั้งละ 1 เม็ดก่อนอาหาร เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน ปวดแขนข้างที่ฉีดจัง พยาบาลบอกว่าอาจปวดจนยกแขนไม่ขึ้น หรืออาจมีไข้ด้วย สงสัยเกิดอุปาทานตามที่บอกหรือปล่าวน้อคือถ้าไม่พูดอาจไม่เจ็บขนาดนี้ก็ได้ นี่แหละอิทธิพลของความคิด เอาใหม่นะ จะเปลี่ยนความคิดล่ะ คิดว่าเจ็บก็ช่างไม่ต้องสนใจ ทำงานต่อไปอย่าให้ความเจ็บมาเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน
พอคิดแบบนี้ก็สามารถทำงานไปได้เรื่อยๆ คือมันก็เจ็บแขนตุ๊บๆ นะแต่ทำเป็นไม่สนใจความเจ็บนั้น มันก็ OK นะกับความคิดแบบนี้ ดีกว่าไปนอนหล่ะ
ทีแรกพยาบาลดูแผลแล้วขู่ว่าจะเฉือนเนื้อทำความสะอาด กลัวมากไม่ให้ทำ ถามกลับไปทีเล่นทีจริงว่าต้องทำแผลขนาดนั้นเลยเหรอ ในใจคือไม่ให้ปาดเนื้อแน่ๆ น้องพยาบาลก็เลยแค่ใช้น้ำเกลือล้างและใช้ยาฆ่าเชื้อเช็ดและแปะแผลด้วยก๊อชบางๆ
ก็เลยเป็นกังวลว่าทำไมต้องเฉือนเนื้อด้วย ทำให้ต้องไปหาข้อมูลมาเจอเว็บที่ถามได้ดังใจพอดีจึงเอามาแปะไว้หน่อยเพื่อเตือนความจำhttp://www.thaiclinic.com/cgi-bin/wb_xp/YaBB.pl?board=medicine;action=display;num=1230035031
หาข้อมูลยาที่หมอจ่ายให้ Dicloxacillin เป็นยาฆ่าเชื้อ ที่ต้องหาข้อมูลเพราะคิดว่ายามีผลให้ท้องเสียหรือเปล่าhttp://www.pharm.chula.ac.th/osotsala/otcproject/41.html
เจอข้อมูลยาจากเว๊บบล๊อกนี้อ่านแล้วน่ากลัวจริงhttp://marketersdream.blogspot.com/2007/05/dicloxacillin-unusual-bleeding-or.html
ปีนี้เริ่มต้นปีด้วยสุขภาพร่างกายที่ไม่ดี จำเป็นต้องใช้ยาตั้งแต่ต้นปีเลย โดนทั้งฉีดยาและต้องกินยา รู้สึกแย่จัง
เอาล่ะ มาลองดูสิว่าปีนี้ ทั้งปีจะต้องใช้ยาอะไรอีกบ้างมั้ย นึกย้อนกลับไปถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่มีความตั้งใจว่าจะดูแลสุขภาพร่างกายให้ดีและใช้ยาน้อยที่สุด จำได้ว่าปี 2549 เป็นปีเดียวที่ไม่ได้ใช้ยาสังเคราะห์เลย คือใช้สมุนไพรยาต้มแก้ร้อนในชื่อ เครือหญ้าตดหมา
ส่วนปี 2550 เป็นปีที่ใช้ยาเยอะมากไม่ได้สนใจว่ากินอะไรบ้าง มีที่จำได้คือ ต้องกินยาภูมิแพ้ loratadine และอื่นๆ ที่น้องเอาให้กิน รู้แต่ว่าต้องกินยาเพื่อไม่ให้เป็นหวัดและป่วย เพราะมีหน้าที่ต้องดูแลแม่ที่อยู่โรงพยาบาล
- เว๊บที่น่าสนใจเรื่อง คุณเป็นโรคภูมิแพ้จริงหรือhttp://www.thaihealth.info/health25.htm
- อ่านข่าวสารบ้านเมืองซักหน่อย บางทีอ่านข่าวมันต้องอ่านในเน็ตนะเพราะข่าวมัน... http://thaienews.blogspot.com/
ไม่มีความเห็น