"อ่าน จม. แล้วมาอ่าน คหห. พี่ชิว ต่อทำให้คิดต่อไปอีกว่า นอกจากจะรู้เพราะไม่อ่านแล้วยังสืบต่อการออกเสียงได้ถูกด้วย เพราะผู้อ่านไม่รู้ได้หมดว่าออกเสียงอย่างไรอย่างคัมภีร์พระเวทที่ท่องๆ ต่อๆ กันมาจนขึ้นใจนั้น ทำให้ภาษายุคนั้นมาจนถึงยุคนี้ไม่มีความคลาดเคลื่อนเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับภาษาอื่น เป็นข้อดีของการท่องจำ หรือ มุขปาฐะ (ถึงแม้เค้าจะเขียนคัมภีร์ขั้นมาในที่สุด แต่เค้าก็ยังท่องต่อกันมาอยู่ดี) มัทคิดว่าคนที่รู้แต่ไม่พูด เพราะสิ่งที่เค้ารู้มาจากประสบการณ์นั้นมันสื่อทางภาษาได้ยาก พูดไปก็ไม่ได้ความหมายเท่าประสบเอง การสอนคือการชี้ทางเท่านั้น เมื่อไหร่เราหยุดมอง หรือ เปิดใจอย่างกวินบอก ไม่พูด ไม่หลงไปในความคิดและของเขตของภาษา วันนั้น เราถึงจะรู้ได้ ??? พี่เข้าใจไปอย่างนั้นและดีใจที่ศาสนาพุทธ เซ็น เต๋า ก็เป็นไปทางนั้น อักขระแต่ชี้ทาง ในที่สุดแล้วมันคือประสบการณ์(ทุกข์จากการยึดติดตัวอักษรของพระคัมภีร์ของศาสนาที่มีพระเจ้าเดียวนั้นน่าเห็นใจมาก)" (1)