อนุทิน 155794


ต้นโมกข์
เขียนเมื่อ

ประวัติศาสตร์เกย์ที่เป็นความลับในศาสนาอิสลาม ตอนที่ 7

7. ปิตาธิปไตยเข้ามาเปลี่ยนแปลงอิสลามอย่างไร

ชาวยุโรปแผ่ขยายอำนาจของตนมายังโลกมุสลิม ถ้าไม่แผ่อาณานิคม เช่น อียิปต์ หรืออินเดีย ก็เข้ามาครอบคลุมทั้งในแง่เศรษฐกิจและสังคม เช่น อาณาจักรออตโตมาน เป็นต้น

พวกยุโรปผลักดันการปฏิบัติทางวัฒนธรรมและเจตคติสู่มุสลิมจึงก่อให้เกิดขบวนการไปหาคัมภีร์รากฐานอิสลามสมัยใหม่มากขึ้น (modern Islamic fundamentalism)

ในขณะที่อาณาจักรออตโตมานกีดกันวัฒนธรรมยุโรปในช่วงแรก การร่วมเพศแบบเกย์จึงยังไม่ผิดกฏหมายในปี 1858 แต่ต่อมาชาตินิยมได้รับชัยชนะ สองปีต่อมาในปี 1870 กฎหมายของอินเดียประกาศให้การร่วมเพศแบบเกย์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ชาวอินเดีย LGBTI ยังคงต่อต้านกฎหมายนี้ และได้รับผลของมันจนทุกวันนี้

แต่อะไรที่ถูกทำให้เป็นอาณานิคม? ทำไมรักร่วมเพศจึงเป็นสิ่งที่ห้ามอย่างเด็ดขาด?

Zahed กล่าวว่า ‘เมื่อตะวันตกเข้ามา พวกเขาจะคิดว่าพวกเราขี้เกียจ, ไม่มีกริยาโต้ตอบ, และอ่อนแอ ในฐานะชาวอาหรับ พวกเราต้องดูทรงอำนาจ, กำยำ, และเป็นผู้ชาย ประวัติศาสตร์เยอรมันสมัยใหม่ก็เป็นอย่างดียวกัน ที่แสดให้เห็นว่าชาตินิยมเยอรมันเกิดขึ้นได้อย่างไรหลังสงครามโลกครั้งที่ 1’

‘มันเป็นเผ่าพันธุ์นิยม ใกล้เคียงกับคำว่าสามารถฆ่าคนได้ทุกคนหากไม่ใช่พวกเดียวกับฉัน ฉันสามารถฆ่าคนที่อ่อนแอได้ หากไม่มีได้เติมเต็มลักษณะของชาตินิยมที่อันธพาล’

ลองพิจารณาสังคมที่ชายเป็นใหญ่ที่ดำรงอยู่ก่อนแล้ว และมันง่ายต่อการปิตาธิปไตยสมัยใหม่เข้ามาเพื่อกดทับพวกผู้หญิง และทำให้พวก LGBTI เป็นอาชากร

Zahed ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ‘ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 พวกอาหรับอับอายต่อประวัติศาสตร์ยุคโบราณของพวกเขา กล่าวให้ง่ายก็คือพวกเขาพยายามจะทำให้บริสุทธ์ ปิดกัน และทำให้ชายเป็นใหญ่มากขึ้น ในประวัติศาสตร์ไม่มีทั้งเพศหญิง, รักร่วมเพศ, หรือสิ่งอื่นๆเลย นั่นคือสิ่งที่เรามีอย่างทุกวันนี้’

 แปลและเรียบเรียงจาก

Joe Morgan. The secret gay history of Islam. 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท