ประวัติศาสตร์เกย์ที่เป็นความลับในศาสนาอิสลาม ตอนที่ 7
7. ปิตาธิปไตยเข้ามาเปลี่ยนแปลงอิสลามอย่างไร
ชาวยุโรปแผ่ขยายอำนาจของตนมายังโลกมุสลิม ถ้าไม่แผ่อาณานิคม เช่น อียิปต์ หรืออินเดีย ก็เข้ามาครอบคลุมทั้งในแง่เศรษฐกิจและสังคม เช่น อาณาจักรออตโตมาน เป็นต้น
พวกยุโรปผลักดันการปฏิบัติทางวัฒนธรรมและเจตคติสู่มุสลิมจึงก่อให้เกิดขบวนการไปหาคัมภีร์รากฐานอิสลามสมัยใหม่มากขึ้น (modern Islamic fundamentalism)
ในขณะที่อาณาจักรออตโตมานกีดกันวัฒนธรรมยุโรปในช่วงแรก การร่วมเพศแบบเกย์จึงยังไม่ผิดกฏหมายในปี 1858 แต่ต่อมาชาตินิยมได้รับชัยชนะ สองปีต่อมาในปี 1870 กฎหมายของอินเดียประกาศให้การร่วมเพศแบบเกย์เป็นเรื่องผิดกฎหมาย ชาวอินเดีย LGBTI ยังคงต่อต้านกฎหมายนี้ และได้รับผลของมันจนทุกวันนี้
แต่อะไรที่ถูกทำให้เป็นอาณานิคม? ทำไมรักร่วมเพศจึงเป็นสิ่งที่ห้ามอย่างเด็ดขาด?
Zahed กล่าวว่า ‘เมื่อตะวันตกเข้ามา พวกเขาจะคิดว่าพวกเราขี้เกียจ, ไม่มีกริยาโต้ตอบ, และอ่อนแอ ในฐานะชาวอาหรับ พวกเราต้องดูทรงอำนาจ, กำยำ, และเป็นผู้ชาย ประวัติศาสตร์เยอรมันสมัยใหม่ก็เป็นอย่างดียวกัน ที่แสดให้เห็นว่าชาตินิยมเยอรมันเกิดขึ้นได้อย่างไรหลังสงครามโลกครั้งที่ 1’
‘มันเป็นเผ่าพันธุ์นิยม ใกล้เคียงกับคำว่าสามารถฆ่าคนได้ทุกคนหากไม่ใช่พวกเดียวกับฉัน ฉันสามารถฆ่าคนที่อ่อนแอได้ หากไม่มีได้เติมเต็มลักษณะของชาตินิยมที่อันธพาล’
ลองพิจารณาสังคมที่ชายเป็นใหญ่ที่ดำรงอยู่ก่อนแล้ว และมันง่ายต่อการปิตาธิปไตยสมัยใหม่เข้ามาเพื่อกดทับพวกผู้หญิง และทำให้พวก LGBTI เป็นอาชากร
Zahed ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ‘ในช่วงต้นของศตวรรษที่ 20 พวกอาหรับอับอายต่อประวัติศาสตร์ยุคโบราณของพวกเขา กล่าวให้ง่ายก็คือพวกเขาพยายามจะทำให้บริสุทธ์ ปิดกัน และทำให้ชายเป็นใหญ่มากขึ้น ในประวัติศาสตร์ไม่มีทั้งเพศหญิง, รักร่วมเพศ, หรือสิ่งอื่นๆเลย นั่นคือสิ่งที่เรามีอย่างทุกวันนี้’
แปลและเรียบเรียงจาก
Joe Morgan. The secret gay history of Islam.
ไม่มีความเห็น