สามัญเหนือกาล
ความตรอมใจ
ความยินยอมแหลกสลายและมืดดำชั่วกาลหนึ่ง
เกิดขึ้นในครัวเรือนเมื่อหลายพันปี
เกิดขึ้นในครัวเรือนตราบวันพรุ่งนี้
การเตรียมใจ
ถูกสังเกตเห็นก็ต่อเมื่อมิใช่ ‘ฤดู’ ของมันแล้ว
กระนั้น ความแห้งเฉาใช่จะไร้ร่มเงาเสียทีเดียว
คำปลอบขวัญง่ายง่ายอันเกิดจากความเห็นใจ
สูงค่ากว่าทองคำ
โลกมืดมิดไม่สว่างวาบขึ้นหรอก
แต่ความเงียบถูกทำลายจากบทเพลงซึ่งแว่วลอยมาแสนไกล
เราพึงมีชีวิตสันโดษนั้นถูกแล้ว
แต่การมารวมหมู่อยู่เป็นเพื่อนของญาติมิตร
เหมือนกองไฟแสนอุ่นในคืนหนาวเหน็บ
เป็นกัลยาณมิตรทางวิญญาณ ชิดเชื้อดุจเพื่อนบ้าน
เพียงรับรู้ถึงอีกฝ่ายแม้อยู่ห่างอีกซีกโลก
‘คุณกับฉันประสบเคราะห์กรรมเดียวกัน’
ชายคนหนึ่งประสบอุบัติเหตุปางตาย
ใครใครว่าฟาดเคราะห์---เขาคืนมามีชีวิตใหม่
เพียงไม่นานเขากลับตายลงแท้จริง, อย่างง่ายดาย
ใครใครคาดผิดคิดว่าเขาจะไม่อายุสั้น
เราตระหนักทุกครั้ง
ผู้สัญจรล่วงไปก่อนได้มอบ ‘เวลา’ ของเขาให้แก่เรา
เพื่อการใช้อย่างถ้วนถี่ดีงาม
สึนามิสองปีไม่พบศพไม่สิ้นหวัง
ยังคงค้นหา ยังคงหวัง
ความหวังนี้เองคือตะวันแรกผลินิรันดร
ความเบิกบาน ความหวัง และสงบสันติ
อย่างไรก็มิอาจทวนกระแสแม้แต่น้อย
หากนี้คือวิธีดีที่สุดในการไหลตาม ‘สายน้ำ’ ที่เชี่ยวกรากนั้น
ประกาย ปรัชญา
จาก “เดินเคียงฉัน”
ไม่มีความเห็น