อนุทิน 127327


sr
เขียนเมื่อ

บุหรี่ปล้นเงินคนไทยที่จนสุด สสส. 3 August 2556 - 00:00
http://www.thaipost.net/x-cite-kidz/030813/77281

  มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่เปิดเผยข้อมูลการสำรวจการสูบบุหรี่ระดับโลก พ.ศ.2554 ที่พบว่าคนไทยที่มีฐานะยากจนที่สุดที่มีรายได้เฉลี่ย 2,000 บาทต่อเดือน มีถึง 1,373,333 คน ที่ใช้เงินซื้อบุหรี่ซองที่ผลิตจากโรงงานเฉลี่ยเดือนละ 547.5 บาทต่อคน คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 27.4 ของรายได้ของแต่ละคนต่อเดือน
  การสำรวจเดียวกันพบว่า ในกลุ่มประชากรที่จนที่สุดที่สูบบุหรี่ ร้อยละ 95 เชื่อว่าการสูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ ร้อยละ 96.6 เชื่อว่าการสูบบุหรี่เป็นการติดสิ่งเสพติด ร้อยละ 47.5 มีความคิดที่จะเลิกสูบบุหรี่ และร้อยละ 36.5 พยายามที่จะเลิกสูบบุหรี่ในช่วง 12 เดือน ก่อนการสำรวจ แต่เลิกไม่สำเร็จ
  ... ข้อมูลจากการสำรวจชี้ให้เห็นถึงอำนาจการเสพติดที่รุนแรงอย่างยิ่งของบุหรี่ ที่ทำให้ผู้สูบบุหรี่ที่จนที่สุดใช้เงินถึงเกือบ 3 ใน 10 ที่หาได้ไปกับการซื้อบุหรี่สูบในแต่ละเดือน ซึ่งนอกจากเป็นการสูญเสียเงินทองที่มีน้อยมากอยู่แล้ว ที่น่าจะถูกนำไปใช้กับสิ่งที่มีประโยชน์ต่อครอบครัวมากกว่า อาทิ อาหารและเครื่องนุ่งห่มแล้ว เมื่อเกิดการเจ็บป่วยจากโรคที่เกิดจากการสูบบุหรี่ขึ้น ก็ยิ่งจะเป็นภาระแก่ตัวเองและครอบครัวอย่างยิ่ง
  อย่างไรก็ตาม มาตรการควบคุมยาสูบที่ผ่านๆ มาทำให้คนไทยที่เคยสูบบุหรี่เลิกสูบได้แล้ว ร้อยละ 27.2 และกลุ่มประชากรที่จนที่สุดก็เลิกสูบได้ ร้อยละ 26 รัฐบาลจึงควรเพิ่มมาตรการควบคุมยาสูบให้จริงจังมากขึ้น โดยไม่ใช่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่รณรงค์เท่านั้น ทุกกระทรวงต้องช่วยกัน โดยเฉพาะการขึ้นภาษีที่จะช่วยให้คนจนเลิกสูบ.  

[And while we are at it, let's get statistics on alcohol drinking and compare with smoking (number 2 killer after alcohol drinking). Costs to families, health care systems and economy from alcohol drinking are many times more than smoking. No companies (and governments) should be allowed to engage in destroying people and economy! ]



ความเห็น (1)

และรัฐให้ความคุ้มครองคนไม่สูบด้วย แม้จะยังไม่เกิดผลกระทบทันที

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท