ตะเกียกตะกาย
วันหนึ่งครูสอนชีววิทยากำลังสอนนักเรียนเกี่ยวกับเรื่องวงจรชีวิตของผีเสื้อ ครูได้เตรียมผีเสื้อในช่วงต่างๆ ของชีวิตมาแสดงให้นักเรียนดู ตั้งแต่ในช่วงที่ยังเป็นไข่ เป็นหนอนผีเสื้อ ดักแด้ และผีเสื้อสวยงาม เขาบอกนักเรียนว่าในอีกสองสามชั่วโมงจากนี้จะมีผีเสื้อพยายามออกมาจากดักแด้ ให้ทุกคนตั้งใจสังเกตให้ดี แต่ว่าห้ามนักเรียนหยิบจับผีเสื้อเป็นอันขาด
นักเรียนต่างเฝ้าดูปรากฎการณ์นั้นอย่างตื่นเต้น และแล้วก็มีผีเสื้อตัวหนึ่งกำลังตะเกียกตะกายออกมาจากดักแด้ ด้วยความสงสาร เด็กชายคนหนึ่งจึงตัดสินใจฝ่าฝืนคำสั่งของครู เขาช่วยฉีกเปิดเปลือกของดักแด้ออกอย่างเบามือเพื่อหวังให้ผีเสื้อออกมาได้ง่ายขึ้น ผีเสื้ออกมาจากดักแด้ได้ด้วยลำตัวที่พองโตแต่ปีกลีบไม่แผ่กว้าง และผีเสื้อตัวนั้นก็ได้แต่เดินไปมาตามพื้นและไม่เคยบินได้อีกเลย
เมื่อครูกลับมารับรู้รื่องราวที่เกิดขึ้น ครูจึงสอนให้นักเรียนรู้ว่าการยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือผีเสื้อในครั้งนี้ก็เท่ากับว่าเรายื่นมือเข้าไปทำร้ายมัน มันเป็นกฏของธรรมชาติที่กำหนดให้การตะเกียกตะกายออกจากดักแด้ด้วยรอยแตกที่คับแคบนั้น จะเป็นการรีดน้ำจากลำตัวไปสู่ปีก ให้ปีกได้แผ่ขยายอวดความงดงามงามต่อโลก และช่วยให้มันบินได้ เมื่อกระบวนการนี้เสร็จสิ้นลง
ในบางครั้งการตะเกียกตะกายต่อสู้คือสิ่งที่จำเป็นยิ่งในชีวิต การมีชีวิตที่สะดวกสบายจนเกินไปอาจทำให้หัวใจเรากลายเป็นอัมพาต เราอาจจะไม่แข็งแกร่งและอาจบินไม่ได้เลยชั่วชีวิต
ความยากลำบากจะทำให้สิ่งที่เราได้มามีคุณค่ามากขึ้น ในบางครั้งเราอาจทำร้ายคนที่เรารักโดยไม่ตั้งใจ เพราะเราไม่ยอมให้เขาเผชิญความยากลำบากเพื่อเป็นการสร้างความแข็งแกร่งให้เขา
มีความสุขในการตะเกียกตะกายเพื่อความเข้มแข็งในชีวิตที่เหลือนะคะ...
ให้ข้อคิดดีมากค่ะ
เป็นกำลังใจให้ผีเสื้อที่บินไม่ได้ทุกตัว
เป็นกำลังใจให้คนที่ตะเกียกตะกายทุกคน
ขอบคุรอนุทินดีๆ...