ในปัจจุบัน วิกฤติธรรมชาติที่ก่อเกิด เป็นเพราะมนุษย์ได้ไปละเมิด “กฎธรรมชาติ”
ในการอยู่ร่วมกันในสังคม หากว่าเรามีการกระทำที่ไปละเมิดกฎ ระเบียบของสังคม เราก็จักต้องได้รับผลแห่งการกระทำ ซึ่งนำไปสู่การถูกลงโทษตามกฎเกณฑ์ในสังคมนี้ และในกรณีที่หากว่าเราได้กระทำซึ่งนำไปสู่การละเมิดในกฎธรรมชาติ เราก็จักได้รับผลจากการกระทำโดยการถูกธรรมชาติลงโทษ เช่นกัน
แต่จะต่างกันตรงที่
กฎ ข้อบังคับ ทางสังคมเป็นผลผลิตที่ลิขิตจากมนุษย์ด้วยกันเอง แต่ กฎธรรมชาติเป็นผลิตผลจากธรรมชาติที่ไม่มีใครหรือว่าสิ่งใดที่สามารถควบคุมในบทลงโทษทางธรรมชาติดังกล่าวได้ เช่น
- สมมติว่า ตัดต้นไม้ ๑๐๐ ล้านต้น แล้วบังคับธรรมชาติลงโทษโดยขอให้น้ำท่วมแค่ ๑ เซนติเมตร หรือ
- สมมติว่า ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ๑๐๐ ล้านตัน แล้วบังคับธรรมชาติลงโทษโดยขอให้โลกร้อนเพิ่มขึ้น ๐.๐๐๐๐๑ องศาเซลเซียส
เป็นต้น
ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีใครหรือสิ่งใดที่จะควบคุมกลไกและเงื่อนไขของบทลงโทษดังกล่าวของธรรมชาติได้
“วิกฤติทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นนั้น...เป็นเสมือนสัญญาณเตือนที่ส่งตรงมาถึงมวลมนุษยชาติว่า ธรรมชาติได้พิพากษา เรียกค่าสินไหมทดแทนอย่างแสนสาหัส จากการที่มนุษย์นั้นบังอาจไปรุกล้ำกระทำการละเมิดกฎธรรมชาติอย่างอหังการ ทั้งการตัดต้นไม้ทำลายป่า ปล่อยสารพิษขึ้นบนท้องฟ้า ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนนำพามาสู่วิกฤติ”
ไม่มีความเห็น