ในทัศนะของคนส่วนใหญ่ในปัจจุบันมองว่า :
หากเป็นด้านมูลค่า... อริยทรัพย์ < โภคทรัพย์ (โลกีย์ทรัพย์)
หากเป็นเป็นด้านคุณค่า...อริยทรัพย์ > โภคทรัพย์ (โลกีย์ทรัพย์)
แต่หากถามว่าอยากได้อะไรมากกว่า...คนส่วนใหญ่ก็จะตอบว่า “โภคทรัพย์หรือโลกียทรัพย์” เพราะคิดว่าสิ่งไหนที่มีมูลค่า (ที่เกิดความต้องการมาก) ท้ายที่สุดก็จะถูกสังคมตีตราประทับรับรองในการสร้างคุณค่าเพิ่มขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ (จากมือที่มองไม่เห็น)...นี่คือค่านิยมที่อันตรายในสังคมปัจจุบันที่จับเอาคุณค่าไปเป็นตัวประกัน (ตัวแปร) หนึ่งในสมการมูลค่า...ทำให้เกิดการสร้าง คุณค่าเทียม (เชิงสัญลักษณ์) ขึ้นมามากมาย
แท้ที่จริงแล้ว อริยทรัพย์ คือ หัวใจหลักสำคัญในการบริหารโภคทรัพย์
ขอบคุณ คุณปริม สำหรับการเดินทางสู่ปัญญาที่งดงามด้านคุณค่าผ่านบันทึก http://www.gotoknow.org/blogs/posts/501077
ขอบคุณข้อคิดดีดีตามเคยค่ะท่านอาจารย์
มีความสุขในวันทำงานอีกวันนะคะ :)
ขอบคุณคะ ทำให้ระลึกว่า คุณค่าของคนที่ทำบุญเป็นเงินล้าน กับคนที่ทำบุญร้อยบาท สามารถเท่ากัน (หรือไม่?)
ขอบคุณมากครับคุณปริม...
คงจะดีไม่น้อยหากสมการจะเป็นแบบนี้ ตามหลักของความสมดุล
หากเป็นด้านมูลค่า... อริยทรัพย์ = โภคทรัพย์ (โลกียทรัพย์)
ตามประสาคนธรรมดาที่ยังมีกิเลสครอบงำอยู่ก็คิดว่าอย่างน้อยหากมีโลกียทรัพย์มากเราก็สามารถนำไปใช้ในการส่งเสริมสนับสนุนกิจกรรมที่จะส่งผลไปยังการพัฒนาด้านอริยทรัพย์ และเมื่อมีอริยรัพย์แล้ว เราก็ใช้อริยทรัพย์บริหารโภคทรัพย์ ไม่แน่ใจว่าคิดถูกหรือเปล่าตอนนี้คิดไปถึงขวัญใจในสมัยพุทธกาลของปริม ท่านอนาถปิณฑิกะเศรษฐีค่ะ ว่าทานใช้ใช้หลักการโภคทรัพย์สร้างอริยทรัพย์และใช้อริยทรัพย์บริหารโภคทรัพย์ หรือเปล่า
เห็นด้วยกับคุณปริมครับ...หากบริหารจัดการให้สมดุลทั้งอริยทรัพย์และโภคทรัพย์ก็เป็นสิ่งที่สนับสนุนเกื้อกูลซึ่งกันและกัน...
ขอบคุณมากครับ อาจารย์หมอ ป.
อืม...น่าคิดครับ...
ผมมีบุญมาฝากครับ ก้าวไปในบุญ : พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต)