นางสาวยุพิน ปัญญาประชุม สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาการศึกษา รหัสนักศึกษา 55421231115
สรุป เรื่องการทดสอบประสิทธิภาพสื่อและชุดการสอน ด้วย E1/E2 Model
บรรยายโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
ความหมายของการทดสอบประสิทธิภาพ การทดสอบประสิทธิภาพ หมายถึง การนำสื่อหรือชุดการสอนไปทดสอบด้วยกระบวนการสองขั้นตอน คือ การทดสอบประสิทธิภาพเบื้องต้น (Try out) การทดสอบประสิทธิภาพจริง (Trial run) เพื่อหาคุณภาพของสื่อว่า ทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้เรียนผ่านกระบวนการเรียน และทำแบบประเมินสุดท้ายได้ดี และการทำให้ผู้เรียนมีความพึงพอใจ นำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะผลิตออกมาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก
การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ
เกณฑ์ หมายถึง ขีดกำหนดที่จะยอมรับว่า สิ่งใดหรือพฤติกรรมใดมีคุณภาพและหรือปริมาณที่จะรับได้ การตั้งเกณฑ์ตั้งไว้ครั้งแรกครั้งเดียว เนื่องจากเป็นเกณฑ์ต่ำสุด หากผลสูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 หรืออนุโลมให้มีความคลาดเคลื่อนต่ำหรือสูงกว่าค่าประสิทธิภาพที่ตั้งไว้ 2.5 ก็ให้ปรับเกณฑ์ขึ้นไปอีกช่วงหนึ่ง แต่หากได้ค่าต่ำกว่าค่าประสิทธิภาพที่ตั้งไว้ ต้องปรับปรุง นำไปทดสอบประสิทธิภาพการใช้หลายครั้งในภาคสนามจนได้ค่าถึงเกณฑ์ที่กำหนด
เกณฑ์ประสิทธิภาพ หมายถึง ระดับประสิทธิภาพของสื่อหรือชุดการสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เป็นระดับที่ผลิตสื่อหรือชุดการสอน จะพึงพอใจว่าสื่อหรือชุดการสอนนั้นมีคุณค่าที่จะนำไปสอนนักเรียน และคุ้มค่าการลงทุนผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพกระทำได้โดยการประเมินผลพฤติกรรมผู้เรียน 2 ประเภท คือ
ประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง คือ ประเมินผลต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรมย่อยของ
ผู้เรียนเรียกว่า กระบวนการ (Process) เกิดจากการประกอบกิจกรรมกลุ่ม กำหนดค่าประสิทธิภาพ
E1 = Efficiency of Process (ประสิทธิภาพของกระบวนการ)
ประเมินพฤติกรรมสุดท้าย คือ ประเมินผลลัพธ์ (Product) ของผู้เรียนโดยพิจารณาจาก
การสอนหลังเรียนและการสอบไล่ กำหนดค่าประสิทธิภาพเป็น E2 = Efficiency of Product (ประสิทธิภาพของผลลัพธ์)
E1/E2 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ การกำหนดเกณฑ์ E1/E2 ให้มีค่าเท่าใดนั้น ให้ผู้สอนเป็นผู้พิจารณาตามความพอใจ โดยพิจารณาพิสัยการเรียนที่จำแนกเป็น วิทยพิสัย (Cognitive Domain) จิตพิสัย (Affective Domain) และทักษพิสัย (Skill Domain)
วิธีการคำนวณประสิทธิภาพ กระทำได้ 2 วิธี คือ
1. โดยวิธีการใช้สูตรในการคำนวณ
2. โดยการใช้วิธีการคำนวณธรรมดา
การตีความหมายผลการคำนวณค่า E1/E2
ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์ ให้มีความคลาดเคลื่อนหรือความแปรปรวนของผลลัพธ์ได้ไม่เกิน .05 (ร้อยละ) จากช่วงต่ำไปสูง = ± 2.5 นั่นคือผลลัพธ์ของค่า E1 หรือ E2 ที่ถือว่า เป็นไปตามเกณฑ์ มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ได้ 2.5% และสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ไม่เกิน 2.5% หากคะแนน E1 หรือ E2 ห่างกันเกิน 5 % แสดงว่ากิจกรรมที่ให้นักเรียนทำกับการสอนหลังเรียนไม่สมดุลกัน หากสื่อหรือชุดการสอนได้รับการออกแบบและพัฒนาอย่างดีมีคุณภาพ ค่า E1 และ E2 จะต้องใกล้เคียงกันและห่างกันไม่เกิน 5 %
ขั้นตอนการทดสอบประสิทธิภาพ
การทดสอบประสิทธิภาพแบบเดี่ยว (1:1) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่ผู้สอน 1 คน
ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียน 1-3 คน โดยใช้เด็กอ่อน ปานกลาง หรือเด็กเก่ง ให้ดีขึ้น คะแนนที่ได้ในขั้นนี้ประมาณ 50-60 %
การทดสอบประสิทธิภาพแบบกลุ่ม (1:10) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่ผู้สอน 1 คน
ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียน 6-12 คน (คละผู้เรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน) คะแนน E1/E2 ที่ได้จะมีค่าประมาณ 60-70 %
การทดสอบประสิทธิภาพภาคสนาม (1:100) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่ผู้สอน 1 คน
ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียนทั้งชั้น (30 คนขึ้นไป แต่ไม่ต่ำกว่า 15 คน) ผลลัพธ์ควรใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หากต่ำจากเกณฑ์ไม่เกิน 2.5 % ให้ยอมรับว่าสื่อหรือชุดการสอนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หากต่ำกว่าเกณฑ์มากกว่า -2.5 ให้ปรับปรุงทดสอบภาคสนามซ้ำ หากสูงกว่าไม่เกิน +2.5 ก็ยอมรับ หากสูงกว่าเกิน +2.5 ให้ปรับเกณฑ์ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ข้อควรคำนึงในการทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน
การเลือกผู้เรียนเข้าร่วมประสิทธิภาพ ควรเลือกตามแนวทางการสุ่มตัวอย่างที่ถูกต้อง
เวลาและสถานที่ต้องเหมาะสมกับผู้เรียน
มีการชี้แจงวัตถุประสงค์และวิธีการ
ต้องรักษาสภาพการณ์ให้เหมือนที่เป็นอยู่ในห้องเรียนทั่วไป
ครูจะต้องดำเนินการสอนตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแต่ละระบบการสอน
ปัญหาที่พบจากการทดสอบประสิทธิภาพ
นักวิชาการรุ่นหลังนำแนวคิดทดสอบประสิทธิภาพที่พัฒนาโดย
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ มาเป็นของตนเอง โดยเขียนเป็นบทความหรือตำราแล้วไม่มีการอ้างอิง
นักวิชาการนำ E1/E2 ไปเป็นของฝรั่ง
นักวิชาการไม่เข้าใจหลักการของการตั้งเกณฑ์ประสิทธิภาพ
ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของ E1 และ E2 ทั้งสองค่าควรใกล้เคียงกัน
นักวิชาการบางคนเขียนเผยแพร่ว่า E1 ควรมากกว่า E2 ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
ไม่มีความเห็น