แบบประเมินการนำเสนอ Power point ครั้งที่ 2 ส่งทางเมลล์ให้แล้วนะค่ะ
ไม่มีความเห็น
แบบประเมินการนำเสนอ Power point ครั้งที่ 1 ส่งทางเมลล์ให้แล้วนะค่ะ
ไม่มีความเห็น
นางสาวยุพิน ปัญญาประชุม สาขาวิชา การวิจัยและพัฒนาการศึกษา รหัสนักศึกษา 55421231115
สรุป เรื่อง การเรียนรู้แบบผสมผสาน (Blended learning) ทั้ง 4 ตอน สรุปได้ดังนี้
Blended learning หมายถึง การเรียนรู้แบบผสมผสานระหว่างการเรียนในชั้นเรียนและการเรียนแบบออนไลน์ (a combination of face to face and online learning) เป็นการจัดการเรียนการสอนแบบเผชิญหน้าผนวกกับผู้สอน คือจะนำเสนอเนื้อหาบทเรียนผ่านเทคโนโลยี ซึ่งมีคนอยู่ 2 กลุ่มที่ให้ความหมาย Blended learning คือ กลุ่มเทคโนโลยีการศึกษาจะหมายถึงการจัดการเรียนการสอนแบบเผชิญหน้ากับการเรียนแบบออนไลน์ ส่วนกลุ่มหลักสูตรการสอนหรือเทคนิคการสอนจะเป็นการผสมผสานการสอนหลายๆวิธี เรียกว่าการเรียนรู้แบบบูรณาการ ทำให้การเรียนแบบออนไลน์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น เทคนิคการนำ Blended learning ไปใช้ให้เกิดประโยชน์โดยจัดการสอนได้ 2 รูปแบบ คือ แบบพบหน้ากันระหว่างผู้สอนกับผู้เรียนและแบบออนไลน์ ซึ่งจะต้องมีการออกแบบการสอน มีการใช้เทคโนโลยีซึ่งมีอยู่มากมาย ซึ่งจะกำหนดเป็นสัดส่วน มีอยู่ 2 ลักษณะ คือ แบบแนวตั้งใช้สัดส่วน 50:50 สอนแบบเผชิญหน้า 50 % แบบออนไลน์ 50 % แบบครึ่งต่อครึ่งตลอดเทอม คู่ขนานไปด้วยกัน อีกแบบหนึ่งคือแบบแนวนอนจัดการสอนในชั้นเรียน 50 % ที่เหลือ อีก 50 % ให้เรียนแบบออนไลน์ หรืออาจแบ่งสัดส่วนเป็น 20:80, 30:70 ตามความเหมาะสมแต่ต้องมีการเรียนแบบออนไลน์ 50 % ขึ้นไป จึงจะแสดงว่าการเรียนแบบออนไลน์เป็นตัวหลัก แต่ถ้าน้อยกว่า 50 % ถือว่าเป็นสื่อช่วย ในการนำ Blended learning ไปใช้ต้องมีการกำหนดสัดส่วน ออกแบบการสอน เลือกสื่อ ทั้งในชั้นเรียนและแบบออนไลน์ให้เหมาะสม ข้อจำกัดในการจัดการเรียนการสอนแบบ Blended learning ในการออนไลน์ถ้าระบบไม่สมบูรณ์จะมีปัญหาทำให้การสอนขัดข้อง ครูไม่มีความพร้อม นักเรียนไม่มีอุปกรณ์การเรียนแบบออนไลน์ โรงเรียนมีคอมพิวเตอร์ไม่เพียงพอ ซึ่งมีแนวทางแก้ไขคือ จะต้องมีการวิเคราะห์ความพร้อมด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ ครู นักเรียน และเทคโนโลยี ออกแบบการสอนให้เหมาะสมกับการเรียนแบบออนไลน์
ปัจจุบันแนวโน้มการจัดการเรียนการสอนแบบ Blended learning ก็จะมีมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่มาช่วยสอนได้เป็นอย่างดี ควรพยายามนำเอาสื่อเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการเรียนการสอนให้ได้ผล นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐ เช่น ให้มีอินเตอร์เน็ทความเร็วสูง การใช้แท็บเล็ทในการเรียนการสอนซึ่งต้องออนไลน์สู่ระบบอินเตอร์เน็ทด้วย ในระดับอุดมศึกษายังต้องใช้ Blended learning อยู่มาก ในกลุ่มนักเรียนซึ่งใช้สังคมออนไลน์ ในการซักถามการบ้านหรือส่งการบ้านเป็นต้น ดังนั้น Blended learning มีแนวโน้มจะใช้มากขึ้น แต่ถ้าผู้สอนยังใช้วิธีสอนแบบเดิมๆ แต่นักเรียนเข้าสู่การออนไลน์มากขึ้น การเรียนการสอนก็จะไม่สัมพันธ์กัน ควรให้มีการเรียนรู้ร่วมกันมากขึ้นอย่าคิดว่าเป็นภาระ ให้ถือว่า Blended learning เป็นเครื่องมือสำคัญช่วยในการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อผู้เรียนในอนาคตต่อไป
ไม่มีความเห็น
นางสาวยุพิน ปัญญาประชุม สาขาวิชาการวิจัยและพัฒนาการศึกษา รหัสนักศึกษา 55421231115
สรุป เรื่องการทดสอบประสิทธิภาพสื่อและชุดการสอน ด้วย E1/E2 Model
บรรยายโดย ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์
ความหมายของการทดสอบประสิทธิภาพ การทดสอบประสิทธิภาพ หมายถึง การนำสื่อหรือชุดการสอนไปทดสอบด้วยกระบวนการสองขั้นตอน คือ การทดสอบประสิทธิภาพเบื้องต้น (Try out) การทดสอบประสิทธิภาพจริง (Trial run) เพื่อหาคุณภาพของสื่อว่า ทำให้ผู้เรียนมีความรู้เพิ่มขึ้น ช่วยให้ผู้เรียนผ่านกระบวนการเรียน และทำแบบประเมินสุดท้ายได้ดี และการทำให้ผู้เรียนมีความพึงพอใจ นำผลที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข ก่อนที่จะผลิตออกมาเผยแพร่เป็นจำนวนมาก
การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพ
เกณฑ์ หมายถึง ขีดกำหนดที่จะยอมรับว่า สิ่งใดหรือพฤติกรรมใดมีคุณภาพและหรือปริมาณที่จะรับได้ การตั้งเกณฑ์ตั้งไว้ครั้งแรกครั้งเดียว เนื่องจากเป็นเกณฑ์ต่ำสุด หากผลสูงกว่าเกณฑ์อย่างมีนัยสำคัญที่ระดับ .05 หรืออนุโลมให้มีความคลาดเคลื่อนต่ำหรือสูงกว่าค่าประสิทธิภาพที่ตั้งไว้ 2.5 ก็ให้ปรับเกณฑ์ขึ้นไปอีกช่วงหนึ่ง แต่หากได้ค่าต่ำกว่าค่าประสิทธิภาพที่ตั้งไว้ ต้องปรับปรุง นำไปทดสอบประสิทธิภาพการใช้หลายครั้งในภาคสนามจนได้ค่าถึงเกณฑ์ที่กำหนด
เกณฑ์ประสิทธิภาพ หมายถึง ระดับประสิทธิภาพของสื่อหรือชุดการสอนที่จะช่วยให้ผู้เรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม เป็นระดับที่ผลิตสื่อหรือชุดการสอน จะพึงพอใจว่าสื่อหรือชุดการสอนนั้นมีคุณค่าที่จะนำไปสอนนักเรียน และคุ้มค่าการลงทุนผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก
การกำหนดเกณฑ์ประสิทธิภาพกระทำได้โดยการประเมินผลพฤติกรรมผู้เรียน 2 ประเภท คือ
ประเมินพฤติกรรมต่อเนื่อง คือ ประเมินผลต่อเนื่อง ซึ่งประกอบด้วยพฤติกรรมย่อยของ
ผู้เรียนเรียกว่า กระบวนการ (Process) เกิดจากการประกอบกิจกรรมกลุ่ม กำหนดค่าประสิทธิภาพ
E1 = Efficiency of Process (ประสิทธิภาพของกระบวนการ)
ประเมินพฤติกรรมสุดท้าย คือ ประเมินผลลัพธ์ (Product) ของผู้เรียนโดยพิจารณาจาก
การสอนหลังเรียนและการสอบไล่ กำหนดค่าประสิทธิภาพเป็น E2 = Efficiency of Product (ประสิทธิภาพของผลลัพธ์)
E1/E2 = ประสิทธิภาพของกระบวนการ/ประสิทธิภาพของผลลัพธ์ การกำหนดเกณฑ์ E1/E2 ให้มีค่าเท่าใดนั้น ให้ผู้สอนเป็นผู้พิจารณาตามความพอใจ โดยพิจารณาพิสัยการเรียนที่จำแนกเป็น วิทยพิสัย (Cognitive Domain) จิตพิสัย (Affective Domain) และทักษพิสัย (Skill Domain)
วิธีการคำนวณประสิทธิภาพ กระทำได้ 2 วิธี คือ
1. โดยวิธีการใช้สูตรในการคำนวณ
2. โดยการใช้วิธีการคำนวณธรรมดา
การตีความหมายผลการคำนวณค่า E1/E2
ความคลาดเคลื่อนของผลลัพธ์ ให้มีความคลาดเคลื่อนหรือความแปรปรวนของผลลัพธ์ได้ไม่เกิน .05 (ร้อยละ) จากช่วงต่ำไปสูง = ± 2.5 นั่นคือผลลัพธ์ของค่า E1 หรือ E2 ที่ถือว่า เป็นไปตามเกณฑ์ มีค่าต่ำกว่าเกณฑ์ได้ 2.5% และสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้ไม่เกิน 2.5% หากคะแนน E1 หรือ E2 ห่างกันเกิน 5 % แสดงว่ากิจกรรมที่ให้นักเรียนทำกับการสอนหลังเรียนไม่สมดุลกัน หากสื่อหรือชุดการสอนได้รับการออกแบบและพัฒนาอย่างดีมีคุณภาพ ค่า E1 และ E2 จะต้องใกล้เคียงกันและห่างกันไม่เกิน 5 %
ขั้นตอนการทดสอบประสิทธิภาพ
การทดสอบประสิทธิภาพแบบเดี่ยว (1:1) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่ผู้สอน 1 คน
ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียน 1-3 คน โดยใช้เด็กอ่อน ปานกลาง หรือเด็กเก่ง ให้ดีขึ้น คะแนนที่ได้ในขั้นนี้ประมาณ 50-60 %
การทดสอบประสิทธิภาพแบบกลุ่ม (1:10) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่ผู้สอน 1 คน
ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียน 6-12 คน (คละผู้เรียนเก่ง ปานกลาง และอ่อน) คะแนน E1/E2 ที่ได้จะมีค่าประมาณ 60-70 %
การทดสอบประสิทธิภาพภาคสนาม (1:100) เป็นการทดสอบประสิทธิภาพที่ผู้สอน 1 คน
ทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอนกับผู้เรียนทั้งชั้น (30 คนขึ้นไป แต่ไม่ต่ำกว่า 15 คน) ผลลัพธ์ควรใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หากต่ำจากเกณฑ์ไม่เกิน 2.5 % ให้ยอมรับว่าสื่อหรือชุดการสอนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ หากต่ำกว่าเกณฑ์มากกว่า -2.5 ให้ปรับปรุงทดสอบภาคสนามซ้ำ หากสูงกว่าไม่เกิน +2.5 ก็ยอมรับ หากสูงกว่าเกิน +2.5 ให้ปรับเกณฑ์ขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ข้อควรคำนึงในการทดสอบประสิทธิภาพสื่อหรือชุดการสอน
การเลือกผู้เรียนเข้าร่วมประสิทธิภาพ ควรเลือกตามแนวทางการสุ่มตัวอย่างที่ถูกต้อง
เวลาและสถานที่ต้องเหมาะสมกับผู้เรียน
มีการชี้แจงวัตถุประสงค์และวิธีการ
ต้องรักษาสภาพการณ์ให้เหมือนที่เป็นอยู่ในห้องเรียนทั่วไป
ครูจะต้องดำเนินการสอนตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ในแต่ละระบบการสอน
ปัญหาที่พบจากการทดสอบประสิทธิภาพ
นักวิชาการรุ่นหลังนำแนวคิดทดสอบประสิทธิภาพที่พัฒนาโดย
ศาสตราจารย์ ดร.ชัยยงค์ พรหมวงศ์ มาเป็นของตนเอง โดยเขียนเป็นบทความหรือตำราแล้วไม่มีการอ้างอิง
นักวิชาการนำ E1/E2 ไปเป็นของฝรั่ง
นักวิชาการไม่เข้าใจหลักการของการตั้งเกณฑ์ประสิทธิภาพ
ไม่เข้าใจความสัมพันธ์ของ E1 และ E2 ทั้งสองค่าควรใกล้เคียงกัน
นักวิชาการบางคนเขียนเผยแพร่ว่า E1 ควรมากกว่า E2 ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ไม่ถูกต้อง
ไม่มีความเห็น
ชื่อผู้นำเสนอ ชื่อเรื่องที่นำเสนอ ข้อดี ข้อปรับปรุง ข้อเสนอแนะ สรุปผลการประเมิน ระดับ น้อย(1) ปานกลาง(2) มาก(3)
ไม่มีความเห็น