ไม่สมบูรณ์แบบ


ได้รับจดหมายส่งต่อจากผู้ที่ผมนับถือท่านหนึ่ง แต่ไม่สามารถระบุต้นทางได้ อยากเอามาให้อ่าน; ตามฟอร์มของตามใจฉัน คือไม่แปลครับ

An elderly Chinese woman had two large pots, each hung on the ends of a pole which she carried across her neck.

One of the pots had a crack in it while the other pot was perfect and always delivered a full portion of water.

At the end of the long walks from the stream to the house, the cracked pot arrived only half full.

For a full two years this went on daily, with the woman bringing home only one and a half pots of water.

Of course, the perfect pot was proud of its accomplishments.

But the poor cracked pot was ashamed of its own imperfection, and miserable that it could only do half of what it had been made to do.

After two years of what it perceived to be bitter failure, it spoke to the woman one day by the stream "I am ashamed of myself, because this crack in my side causes water to leak out all the way back to your house."

The old woman smiled, "Did you notice that there are flowers on your side of the path, but not on the other pot's side?" "That's because I have always known about your flaw, so I planted flower seeds on your side of the path, and every day while we walk back, you water them."

"For two years I have been able to pick these beautiful flowers to decorate the table.

Without you being just the way you are, there would not be this beauty to grace the house."

Each of us has our own unique flaw. But it's the cracks and flaws we each have that make our lives together so very interesting and rewarding.

You've just got to take each person for what they are and look for the good in them.

SO, to all of my crackpot friends, have a great day and remember to
smell the flowers on your side of the path!

And send this to any or all of your Cracked Pot friends within 5 minutes and see what happens! don't forget the Cracked Pot that sent it to you!

หมายเลขบันทึก: 110088เขียนเมื่อ 9 กรกฎาคม 2007 23:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน 2012 18:57 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ผมอ่านแล้วนึกถึง "คนเป็นนาย" นะครับ ว่าคนเป็นนายก็ต้องรู้จักที่จะดูแลลูกน้องเหมือนกันกับที่หญิงชราเข้าใจถึงคุณสมบัติของหม้อแตกใบนั้น แล้วทำให้ความไม่สมบูรณ์พร้อมนั้งอกงามและมีคุณค่าในอีกด้านหนึ่งแทน

 แต่ก็เหมือนเพ้อไปเองว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้น.. ไม่ทราบในความเป็นจริงมีหรือไม่

 ไม่ทราบว่าคุณ Conductor มีเรื่องทำนองนี้เล่าให้ฟังเป็นกรณีศึกษาไหมครับ

สวัสดีค่ะคุณคอนดัคเตอร์

ประโยคแรกของ the old woman น่ารักมากค่ะ "Did you notice that there are flowers on your side of the path, but not on the other pot's side?"

That's true...no one is perfect, even myself.

ขอบคุณค่ะ

คุณ jrp13th (ผมตัดไม้เอกออก): มีกรณีแบบนี้ในชีวิตจริงครับ ตัวอย่างชัดๆ คงเล่าไม่ได้หรอกครับ เป็นเรื่องภายในบริษัท

อาจมีหลายท่านเหมือนกันที่เห็นว่า "คนเป็นนาย" เป็นอุดมคติเกินไป แต่อาจจะไม่กล้าพูดตรงๆ ด้วยความเกรงใจหรืออะไรก็แล้วแต่; "คนเป็นนาย" นั้นเขียนจากประสบการณ์ครับ เขียนจากแนวคิดที่เป็นอยู่ มีผู้ร่วมประสบการณ์ตามมาอ่านกันบ้างแต่ว่าไม่ค่อยแสดงตัว บางทีก็มาหาเหตุผลว่าทำไมสิ่งต่างๆ จึงเป็นไปแบบที่เป็นอยู่

สำหรับท่านที่ไม่ได้มีประสบการณ์ร่วมกัน ก็ขอเรียนว่าสิ่งที่เขียนเป็นไปได้ครับ เพียงแต่บางที เรามักรู้สึกว่าทำไม่ได้ ติดขัดที่โน่นที่นี่ ระเบียบไม่เอื้ออำนวย คนไม่เจ๋งพอ หรืออะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย

แต่ที่แนวคิดอย่างนี้กลายเป็นส่วนของการทำงานปกติ ก็เพราะว่าทำให้มันเป็นปกติมาตั้งแต่เริ่มแรก เป็นเพราะผมโชคดีที่ได้รับโอกาสให้เริ่มทำกับองค์กรขนาดเล็ก และผู้คน buy-in แนวคิดนี้มาตั้งแต่แรก(มั๊งครับ) เมื่อองค์กรเติบโตขึ้น คนใหม่ๆ เข้ามาก็พยายามปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรม ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทำได้บ้างไม่ได้บ้าง

ในองค์กร มีงานหลายอย่างครับ ผมคิดว่าหม้อรั่วใบนั้น คงเหมาะกับที่ใดที่หนึ่ง สามารถพิสูจน์ตนเองว่า "คุ้มค่า" ได้

เครื่องมือพิสูจน์อย่างหนึ่งคือการโยกย้ายและการจัดผังองค์กรครับ บริษัทผมทำบ่อยเพราะลักษณะงานเปลี่ยนแปลงเร็ว แต่ไม่อยากให้สรุปว่าควรทำบ่อย เรื่องนี้ต้องดูความเหมาะสมหลายๆ ด้าน แต่ถ้าทำหลายอย่างแล้วยัง "ไม่คุ้มค่า" คงต้องสรุปว่าไม่คุ้มครับ เป็นปัญหาตั้งแต่ต้นทาง คือกระบวนการคัดสรรคนเข้ามาในองค์กร การประเมินช่วงทดลองงาน ซึ่งยากเหมือนกันนะครับ

คงต้องเป็นนายที่เข้าใจลูกน้อง อ่านเขาให้ชัดเจนและถูกต้อง เพื่อที่ assignment จะเป็นสิ่งที่เขาถนัด เกิดความมั่นใจในตัวเอง และองค์กรก็ได้งานด้วย

ใน "เกี่ยวกับบล๊อกนี้" ของคนเป็นนาย เขียนไว้ว่า  บล๊อกนี้มีอัตราการเขียนบันทึกต่ำ เนื่องจากไม่ต้องการจะฝืน เขียนเพื่อให้คิด ไม่ได้ต้องการจะให้เชื่อ หากท่านผู้อ่าน ทั้งลูกค้าประจำและขาจร สงสัยหรืออยากให้ผู้เขียนแสดงความคิดเห็นในประเด็นใด สามารถใช้เรียกบริการได้ที่ สอบถาม Conductor

คุณณิชนันทน์P: แนวคิดของอาซิ้มนั้น มองและเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ไม่ฝืนธรรมชาติ ไม่ได้คาดหวังให้หม้อรั่วเป็นหม้อดี แกหาบน้ำได้วันละหม้อครึ่ง ก็ยังดีกว่าได้หม้อเดียวหากแกทิ้งหม้อรั่วไปเฉยๆ ใช่ไหมครับ น้ำที่ "สูญเสีย" แกก็ยังใช้ประโยชน์ไปปลูกแปลงดอกไม้ได้

ส่วนของหม้อรั่ว กลับไม่เข้าใจตัวเอง มัวแต่เอาตัวเองเทียบกับสิ่งที่ตนคิดว่า "สมบูรณ์แบบ" ทั้งๆ ที่ตนก็เป็นแบบนั้นไม่ได้ มองไม่เห็นงานและคุณค่าของตน เรียกได้ว่าไม่เข้าใจตนเองอย่างแท้จริง แต่หม้อรั่วดีอยู่อย่างนึงครับ คือพูดกับอาซิ้ม ปรับความเข้าใจกันครับ

สวัสดีค่ะ

เรื่องทำนองนี้ ดิฉันมีตัวอย่างมาก ที่ประสบมา เช่น ณ ขณะนี้เลย มีพนักงานธุรการคนหนึ่ง อยู่กันมา7 ปี เป็นคนไม่ค่อยฉลาด สอนอะไรค่อนข้างรับช้า แต่ก็รับได้ ถ้าไม่ยากจนเกินไป  จากคนที่ทำอะไรไม่เป็นเท่าใด ตอนนี้เป็นแล้ว แม้จะให้คะแนนได้แค่ 65%เท่านั้น ปลุกปล้ำมานาน

แต่ทำไมอยู่กันได้

เพราะเขาเป็นคนมีน้ำใจดี เอื้อเฟ้อ ไม่เห็นแก่เงิน ไม่เห็นแก่ตัว เสียสละประโยชน์ของตัวเองให้องค์กรได้ก่อน เป็นคนไม่ดื้อ เชื่อฟัง แต่ไม่เก่ง

รู้สึกหงุดเล็กๆ เวลาที่ทำงานให้ดิฉันไม่ได้ อย่างใจ    เคยดุเขา แต่มาคิดเสียใจเสียเอง ว่าเราไม่ควรปากไว ทำลายน้ำใจเขา  คนเราความสามารถเขาทำได้ดีที่สุดแค่นี้ จะให้ทำอย่างไร

คนๆนี้สอนดิฉันทางอ้อมให้ใจเย็น อดทนกับคนช้าๆได้  และหัวไม่ไว  ในขณะที่แต่ก่อน ดิฉันจะทนไม่ค่อยได้

หลวงพ่อที่ดิฉันเคารพ  และลูกค้าที่สนิทเคยเตือนดิฉันดิฉันบ่อยๆว่า ดิฉันจะเครียดเพราะ ความเจ้าระเบียบของตัวเอง ต้องปรับปรุงตัวใหม่

ต่อมาอีกหลายปี 

ดิฉันได้ไปหาหลวงพ่อ เพื่อคุยเรื่องธรรมะกับท่าน และบอกท่านว่า

ตอนนี้ ดิฉันเปลี่ยนไป แล้วนะคะ คนสอนดิฉันให้เข้าใจความเป็นจริงในชีวิต และไม่คาดหวังอะไรกับใครๆมากไป คือลูกน้องดิฉันเอง ไม่ได้มีคนนี้คนเดียวค่ะ มีอีกหลายคน ที่เป็นแบบหม้อรั่วนั้น

ตอนนี้ มีความสุขมากขึ้นมากๆค่ะ ขอบคุณจริงๆ

ขอบคุณคุณ Conduter และคุณ sasinanda ครับที่ช่วยฉายภาพให้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
 
โดยส่วนตัวชอบแนวคิดของคุณ Conduter มากครับ ติดตามโดยรับ RSS มาตั้งแต่ต้น เป็นรายการที่เข้ามาใน reader เมื่อใดกดอ่านเมื่อนั้น เสร็จแล้วก็ต้อง เอา mask as read ออก เพื่อกลับมาอ่านอีกรอบเป็นอย่างน้อย อ่านจบก็อดใส่ Star ไว้ไม่ได้ หลายครั้งที่อยากแสดงความคิดเห็นบ้าง แต่ทวนความคิดอยู่หลายครั้งก็ไม่ทำ เลยเข้าทำนองแอบมองข้างเดียวมานานครับ 
 
จากกรณีศึกษาของคุณ sasinanda ก็ช่วยเปิดหูเปิดตาให้ผมได้มากครับ สะท้อนให้ผมตระหนักในความสำคัญของเรื่องหลายๆ เรื่องจากหลายๆ มุมมองเลยครับ ทั้งลูกน้อง นายจ้าง จนถึงไปถึงความเป็นกัลยาณมิตรเลยที่เดียว (ความคิดฟุ้งออกไปไกลเลยครับ ^ ^" )
 
"มองและเข้าใจสิ่งต่างๆ ตามความเป็นจริง ไม่ฝืนธรรมชาติ" กับ "มัวแต่เอาตัวเองเทียบกับสิ่งที่ตนคิดว่า "สมบูรณ์แบบ" ทั้งๆ ที่ตนก็เป็นแบบนั้นไม่ได้ มองไม่เห็นงานและคุณค่าของตน" เป็นวรรคทองสำหรับผมเลยครับ
 
ขอบคุณอีกครั้งครับ 
คุณ jrp13th ครับ อ่านแล้วอยากเขียนอะไรก็เขียนเถิดครับ คุณ Conductor ชอบ

ขอบคุณคุณศศินันท์มากเลยครับ ที่มาช่วยเติมเต็มบันทึกนี้

คุณลูกน้องคุณ Conductor: ผมชอบอ่านจริงครับ แล้วก็อ่านหลายอย่างด้วย แต่ผมไม่ได้ชอบให้ใครเขียน ใครจะทำอะไรนั้น ก็เป็นเรื่องของเขา ซึ่งถ้าคุณเป็นลูกน้องผมจริง เรื่องนี้คุณก็รู้อยู่แล้ว

อ่านแล้วชอบเหมือนกันค่ะ เพราะรู้สึกว่าตัวเองเป็น cracked pot เหมือนกัน เพราะคงไม่มีใครสมบูรณ์แบบ

คนเราถ้ารู้จักใช้ รู้จักเหตุ ผล รู้จักมอง (ทำให้นึกถึงเรื่องสัปปุริสธรรมที่คุณConductor เขียนไว้เลย) ก็ย่อมจะทำประโยชน์ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย  แต่พอขาดสัปปุริสธรรม cracked pot ก็เลยกลายเป็นไร้ประโยชน์ไป...

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท