ค่ายแห่งความสุข สนุกสนาน ค่ายร้อนๆ จ้า
ทีมอุบล เป็นแม่งานใหญ่ จัดนัดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ประสบการณ์ จัดค่ายให้เด็ก ทั้งที่ติดเชื้อเอดส์ และที่ได้รับผลกระทบ
โดยสำนักโรคเอดส์(BATS) และศูนย์ ความร่วมมือไทยสหรัฐ (TUC)เป็นพี่เลี้ยง
เชิญทีมงานจากจังหวัดต่างๆไม่ว่าจะอยู่ไกลๆ เชียงราย ขอนแก่น เพชรบุรี หรืออยู่ใน กทม ศิริราช สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติที่มีประสบการณ์ทำค่าย มา อภิปราย มาเล่าให้คนในห้องประชุมฟัง
คนฟังล้วนหลากหลาย จากหน่วยงานสำคัญต่างๆ ที่จะมีส่วนช่วยเหลือ เด็กๆของเรา ได้แก่ UNICEF มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์กรพัฒนาเอกชน มหาวิทยาลัยขอนแก่น สปสช กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ฯลฯ
ทั้งห้องประชุม ก็ได้เรียนรู้เทคนิก ค่าใช้จ่าย รปแบบต่างๆ ทักษะการทำค่าย และการประเมินผลการทำ จากประสบการณ์ ตรงของ คนทำงานจริง
จากทีมอุบล ที่ทำค่ายทุกปี ตั้งแต่ปี 2546 และขยายมาเรื่อยๆ
จาก ดร ภัทระ แสนไชยสุริยา ม ขอนแก่น ผู้ประเมินค่ายของทีมอุบล และเชียร์ให้ทำค่ายเพิ่ม ให้ขยาย ให้ทำเพราะไม่แพง
อาจารย์ พบว่าเด็กและผู้ดูแลยังมีความรู้ไม่ถูกต้องที่ควรช่วยเหลือ และพบว่าค่ายเป็นกิจกรรมสันทนาการสร้างความสัมพันธ์ ความสามัคคี และลดความรู้สึกด้านลบที่มีต่อตนเองและครอบครัวในตัวเด็ก
จากการประเมินสังเกตชนิดคลุกวงใน ในหลายค่ายที่ อุบล
อาจารย์ภัทระให้ข้อคิดที่กินใจว่า
การมีอยู่ของคนหนึ่ง มีความหมายยิ่งต่อการคงอยู่ของอีกคนหนึ่ง
เราฟังต่อจาก ประสบการณ์ของทีมเชียงราย เพชรบุรี ขอนแก่น ศิริราชและ สถาบันสุขภาพเด็ก ที่แตกต่างกัน หลากหลาย มากมาย
เราฟังการสนับสนุน ความช่วยเหลือ ที่สามารถมาจาก สปสช กระทรวงพัฒนาสังคมฯ จากองค์กรต่างประเทศ
และสรุปกันว่า บทเรียนประสบการณ์ เรื่องทำค่ายนี้ ได้ประโยชน์ ยิ่งนัก
ที่ประชุมโดยมีคุณหมอกุ๊ก รังสิมา แห่ง TUC เป็นประธาน ก็ เห็นสมควรว่า
เราต้องสรุป ออกมาเป็นหนังสือ เป็นคู่มือ เป็นรูปเล่ม ที่สามารถนำไปเป็นตัวอย่างให้แก่ พื้นที่อื่นๆ ซึ่งอาจมีศักยภาพในการทำค่าย ให้ทำงานค่ายต่อ หรือให้เริ่มต้นค่ายให้ดียิ่งขึ้นกว่าที่เราเคยทำกันมาแล้ว
คุณปุ๊ก ธิดาพรแห่ง BATS เธอหนับหนุนว่าได้ ได้เลย ค่ะ
วันนี้ 8 ตค 50 หมอรวิวรรณ ได้โอกาส จูงวัยรุ่น 2 คน อายุ 15 และ 18 ปี ขณะนี้อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ( เขาพาน้องที่บ้านเดียวกันมาสมัครรับยาต้านไวรัสที่รพเชียงรายฯ )ทั้งสองคนกินยาต้านไวรัสมาเกิน 1 ปี สุขภาพแข็งแรงดี ยิ้มแย้มแจ่มใส พากันมาสัมภาษณ์ในห้อง
ถามว่า ตอนนี้หนูทั้งสองคน มีความทุกข์ใจกลุ้มอกกลุ้มใจบ้างไหม
น้องทั้งสอง สบตากันเองและสบตาป้าหมอเต็มๆ ก่อนจะตอบว่า
เมื่อก่อนเป็นทุกข์ มาก ทั้งวันนั่งคิดแต่เรื่องเศร้าหมอง คิดถึงแต่ที่เราติดเชื้อ คิดเรื่องครอบครัว ทุกข์ใจทั้งวัน ไม่กล้า กลัวสารพัด กลัวคนรู้ กลัวป่วย คิดว่าเราไม่เหมือนคนอื่น
นิ่งไปสักแป๊บ เธอก็ พูดฉาดฉานอย่างมั่นใจต่อว่า
ตอนนี้ดีขึ้นมาก หนูไม่กลัวคนอื่นรู้ หนูไม่ทุกข์ใจ นั่งคิดแต่เรื่องโรคที่เป็น หนูมีความสุขขึ้นมากค่ะ
ถามว่าหนูทำใจได้ หนูทุกข์น้อยลง มีความสุขมากขึ้นตั้งแต่เมื่อไร
คำตอบของทั้งสองคนคือ หลังจากหนูไปเข้าค่ายวัยรุ่น
หลังคุย วัยรุ่นทั้งสองเดินออกจากห้อง หน้าเปื้อนยิ้ม
รักษากายเด็กๆ ด้วยยาต้าน ด้วยระบบโรงพยาบาล เท่านั้นไม่พอ
ต้องรักษาจิดใจที่มีบาดแผล ที่โหยหาความรักความอบอุ่น จิตใจที่รู้สึกต่ำต้อยด้อยค่าของเด็ก
ให้เขารู้ถึงคุณค่าของตนเอง
ซึ่งการทำค่ายก็ เป็นคำตอบ เป็นทางออก ที่ดีให้เรา วิธีหนึ่ง