ดร.กีร์รัตน์ สงวนไทร รองอธิการบดีฝ่ายแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ ขอให้ดิฉันเข้าร่วมประชุม มหกรรม KM ภูมิภาค ครั้งที่ ๑ : กรณีความสำเร็จในเขตภาคเหนือตอนล่าง แทนแบบกะทันหัน เนื่องจากมีภารกิจอื่นอยู่แล้ว ดิฉันจึงสามารถเข้าประชุมได้เพียงวันศุกร์ที่ ๒๘ กันยายน วันเดียว
ออกเดินทางจากกรุงเทพแต่เช้าตรู่ เจอผู้เข้าประชุมหลายคนรวมทั้งบุคคลสำคัญคือ ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช มาถึงสนามบินพิษณุโลก ดิฉันโทรศัพท์แจ้ง นพ.นิพัธ กิตติมานนท์ ผช.ผอ. รพ.พุทธชินราช แกนหลักของเครือข่าย KM เบาหวาน ให้รู้ว่าดิฉันมาที่นี่ รศ.มาลินี ธนารุณ คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร มารับที่สนามบินพาไปสถานที่จัดประชุมแต่เช้า เราเลยได้สำรวจทั่วบริเวณในช่วงที่ยังไม่ค่อยมีคน เจอคุณสิงห์ป่าสักเดินไปเดินมาอยู่เหมือนกัน
บางส่วนของนิทรรศการ |
คุณลุงจินดา ทาทิพย์ และเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ นครสวรรค์ |
ทีม สคส. ก็มาแสดงนิทรรศการ จำหน่ายหนังสือ CD และประชาสัมพันธ์การบริการ รวมทั้งมหกรรม KM แห่งชาติครั้งที่ ๔
ทีมหนุ่ม-สาวจาก สคส. |
ผู้เข้าประชุมลงทะเบียนตามจังหวัด |
๐๘.๕๕ น. ตามนาฬิกาของดิฉัน มีพิธีเปิดการประชุม รศ.ดร.มณฑล สงวนเสริมศรี อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวรายงาน ศาสตราจารย์เกียรติคุณ คุณหญิงไขศรี ศรีอรุณ นายกสภามหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวเปิดงาน ใช้เวลาเพียง ๕-๖ นาทีเท่านั้น
หลังจากนั้นมี VCD CoAP เครื่องปั้นดินเผา ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างนักวิชาการ ตัวเอกคือ รศ.จิรวัฒน์ พิระสันต์ จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และคุณป้าศรีเพ็ญ ใจเชื้อ VCD นี้แสดงให้เห็นว่าทั้งชาวบ้านและชุมชนต่างฝ่ายต่างก็ได้ประโยชน์จากการทำงานร่วมกัน และขยายไปสู่การทำงานแบบเครือข่าย ได้เห็นการจัดการความรู้และการวิจัยที่ต่อยอดและเสริมซึ่งกันและกัน เป็นตัวอย่างที่นักวิชาการควรเอาอย่าง
๐๙.๒๐ น.เป็นปาฐกถาพิเศษเรื่อง “เครือข่ายทางปัญญากับการขับเคลื่อนสังคมแห่งการเรียนรู้” โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ที่เตือนผู้เข้าประชุมก่อนว่าสิ่งที่พูดมาจากการตีความและให้ความเห็นเกี่ยวกับเครือข่ายทางปัญญา ขอให้ระมัดระวังในการฟัง เพราะท่านจะใช้มุมมองที่มีความลำเอียง คิดแบบสุดโต่ง เป็นมุมมองจากสังคมยุคคลื่นที่ ๔ และเตือนว่าความรู้เก่าง่าย หลอกง่าย ถ้าไม่ระวังจะหลงผิดได้ง่าย
ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช |
ปาฐกถาครั้งนี้ (ดู PowerPoint ที่นี่) ทำให้ดิฉันเข้าใจเรื่องความรู้ การจัดการความรู้ และที่สำคัญคือเรื่องของเครือข่ายเรียนรู้มากยิ่งขึ้น ภาพของเครือข่ายจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทำให้มองเห็นทิศทางในการที่จะขับเคลื่อนเครือข่าย KM เบาหวานที่ชัดเจนขึ้น
โครงสร้างเครือข่าย (INN: Individual, Node, Network) มีอิสระ freedom สูง แต่มีความเชื่อมโยงกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ต่างจากโครงสร้างอำนาจที่เป็นปิรามิดที่แข็ง มีอิสระน้อย การที่มีอิสระน้อยทำให้เรียนรู้ยาก
ในองค์กรเรียนรู้ต้องมีเครือข่ายทางปัญญา เป็นเครือข่ายกึ่งปิดกึ่งเปิด ต้องเปิดโอกาสให้คนมีปฏิสัมพันธ์กับข้างนอก ข้ามแดน เพื่อสร้าง “พลังลูกครึ่ง” เช่น เครือข่าย รพ.ก็ต้องไปเชื่อมกับเครือข่าย รร. ต้องมีสะพาน มีวิธีการเชื่อมหลากหลาย มีคนที่ทำหน้าที่ “ช่างเชื่อม” Co-ordinator หรือคุณประสาน
มหาวิทยาลัยต้องเลิกคิดว่ามหาวิทยาลัยเป็นแหล่งความรู้ที่ดีที่สุดหรือเป็นศูนย์รวมความรู้ เพราะความรู้กระจายไปทั่ว มหาวิทยาลัยก็เป็น network หนึ่ง ควรจะสร้าง basic research จากเทคโนโลยีที่ชาวบ้านทำ บริการการเรียนรู้ มีคุณอำนวยช่วยให้ชาวบ้านได้เรียนรู้ เน้น interdependent เชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของกระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เชื่อในความมหัศจรรย์ของปฏิสัมพันธ์เชิงบวก การมีจินตนาการร่วมกัน
ปัญญาไม่ใช่หมายถึงความรู้ เพราะความรู้ที่มีๆ นั้นหลายอย่างผิด (อดีตอาจถูก) ต้องตีความความรู้เป็น judgement ต่อความรู้ดีกว่า content ของความรู้ ปัญญาที่แท้คือปัญญาที่มาจากการปฏิบัติ เป็นปัญญาในระดับกระบวนทัศน์และระดับปฏิบัติการ (content = ปัญญาระดับล่าง judgement = ปัญญาระดับกลาง) ปัญญารวมหมู่สำคัญกว่าปัญญาคนๆ (ปัญญาปัจเจก)
ต่อไปธาตุแท้หรือ talent ของคน จะเป็นเรื่องสำคัญ คนที่มีคุณค่าสูงสุดดูที่ธาตุแท้ ไม่พูดถึงความรู้ เพราะความรู้หาได้ แต่ talent ฝึกยาก
ผู้บริหารต้องมีทักษะใหม่ ทำให้เกิด collaboration ระดับหน่วยงาน ภายใน ภายนอก ต้องคิดว่าความสำเร็จของงานต้องอาศัยปัญญาคนอื่นด้วย ปัญญาของเราไม่พอ
อาจารย์วิจารณ์สรุปในสไลด์สุดท้ายว่าสังคมแห่งการเรียนรู้เป็นสังคมเปิด (กึ่งปิดกึ่งเปิด) ที่มีอิสรภาพสูง และมีความมุ่งมั่นร่วมกันสูง การเรียนรู้ที่ทรงพลังที่สุดคือการเรียนรู้ที่ใช้ “พลังสาม” คือ INN และเป็นการเรียนรู้เชิงบวก เน้นที่การปฏิบัติ
หลังพัก รับประทานอาหารกลางวัน คุณหมอนิพัธส่งลูกน้องมารับให้ไปดูกิจกรรม “เพื่อนช่วยเพื่อน” เรื่องงานจิตอาสา ซึ่งมีทีมจากอำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ มาเยือนกลุ่มงานเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.พุทธชินราช แม้ไม่ได้ฟังเรื่องราวของ รพร.ด่านซ้าย แต่ก็มีความสุขที่ได้รับรู้เรื่องจิตอาสาดีๆ มากมาย
วัลลา ตันตโยทัย